ตอนที่ 62 มอบหีบดาบล้ำค่า

ผู้อาวุโสเชียนชี้ไปยังแสงสีน้ำเงินอันหนึ่งก่อนจะกล่าว “ค่ายกลเคลื่อนย้ายจะพาเจ้าไปยังเมืองอาทิตย์อุทัย เมื่อไปถึงแล้ว เจ้าสามารถขี่สัตว์อสูรจากกลุ่มทหารรับจ้างเพื่อไปยังเมืองทักษิณภิรมณ์ แน่นอนเจ้าสามารถใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายระหว่างเมืองได้ แต่มันค่อนข้างแพง!”

ผู้อาวุโสเชียนนำยันต์สองแผ่นให้หยางเย่ “ยันต์ลมกรด และยันต์ฟื้นฟู ยันต์ลมกรดสามารถเพิ่มความเร็วเจ้าได้สามเท่าเป็นเวลาสี่ชั่วยาม ส่วนยันต์ฟื้นฟูสามารถรักษาบาดแผลที่ได้รับอย่างรวดเร็วหากมันไม่รุนแรงอะไร!”

ขณะมองยันต์ทั้งสองจากผู้อาวุโสเชียน หัวใจหยางเย่รู้สึกอบอุ่นอย่างมาก เขาทราบว่าถึงแม้ผู้อาวุโสเชียนจะเป็นถึงผู้อาวุโสสำนักนอก แต่ยันต์นั้นเป็นของมีค่าต่อเขานัก เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะแลกเปลี่ยนยันต์หากไม่มีแต้มสะสมกว่าหนึ่งหมื่นแต้ม! ในฐานะของผู้อาวุโส พวกเขาจะได้รับเพียงสองถึงสามร้อยแต้มต่อเดือนเท่านั้น!

ยันต์ทั้งสองไม่ได้มีค่าต่อหยางเย่มากเท่าไหร่ แต่ความตั้งใจของผู้อาวุโสเชียนนั้นยากที่จะปฏิเสธ! ถึงแม้ผู้อาวุโสเชียนกล่าวไว้ว่าจะไม่ช่วยเหลือหยางเย่ แต่การกระทำตอนนี้มันไม่คล้ายการช่วยเหลืองั้นหรือ?

หยางเย่สูดหายใจลึก และไม่ปฏิเสธมัน เขารับยันต์ทั้งสองจากผู้อาวุโสเชียนพร้อมกล่าว “ขอบคุณผู้อาวุโสเชียน!”

ผู้อาวุโสเชียนยิ้มพร้อมกลับส่ายหัว “ยันต์แค่สองแผ่นไม่จำเป็นต้องมากพิธีหรอก! ข้าสามารถช่วยเจ้าได้เท่านี้ ไปได้แล้ว!”

หยางเย่คำนับผู้อาวุโสเชียน จากนั้นเขาเดินไปยังวงกลมสีน้ำเงิน ขณะที่หยางเย่กำลังจะเดินเข้าไป เสียงเรียกที่ไพเราะเสนาะหูดังที่คุ้นเคยขึ้น มันทำให้หยางเย่ต้องหยุกชะงัก!

“ผู้ใช้แรงงานตัวจ้อย! รอตรงนั้นก่อน! รอก่อน!” มันเป็นเสียงของเปาเอ๋อนั่นเอง

หยางเย่มองลงมาจากแท่นหินขณะได้ยินเสียง เขาเห็นเปาเอ๋อวิ่งมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับโบกมือให้

มุมปากผู้อาวุโสเชียนบิดเบี้ยวทันทีที่เห็นเปาเอ๋อ “นางรออยู่นอกหอคอยถึงสองวัน ท้ายที่สุดก็กลับไปยังยอดเขาแห่งยันต์เมื่อเจ้ายังไม่ออกมาจากหอคอย เอาละ พวกเจ้าทั้งสองคุยกันได้เข้าใจ ข้าขอตัว!”

ทันทีที่กล่าวจบ ผู้อาวุโสเชียนไม่รอคำตอบใดจากหยางเย่พร้อมกระโจนไปอีกด้าน ไม่นานผู้อาวุโสเชียนหายไปอย่างรวดเร็ว

หยางเย่ส่ายหัวพร้อมกับยิ้มออกมา ขณะที่มองผู้อาวุโสเชียนวิ่งราวกับวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ‘ดูเหมือนผู้อาวุโสเชียนจะกลัวเปาเอ๋อจริง!’

เปาเอ๋อวิ่งไปหาหยางเย่ด้วยลมหายใจที่เหนื่อยหอบ ใบหน้าของนางแดงก่ำจากความกังวล มันดูราวกับผลแอปเปิ้ลที่น่ารักอย่างมาก

“พักหายใจก่อน ข้ายังไม่ได้ไปไหนตอนนี้!” หยางเย่เผยรอยยิ้ม

เปาเอ๋อมองไปที่หยางเย่ นางกล่าวหลังจากพักหายใจได้ชั่วขณะ “ผู้ใช้แรงงานตัวจ้อย เปาเอ๋อเกลียดเจ้านัก! เจ้าไม่คิดแม้แต่จะมาหาข้า บอกมาสิ ข้ายังเป็นสหายเจ้าอยู่หรือไม่?”

“เปาเอ๋อข้าเพิ่งออกมาได้ไม่นาน ยิ่งกว่านั้นข้าไม่ทราบว่ายอดเขาผู้ใช้ยันต์อยู่ที่ไหน เช่นนั้นจะไปหาเจ้าได้ยังไงล่ะ!?” หยางเย่กล่าวด้วยท่าทีทรมานใจเล็กน้อย

“ข้าไม่สน!” เปาเอ๋อตะคอกกลับ “ยังไม่พอ เจ้ายังปล่อยให้ข้ารอนานถึงสองวัน ข้าต้องการให้เจ้าชดใช้มาเดี๋ยวนี้!”

“นั่นเป็นวัตถุประสงค์หลักใช่หรือไม่?” หยางเย่กล่าว

ใบหน้าปกติของเปาเอ๋อกลับไปแดงก่ำอีกครั้ง ดูเหมือนนางจะโกรธจากความเขินอาย จากนั้นนางใช้ขาขวาเตะไปที่หยางเย่พร้อมกล่าว “ข้าไม่สน ข้าไม่สน! เจ้าทำข้าโมโห ส่งสหายตัวจ้อยมาข้าถึงจะยกโทษให้ ข้าต้องการสหายตัวจ้อย…”

หยางเย่ปวดหัวเล็กน้อย เปาเอ๋อหลงเจ้าสหายตัวจ้อยอย่างแท้จริง!

ถึงแม้หยางเย่จะยกสหายตัวจ้อยให้แล้ว มันจะยอมอยู่กับเปาเอ๋อหรือไม่ละ?

“สหายตัวจ้อย เอามันมาให้เปาเอ๋อ ข้าให้สัญญาว่ามันจะมีชีวิตที่สะดวกสบาย ข้าจะไม่ให้ใครมากลั่นแกล้ง และจะดูแลมันอย่างดีเอาไหม? ด้วยความยากจนของเจ้ามันคงไม่มีความสุขแน่!” เปาเอ๋อกล่าว

ใบหน้าหยางเย่เปลี่ยนเป็นดำมืดขึ้นมา ‘เรายอมรับว่ายากจน แต่เจ้าหมายความว่ายังไงที่มันไม่มีความสุข?’ หยางเย่ต้องการโยนเปาเอ๋อเข้าในตันเถียนน้ำวนเพื่อให้เห็นว่ามันมีชีวิตที่สุขสบายเพียงใด!

หยางเย่คิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ “เปาเอ๋อ ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ? หากต้องการสหายตัวจ้อย เจ้าต้องทำให้มันรู้สึกดีเสียก่อน และทำให้มันยอมรับเจ้าเป็นสหายให้ได้ เมื่อสหายตัวจ้อยเห็นเจ้าเป็นมิตรแล้ว เช่นนั้นมันคงไม่ปฏิเสธที่จะตามเจ้าไปไม่ใช่หรือ?”

“แต่สหายตัวจ้อยอยู่ข้างเจ้าตลอดเวลา เปาเอ๋อก็ไม่มีเวลาผูกมิตรกับมันเลยสิ! เหตุใดไม่ยกมันให้ข้าก่อนล่ะ? แน่นอนข้าไม่เอาเปรียบเจ้าหรอก!” เมื่อกล่าวจบเปาเอ๋อนำหีบดาบล้ำค่าส่งให้หยางเย่ “ดูของวิเศษนี้สิ มันเป็นของชั้นเยี่ยมเลยนะ มีสามสิบหกดาบขั้นสีเหลืองระดับสูงอยู่ข้างในนั้น ทั้งยังถูกจารึกอักขระบนหีบดาบล้ำค่าด้วย มันคือค่ายกลดาบขั้นสีดำระดับกลาง มันเป็นที่สุด ที่สุด ที่สุด ที่สุด ที่สุดของความร้ายกาจเลยนะ!”

ขณะที่มองหีบดาบล้ำค่า หัวใจหยางเย่เต้นรัวจนแทบจะควบคุมไม่ได้ มันเป็นของวิเศษที่ล้ำค่าอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ไม่สามารถยกสหายตัวจ้อยให้ได้อยู่ดี!

หยางเย่สูดหายใจลึก และพยายามหาหนทางปฏิเสธที่ดีที่สุด เขารู้สึกขำขันเล็กน้อยเมื่อมองไปที่เปาเอ๋อ นางดูคล้ายสุนัขจิ้งจอกตัวจ้อย ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน นางมารน้อยพยายามจะเอาสหายตัวจ้อยไปให้ได้ นางพยายามอย่างมีชั้นเชิง และตอนนี้ยังพยายามล่อลวงเขาอีก นางมารน้อยคนนี้คงจะไม่หยุดทำอะไรที่จะได้สหายตัวจ้อยมา!

หยางเย่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเขากล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “เปาเอ๋อ กล่าวจากใจจริง ข้าสนใจในหีบดาบล้ำค่านี้อย่างมาก แต่ก็ไม่อาจมอบสหายตัวจ้อยให้เจ้าได้ มันติดตามเพียงเพราะบางเหตุผลที่ข้าเองก็ไม่อาจเข้าใจได้หมด ยิ่งกว่านั้นก็เหมือนกับเจ้า มันก็เป็นสหายของข้าเช่นกัน และข้าคงรู้สึกไม่ดีที่จะมอบมันให้!”

เปาเอ๋อเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นนางกล่าว “แต่ แต่ ข้าชอบสหายตัวจ้อยจริงนะ ข้าชอบมันจริง ๆ!”

ถึงแม้นางจะเกเรสักเล็กน้อย แต่ยังไงก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง! หยางเย่ถอนหายใจข้างใน จากนั้นเขาลูบหัวที่เล็กจ้อยของเปาเอ๋อด้วยความรักใคร่ก่อนจะกล่าว “เปาเอ๋อ ให้ข้าถามเจ้าหน่อย เจ้าต้องการจะเป็นสหายกับสหายตัวจ้อย หรือต้องการจะเอามันไปเป็นสัตว์เลี้ยงหรือ?”

เปาเอ๋อกระพริบตาปริบ “มันต่างกันด้วยหรือ?”

“แน่นอน!” หยางเย่กล่าว “เจ้าทราบหรือไม่ว่าเหตุใดสหายตัวจ้อยที่ติดตามข้า?”

“เพราะมันเจอเจ้าคนแรก!”

มุมปากหยางเย่บิดเบี้ยวเล็กน้อย จากนั้นพยักหน้าตอบ “มันก็เป็นเหตุผลหนึ่งเช่นกัน แต่เจ้าทราบหรือไม่ว่าเหตุใดมันถึงไม่ไปกับเจ้า และยังเลือกอยู่ข้างข้า?”

เปาเอ๋อครุ่นคิดอย่างหนัก “บางทีเจ้าคงให้ของที่ดีกว่า!”

หยางเย่ไม่มีคำกล่าวใด ‘ทำไมนางถึงเป็นคนเช่นนี้กันนะ? ทำไมไม่ถามข้าว่าเพราะเหตุใด?’

หยางเย่ตัดสินใจหยุดถาม เขาเปลี่ยนเป็นประเด็นหลักพร้อมกล่าว “เหตุผลที่สหายตัวจ้อยอยู่กับข้าเพราะพวกเราคือสหายกัน มันคิดว่าข้าเป็นสหาย ข้าก็คิดว่ามันเป็นสหายเช่นกัน ขณะที่อยู่ข้างข้ามันเป็นอิสระ และยังไปไหนมาไหนได้ตลอดเวลา แต่หากไปกับเปาเอ๋อ เจ้าจะนำไปเป็นสัตว์เลี้ยง มันก็จะไม่มีอิสระ แม้เจ้าเองก็ไม่ยอมเสียอิสระไปหรอกใช่หรือไม่?”

เปาเอ๋อมองไปที่หยางเย่ด้วยความสงสัย “ผู้ใช้แรงงานตัวจ้อย เจ้าคงไม่ได้หลอกเปาเอ๋อใช่หรือไม่? ในอดีตเมื่อท่านปู่ไม่ยอมให้บางอย่างเปาเอ๋อ เขามักจะใช้หลักการต่าง ๆ มาหลอกข้า”

หยางเย่ “…”

เมื่อหยางเย่ไม่มีตอบสิ่งใด เปาเอ๋อจึงกล่าวต่อ “แต่ข้าคิดว่าสิ่งที่เจ้ากล่าวมันสมเหตุสมผลดี ในอนาคตข้าจะไม่พยายามดึงสหายตัวจ้อยมาแล้ว ข้าจะพยายามเป็นสหายกับมันแทน ใช่แล้ว เป็นสหายไม่ใช่สัตว์เลี้ยง!”

หยางเย่ถอนหายใจโล่งอกเมื่อได้ยิน ในที่สุดนางมารน้อยก็สงบลง

เปาเอ๋อส่งหีบดาบล้ำค่าให้หยางเย่พร้อมกล่าว “ข้ายกขยะชิ้นนี้ให้เจ้า มันทำให้แหวนมิติข้ารก เอาละ เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะกลับไปยังยอดเขาผู้ใช้ยันต์แล้ว”

ขณะที่กล่าวนางหันหลังจากไป เมื่อเดินไปสองถึงสามก้าวดูเหมือนจะนึกบางอย่างจึงหันกลับมาอีกครั้ง “ผู้ใช้แรงงานตัวจ้อย อีกไม่นานท่านปู่จะกลับมาแล้ว เช่นนั้นเจ้าห้ามยอมแพ้เด็ดขาด เพราะท่านปู่ข้าเข้มงวดอย่างมาก!”

“ไม่อยู่แล้ว!” หยางเย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

เปาเอ๋อพยักหน้า จากนั้นนางไขว้มือไว้ด้านหลังก่อนจะวิ่งเขย่งไปตามเส้นทาง

ขณะที่มองผมเปียของเปาเอ๋อสะบัดไปมา หยางเย่เผยรอยยิ้มออกมา หัวใจเขารู้สึกเป็นสุขอย่างมากเมื่อมองไปที่หีบดาบล้ำค่าในมือ

หยางเย่ส่ายหัวพร้อมเก็บหีบดาบล้ำค่าไว้ในแหวนมิติ จากนั้นจึงเดินไปยังค่ายกลเคลื่อนย้าย