บทที่ 192 สถานการณ์ฝั่งค่ายวิหค

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 192 สถานการณ์ฝั่งค่ายวิหค

บทที่ 192 สถานการณ์ฝั่งค่ายวิหค

“ในที่สุดก็มาถึง!”

ทันทีที่กลับจากบ้านตระกูลถัง อู๋ฝานก็เข้าสู่โลกแห่งเกม ในฝั่งโลกนี้นั้นหลังเดินทางด้วยความยากลำบากอยู่หลายวัน ในที่สุดก็ได้เห็นเทศมณฑลชิงหยวน

หากเทียบเปรียบกับก่อนออกเดินทาง เทศมณฑลชิงหยวนในปัจจุบันมีสภาพค่อนข้างอึมครึม ทหารที่ประตูเมืองมีจำนวนมากขึ้น และจริงจังเสียยิ่งกว่าครั้งที่อู๋ฝานมาถึงในตอนแรก

หรือว่าเกิดเรื่องราวใดขึ้น?

อู๋ฝานที่ใจเกิดความสงสัย จึงเข้าเมืองไปพร้อมกับคนในหน่วย

ภายในเมือง สถานที่ซึ่งอู๋ฝานและคณะเคยรวมตัวกันเพื่อฝึกซ้อมในอดีต มันถูกแทนที่ด้วยกระโจมจำนวนหนึ่ง หากเทียบเปรียบกับก่อนหน้านี้ จำนวนของมันลดน้อยลง โดยเฉพาะทางฝั่งที่กองพันอื่นของค่ายใช้ประจำการ จำนวนของกระโจมน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

มันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่!

ก่อนหน้านี้เพียงแค่เกิดความสงสัย แต่ขณะนี้อู๋ฝานมั่นใจชัดแล้วว่าเทศมณฑลชิงหยวนหรือค่ายวิหคได้เกิดเรื่องราวบางประการขึ้น

“หัวหน้าโจวอยู่ไหน?” อู๋ฝานดึงทหารที่เดินผ่านมาคนหนึ่งของค่ายวิหคมาสอบถาม

ทหารคนนี้มาจากกองพันที่สาม และเขารู้จักอู๋ฝาน ขณะนี้เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มปรากฏตัวจึงแสดงอาการตื่นเต้นยินดีออกมา “หัวหน้าโจวอยู่ในกระโจมด้านหน้า กำลังรักษาอาการบาดเจ็บขอรับ”

“รักษาตัว?” อู๋ฝานชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นหลังบอกพวกหนิวเอ้อให้ตั้งกระโจมแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปยังกระโจมที่โจวซานอยู่

ภายในกระโจม อู๋ฝานได้พบโจวซานที่ไม่ได้เจอกันมาหลายวัน แต่หากเทียบเปรียบกับช่วงเวลาที่แยกย้ายกันหลบหนี สีหน้าของโจวซานค่อนข้างซีดเผือด ร่างกายยังดูอ่อนเรี่ยวแรง ทั้งแขนยังถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผล

“หัวหน้าโจว เกิดเรื่องอะไรขึ้นขอรับ?” อู๋ฝานตรงเข้าหาพร้อมเอ่ยคำถาม

“อู๋ฝาน เจ้ากลับมาแล้ว? วิเศษนัก!” ตอนที่โจวซานเห็นอู๋ฝาน สีหน้าของเขาก็แสดงความยินดีออกมาทันที ราวกับใบหน้าที่เดิมซีดเผือดนั้น เริ่มกลับมามีสีเลือดฝาดขึ้นมาบ้าง

“ก็แค่ได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย” หลังโจวซานเห็นอู๋ฝานเข้ามา เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “เดินทางมาได้ด้วยดีหรือไม่? เหตุใดใช้เวลานานนักกว่าจะกลับมาได้?”

หากเทียบกับที่อื่น เทศมณฑลชิงหยวนค่อนข้างอยู่ใกล้กับทุ่งราบรกร้าง ในสถานที่ซึ่งไกลห่าง คณะเดินทางขนส่งเสบียงอาจต้องเดินเท้าไปตามถนนกว่าเดือน หรืออาจจะนานกว่านั้นกว่าจะไปถึงทุ่งราบรกร้าง ขณะที่อู๋ฝานและคณะสมควรใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน

“ตอนที่พวกเราหลบหนีจากทุ่งราบรกร้าง พวกเราหลงกับกองทัพหลัก ไปโผล่ที่ใดก็ไม่ทราบ หลังจับทิศทางได้แล้วถึงค่อยเดินทางกลับมาขอรับ” อู๋ฝานตอบรับ “อีกทั้งระหว่างทางยังได้พบขบวนไล่ล่าของโลกอสูร มีสมาชิกหน่วยได้รับบาดเจ็บหลายคนอยู่ขอรับ”

“พวกเจ้าเจอกับขบวนไล่ล่าจากโลกอสูร?” โจวซานถามกลับด้วยอาการตื่นตระหนก

“ขอรับ” อู๋ฝานตอบรับ ขณะมองสำรวจอาการบาดเจ็บของโจวซานพลางถาม “หัวหน้าเอง ก็เหมือนจะพบขบวนไล่ล่าจากโลกอสูรแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?”

“ใช่” โจวซานพยักหน้าตอบรับ สีหน้าท่าทีแสดงออกซึ่งความหวาดกลัว “หลังอพยพออกจากทุ่งราบรกร้าง เดิมพวกเรากำลังมุ่งหน้ากลับ แต่เพราะหน่วยส่วนใหญ่ขี่ม้ามิได้ ทำให้ไม่อาจควบคุมรถม้าบรรทุกลาก ดังนั้นเดินได้เพียงครึ่งทาง พวกเราจึงถูกขบวนไล่ล่าของโลกอสูรตามทัน โชคดีที่พวกเราได้พบทหารประจำการที่หลบหนีออกจากทุ่งราบรกร้าง ทำให้ช่วยสกัดกั้นการโจมตีเอาไว้ได้ ทว่าแบบไหนค่ายวิหคก็สูญเสียอย่างหนัก กองพันที่สามยังดีอยู่บ้าง มีผู้เสียชีวิตแค่หนึ่งในห้า แต่สถานการณ์ทางฝั่งกองพันอื่นกลับเลวร้ายกว่ามาก บางกองพันตอนนี้เหลือคนไม่ถึงครึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ”

หลังได้ยินคำพูดของโจวซาน อู๋ฝานจึงทราบว่ามันเกิดเรื่องราวใดขึ้น

ความแข็งแกร่งของชาวโลกอสูร อู๋ฝานและคนในหน่วยได้ทราบด้วยตัวเองแล้ว อีกฝ่ายดุร้ายชวนสะพรึง ชายหนุ่มจึงพอจินตนาการออกว่าค่ายวิหคที่เป็นเพียงกองทัพสำรอง หลังต้องพบเจอกับกองทัพโลกอสูรที่ดุร้ายเหล่านั้น ผลที่ตามมาย่อมไม่พ้นความสูญเสีย หากไม่ใช่เพราะมีกองทัพประจำการส่วนหนึ่งอยู่ด้วย เกรงว่าการที่ทั้งค่ายวิหคจะถูกกำจัดหมดสิ้น ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย

หากเทียบเปรียบกับกองพันอื่น กองพันที่สามอาจไม่ได้แข็งแกร่งกว่ามากมายนัก เพียงแต่ระเบียบวินัยดีเยี่ยมยิ่งกว่าเท่านั้น ทว่ามันก็ทำให้กองพันที่สามสูญเสียน้อยที่สุด แต่แม้แบบนั้น การที่เสียชีวิตถึงหนึ่งในห้า ก็นับเป็นผลลัพธ์ความสูญเสียอันหนักหนา

อู๋ฝานที่ได้เห็นจำนวนกระโจมในค่ายของกองพันอื่นลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดจึงไม่แปลกใจอะไร ที่แท้เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็เป็นเช่นนี้เอง

ตอนพวกเขามาถึงเทศมณฑลชิงหยวนเป็นครั้งแรก สถานที่นี้ยังครึกครื้น ทั้งกองพันเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเพื่อรับใช้กองทัพได้รวมหัวกันอย่างมีชีวิตชีวา แต่แล้วตอนนี้ มันกลับกลายเป็นเรื่องเลวร้ายที่เกิดความหวาดกลัวฝังอยู่ในใจ

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ไม่แปลกหากอู๋ฝานจะรู้สึกหมองหม่นอยู่ภายในใจ

“เช่นนั้นสถานการณ์ฝ่ายกองทัพของขุนพลหลี่ในตอนนี้ กับทุ่งราบรกร้างเป็นยังไงบ้างขอรับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

“กองทัพของขุนพลหลี่สูญเสียหนักเช่นกัน เรียกได้ว่าครั้งนี้ กองทัพของขุนพลหลี่ถูกแผนชั่วของอีกสามอาณาจักรเล่นงาน กองทัพของสามอาณาจักรพันธมิตรชั่วคราวเหล่านั้น ไม่เพียงมิบุกโจมตีในช่วงเวลาที่นัดแนะกับขุนพลหลี่ แต่ยังส่งข่าวคราวไปให้ฝั่งโลกอสูรรับรู้ กระทั่งเปิดเส้นทางให้พวกมัน ทำให้กองทัพจากโลกอสูรมาดักซุ่มรอแต่แรก สุดท้ายก็ทำให้ขุนพลหลี่ต้องสูญเสียอย่างหนัก” โจวซานตอบกลับด้วยสีหน้าเคียดแค้น

อาจกล่าวได้ว่า หากไม่ใช่เพราะอีกสามอาณาจักรทรยศหักหลัง กองทัพของขุนพลหลี่คงไม่พ่ายแพ้อย่างสิ้นรูป ทั้งค่ายวิหคของพวกเขาก็คงไม่ถูกผลกระทบเช่นนี้ ความสูญเสียของค่ายวิหคที่เกิดขึ้นอย่างหนักนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะอีกสามอาณาจักรเลือกทรยศหักหลัง

“แต่สามอาณาจักรเหล่านั้นก็โดนคนของโลกอสูรเล่นงานกลับเช่นเดียวกัน” โจวซานเอ่ยต่อ “หลังเอาชนะกองทัพจากอาณาจักรเหยียนเฟิงของพวกเรา กองทัพของโลกอสูรก็ไม่ได้หยุดมือเพียงเท่านั้น พวกมันใช้โอกาสที่เกิดขึ้นลั่นการโจมตีใส่กองทัพของอีกสามอาณาจักรโดยไม่ทันให้รู้ตัว กองทัพทั้งสามเหล่านั้น ไม่คาดมาก่อนว่ากองทัพโลกอสูรจะแว้งกลับมากัดในช่วงที่กำลังเล่นงานพวกเรา พวกมันถึงขั้นแบ่งกำลังพลเตรียมพร้อมลั่นการโจมตีทั้งสี่ทิศทางเอาไว้แล้ว เป็นพวกมันที่กำลังดื่มด่ำรับชมหายนะของพวกเรา”

“ หลังกองทัพจากโลกอสูรเปิดฉากโจมตีอย่างกะทันหัน อีกสามอาณาจักรก็สูญเสียอย่างหนักเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าหลังศึกครั้งนี้ อาณาจักรทั้งสี่ของโลกมนุษย์สูญเสียอย่างหนักกันทั้งสิ้น ขณะที่โลกอสูรภายหลังศึกครั้งนี้ กลับได้ฐานที่มั่นอันมั่นคงในโลกมนุษย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภายหน้าชาวอสูรจำนวนมากจะต้องยิ่งหลั่งไหลมาฟากนี้ กระแสน้ำเปลี่ยนแปลงไปแล้ว หากคิดขับไล่พวกมัน อย่างน้อยในระยะเวลาอันสั้นนี้ก็ไม่มีทางเป็นไปได้”

กล่าวถึงเรื่องนี้ สีหน้าโจวซานยิ่งแสดงความกังวลออกมา ความดุร้ายของชาวโลกอสูร พวกเขาได้เรียนรู้กันถ้วนหน้าแล้ว ในภายหน้าพวกมันจะรับมือได้ยากยิ่งกว่าที่สี่อาณาจักรเคยร่วมต่อกร ขณะนี้พวกมันที่ได้รับฐานที่มั่นในโลกมนุษย์แล้ว สำหรับอาณาจักรทั้งหลายในโลกมนุษย์ จึงไม่นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเลยแม้แต่น้อย

“ถ้าอย่างนั้น ทางราชสำนักจะส่งกำลังทหารเข้าโจมตีกองทัพโลกอสูรหรือขอรับ? พวกเราก็ต้องคอยขนส่งเสบียงต่อด้วยหรือ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

มันนับได้ว่าเป็นเรื่องที่อู๋ฝานกังวลที่สุด เรื่องราวเช่นการรับใช้กองทัพ ตนไม่ได้คิดสนใจหรือใส่ใจ โดยเฉพาะหลังได้ทราบถึงความดุร้ายของกองทัพจากโลกอสูร เขายิ่งไม่คิดอยากไปต่อสู้กับตัวตนดุร้ายเหล่านั้น

ทำฟาร์มหาเงิน ไม่ใช่ว่าหอมหวานกว่าหรืออย่างไร?