บทที่ 148 มาส่งลูกไก่
บทที่ 148 มาส่งลูกไก่

หวังเซียงฮวากำลังจะพาซูเสี่ยวเหมยไปทำความสะอาดลานไก่ แต่พอเห็นหลานสาวก็ทิ้งไม้กวาดในมือแล้ววิ่งไปหาด้วยความประหลาดใจ

พอวิ่งไปถึงตรงหน้าก็คิดได้ว่าเพิ่งทำความสะอาดขี้ไก่มา ตัวสกปรก จึงรีบหยุดทันที

“อั๊ยหย่า ลูกสาวแม่กลับมาแล้ว แม่ใหญ่คิดถึงจะตายอยู่แล้วเนี่ย!” หวังเซียงฮวายิ้มร่า

“หนูยังคิดอยู่เลยว่าแม่ใหญ่มีพวกลูกไก่แล้วจะลืมหนูซะอีก” ซูเสี่ยวเถียนพูดอย่างน่ารัก “พวกมันอ้วนกว่าหนูอีก!”

ซูโส่วเวินที่อยู่ด้านข้างยืนงง นี่มันคำเปรียบเทียบประเภทไหนเนี่ย?

ส่วนซูเสี่ยวเหมยหัวเราะร่า

“เสี่ยวเถียน มีใครที่ไหนเขาเปรียบเทียบกับไก่กันเล่า? ไก่อ้วนกว่าน้อง แต่น้องน่ารักกว่าไก่นะ!” ซูเสี่ยวเหมยหัวเราะก่อนจะว่า

หวังเซียงฮวาล้างมือล้างหน้า ก่อนอุ้มเสี่ยวเถียนไว้ในอ้อมแขน

“แม่ใหญ่กินข้าวก่อนนะคะ กินเสร็จเราค่อยคุยกัน เดี๋ยวข้าวเย็นหมดนะ!” ซูเสี่ยวเถียนเร่งแม่ใหญ่ หลังจากคลอเคลียอยู่ครู่หนึ่ง

“เสี่ยวเหมย มากินข้าวกัน” หวังเซียงฮวาเอ่ยเรียกซูเสี่ยวเหมย

“น้าสะใภ้ หนูกินแล้วค่ะ น้ารีบกินเถอะ” เด็กสาวว่าก่อนจะทำความสะอาดลานไก่ต่อ

เพื่อไม่เป็นการรบกวนหวังเซียงฮวากินข้าว ซูเสี่ยวเถียนจึงตามพี่สาวไปดูเล้าไก่ด้วย

ลานไก่ล้างจนสะอาดแล้ว ดินที่ไก่ใช้คุ้ยก็ไม่มีขี้ไก่กับเศษอาหาร ทั้งยังโรยปูนขาวรอบ ๆ ด้วย

เธอพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

“พี่เสี่ยวเหมย ระมัดระวังมากเลยค่ะ!”

“น้าสะใภ้เป็นคนสอนพี่หมดเลย” คนเป็นพี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหวังเซียงฮวาถึงยืนกรานจะทำความสะอาดลานไก่ทุกวัน ใครที่ไหนมันจะทำความสะอาดลานไก่ทุกวัน? สองสามวันครั้งก็พอแล้ว

แต่น้าสะใภ้ก็ยังยืนกรานแล้วบอกว่า เสี่ยวเถียนเป็นคนบอกให้ทำความสะอาดทุกวัน แล้วโรยปูนขาว เพื่อที่ไก่จะได้ไม่ป่วย

ซูเสี่ยวเหมยก็เคยได้ยินว่าก่อนหน้านี้ชุมชนเคยทำฟาร์มไก่มาก่อน แต่ล้มเหลวเพราะไก่ป่วยตาย

จากนั้นเธอก็คอยตามหวังเซียงฮวาไปทำความสะอาดลานไก่ทุกวัน ผักป่าคืออาหารที่ลูกไก่กิน เอามาล้างน้ำในลำธาร แล้วตากแห้ง ก่อนจะสับเป็นอาหารพวกมัน

หวังเซียงฮวายังพาซูเสี่ยวเหมยเอาใบผักไปผสมกับดินแล้วมาเลี้ยงไส้เดือน

ไส้เดือนแพร่พันธุ์ได้เร็วมาก และตอนนี้ก็มีเยอะมาก

ซูเสี่ยวเหมยไม่เข้าใจว่าทำไมมีไส้เดือนมันถึงเยอะนัก ดูแล้วน่าขนลุกสุด ๆ

แต่น้าสะใภ้บอกว่า รอให้ลูกไก่โตเยอะขึ้นกว่านี้ แล้วจะต้องให้ไส้เดือนเป็นอาหารทุกวัน พวกมันจะได้วางไข่มากขึ้น

ซูเสี่ยวเถียนฟังพี่สาวคุยจ้อถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเยอะแยะในเล้าไก่ช่วงนี้ รอยยิ้มที่มุมปากไม่จางหายไปเลย

“ที่จริงมันก็มีวิธีอื่นที่ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงไส้เดือนก็ได้นะคะ”

การทำเกษตรขนาดใหญ่จะอาศัยแค่การเลี้ยงไส้เดือนได้อย่างไร?

และเธอได้ขอให้เฉินจื่ออันช่วยหาวิธีซื้อกระดูกป่นและกากถั่วเหลืองมาแล้วด้วย

“มีวิธีอื่น ๆ หรือ?”

“มีค่ะ แต่ไม่รู้จะได้มันมาหรือเปล่า” ซูเสี่ยวเถียนตอบ แต่ไม่ได้พูดอะไรเยอะ

“แต่ว่านะเสี่ยวเถียน เลี้ยงด้วยไส้เดือนทำให้ไก่ออกไข่เยอะจริง ๆ!” พี่สาวพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ไก่สองตัวที่บ้านพี่ออกไข่มากกว่าเมื่อก่อนอีก!”

“ออกไข่เยอะ ๆ จะได้บำรุงป้าเถาฮวาค่ะ” ซูเสี่ยวเถียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

มุมปากของซูเสี่ยวเหมยกระตุกอย่างขมขื่น “ทำแบบนั้นได้ไงล่ะ ที่บ้านมีไก่แค่สองตัวเอง และยังต้องพึ่งพาพวกมันด้วย”

“พี่เสี่ยวเหมย รอไข่ไก่ในฟาร์มเราขายได้ พี่ก็จะได้เงินเยอะขึ้นแล้วค่ะ ไม่แน่ว่าปีหน้าอาจจะมีตั๋วลูกอมกับตั๋วผ้าก็ได้นะ”

พนักงานโรงงานของอำเภอยังมีของพวกนี้เลย พวกเราทำฟาร์มไก่ ในอนาคตจะมีแน่นอน

ซูเสี่ยวเหมยปิดปากยิ้ม “พี่ไม่กล้าคิดเลย คิดแค่จะคอยหนุนครอบครัวก็เท่านั้น”

ก่อนหน้านี้พ่อเป็นนักบัญชี ถึงฐานะทางบ้านจะไม่ค่อยสู้ดีแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

ทว่าตอนนี้ต้องพึ่งแม่เพียงคนเดียวแล้ว ความกดดันสูงมาก

อีกสองปีพี่ใหญ่ต้องพูดถึงเรื่องสะใภ้แน่ ถึงตอนนั้นจะไม่ใช้เงินได้อย่างไร?

คงด้วยเหตุนี้ หัวหน้าชุมชนจึงให้โอกาสเธอเลี้ยงไก่ที่ใครหลายคนชื่นชอบ

“พี่เสี่ยวเหมย หนูพูดจริงนะ!” เด็กหญิงยิ้มอย่างสดใส!

ขนมปังก็มี นมก็มี ตั๋วพวกนี้มีหมดเลย

ชั่วขณะหนึ่งที่รอยยิ้มอันสดใส ทำให้ซูเสี่ยวเหมยรู้สึกว่าวันนั้นจะเกิดขึ้นจริง ๆ

ซูเสี่ยวเถียนบอกซูฉางจิ่วเรื่องขยายฟาร์มไก่ อีกฝ่ายไม่พูดอะไรสักคำ เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถย่อยข่าวดีที่เด็กหญิงเอามาให้ได้

“เสี่ยวเถียนเอ้ย พูดจริงเปล่าเนี่ย?”

“จริงสิหัวหน้า เรื่องแบบนี้หนูล้อเล่นได้ที่ไหนล่ะ!”

แต่แน่นอนว่ามีหรือที่หัวหน้าจะเชื่อในคำพูดของเด็กคนหนึ่งน่ะ!

ซูเสี่ยวเถียนรู้ด้วยว่าหากไม่มีการรับรองจากเฉินจื่ออัน ผู้อำนวยการหลี่คงไม่สบายใจขนาดนี้กับเด็กคนหนึ่งได้เลย

แต่เพราะมีอาเขยรับรองให้ ผู้อำนวยการจะต้องไม่โกหกอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งภรรยาของแกที่ดันทำตัวแย่ ๆ ที่บ้านอาเขยเมื่อวาน และอาก็ไม่มีความสุขเลย ถ้าตัวผู้อำนวยการแกไม่อยากขุ่นเคืองกับอาเขยก็ต้องมีแต่ทำตัวให้ดีขึ้นเท่านั้น!

หัวหน้าชุมชนเห็นซูเหล่าซานพยักหน้าด้วย ก็เชื่อว่าสิ่งที่เด็กคนนี้พูดคงจะจริง

“เสี่ยวเถียน เธอช่วยหงซินเราอย่างใหญ่หลวงเลย” ซูฉางจิ่วรีบยิ้มตอบ

“ไม่ใช่หนูช่วยเสียหน่อย อาเขยต่างหาก!” ซูเสี่ยวเถียนขัด

ด้วยวัยของเธอเท่านี้ ถ้าบริจาคเงินตั้งมากตั้งมายอาจจะเป็นหายนะได้ สงบเสงี่ยมไว้ก่อนถึงจะดี

ถึงอย่างไรก็มีขาอาเขยอยู่ พอถึงเวลาต้องเกาะก็เกาะให้แน่นไปเลย

พอได้ยินว่ามีเฉินจื่ออันช่วย ซูฉางจิ่วก็เข้าใจทันที

บ้านหลักตระกูลซูมีลูกเขยที่ดี แล้วหม่านซิ่วก็โชคดี ดีกว่าเถาฮวาเยอะเลยด้วย

ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่ เสียงของสมาชิกที่เรียกหาหัวหน้าก็ดังมาจากข้างนอก

“หัวหน้า ๆ มีรถมาแหน่ะ เขาบอกว่ามาส่งลูกไก่ให้พวกเรา!”

ซูฉางจิ่วผงะไปครู่หนึ่ง พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาเลยเนี่ยนะ?

เขามองไปที่ซูเสี่ยวเถียนอย่างครุ่นคิด เด็กคนนี้เป็นดาวนำโชคจริง ๆ

“ไปกันเถอะ ไปดูกันเถอะ!” ซูฉางจิ่วยืนขึ้นทันทีและพูดกับสองพ่อลูก

อีกด้านหนึ่ง ซูโส่วเวินพาคนไปขนลูกไก่ทั้งหมดลงจากรถไถ

ซูเสี่ยวเถียนเห็นผู้อำนวยการหลี่ตามมาด้วย

เธอรู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้นิดหน่อย

“ผู้อำนวยการหลี่ ทำไมถึงมาที่นี่เลยล่ะคะ?” เด็กหญิงถามด้วยความประหลาดใจ

ผู้อำนวยการหลี่รู้สึกอึดอัดอยู่ครู่หนึ่ง ทำไมเขาถึงมาน่ะหรือ? ไม่ใช่ว่าผู้หญิงคนนั้นทำให้เฉินจื่ออันขุ่นเคืองหรือไง?

แต่พูดแบบนี้ไม่ได้ไงเล่า แต่ผู้อำนวยการหลี่เป็นคนฉลาดและในไม่ช้าก็พบเหตุผลที่จะมาที่นี่แล้ว

“ไม่ใช่มาตรวจสอบหรอก! มาดูฟาร์มไก่ของพวกหนูต่างหาก ลูกไก่เยอะขนาดนี้ลุงจะได้มั่นใจ!”

ซูเสี่ยวเถียนจะดึงซูฉางจิ่วเอาไว้และแนะนำ “นี่คือหัวหน้าของชุมชนการหงซินของเราค่ะ ถ้ามีคำถามก็ถามเขาได้เลย”

เรื่องแบบนี้ให้ผู้ใหญ่สื่อสารกันจะดีกว่า เธอเป็นเด็ก ทอดสะพานให้แล้วก็ไม่ต้องห่วง

“สวัสดีครับหัวหน้า! ฟาร์มไก่คุณสร้างขึ้นมาจริง ๆ ด้วย พอไข่ผลิตออกมาก็จะแก้ปัญหาใหญ่ของโรงงานเราได้!”

ตอนโรงงานก่อตั้งในตอนแรก ก็คิดถึงตลาดใหญ่สำหรับขนมไข่ ซึ่งจะต้องทำเงินได้ดีแน่นอน

แต่ลืมวัดการจัดหาวัตถุดิบก่อน ตอนนี้โรงงานเลยไม่มีงานให้ทำ

ด้วยเหตุนี้คนงานจึงทะเลาะกันหลายครั้ง

ถึงคราวนี้จะตั้งใจทำให้เฉินจื่ออันพอใจ แต่เขาก็หมายความจะแก้ไขสถานการณ์นี้เสียหน่อย

“สวัสดีครับผู้อำนวยการหลี่ ขอบคุณท่านมากเลย! คุณส่งลูกไก่มาตั้งมากขนาดนี้ช่วยชุมชนของเราได้มากจริงๆ ครับ!” ซูฉางจิ่วรีบจับมือ

ลูกไก่หายากมาก ทางชุมชนใหญ่จึงรวบรวมไก่มาสองร้อยตัวเพื่อให้พวกเราทำฟาร์ม

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ผู้อำนวยการหลี่จะส่งมาให้ได้ตั้งมากขนาดนี้ในครั้งเดียว มีสามสี่ร้อยตัวใช่ไหม?

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก ผมเองก็รอไข่ไก่จากฟาร์มพวกคุณเหมือนกัน” หลี่ฉางชิ่งรีบพูดอย่างสุภาพมาก ไร้ความเป็นผู้อำนวยการโรงงานของอำเภออย่างสิ้นเชิง

อันที่จริงตอนที่เขามา ไม่มีความมั่นใจอะไรเลย

แต่หลังจากที่มองเห็นฟาร์มไก่ของหงซิน จู่ ๆ ก็มีความเชื่อมั่นทันที

ฟาร์มไก่สะอาดแบบนี้ ลูกไก่ตัวขนาดกลางแบบนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าใส่ใจมาก

หากเอาใจใส่แบบนี้ต่อไปจะต้องเลี้ยงไก่ได้ดีแน่นอน

แค่เลี้ยงได้ดี ไข่ไก่ก็ไม่มีปัญหาแล้ว!

“ผู้อำนวยการหลี่ ท่านส่งไก่มาให้ครั้งนี้เยอะมากเลย ผมจะให้นักบัญชีซูมาคิดบัญชีให้นะครับ!” ตอนซูฉางจิ่วพูด เขาก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม

บัญชีของชุมชนเราไม่มีเงินแล้ว แต่พูดได้ที่ไหนล่ะ

ไม่รู้ว่าบ้านซูมีเงินไหม เงินเก็บของพวกเขาน่าจะพอหรือเปล่า?

ไม่มีลูกไก่ก็เศร้า มีก็เศร้าอีก!

ซูฉางจิ่วขมขื่นเหลือเกิน ชุมชนการผลิตหงซินจะจนเกินไปแล้ว ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ?