ตอนที่ 63 ถ่อมตนหน่อยก็ดีนะ

เมืองอาทิตย์อุทัยคือเมืองที่มีประชากรมากถึงห้าล้านคน ในแง่ของขนาดและระดับ ท่ามกลางเมืองทั้งหมดในมลฑลจิง เมืองอาทิตย์อุทัยนับว่าเป็นเมืองที่ใหญ่รองลงมาจากเมืองหลวงของมลฑลนี้

ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองอาทิตย์อุทัยนั้นมาจากสำนักดาบราชันและขุนเขาไม่สิ้นสุด ถึงแม้สำนักดาบราชันจะอยู่อันดับล่างของทั้งหกมหาอำนาจ แต่ด้วยทรัพยากร เงินในคลัง และความยิ่งใหญ่ที่เพิ่มขึ้น มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้อื่นจะกล้าดูถูก แน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดของสำนักดาบราชันคือผู้ใช้งานบริการของสำนัก!

คนในสำนักดาบราชันมีมากมาย ถึงแม้พวกเขาส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใช้พลังปราณล้ำลึก แต่ก็ต้องใช้เสื้อผ้าและอาหาร ยิ่งกว่านั้นพวกเขาต้องการสิ่งที่ดีสุดทั้งชุดและการกิน ส่วนในเรื่องค่าใช้จ่าย สำนักดาบราชันก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงพอตัว ดังนั้นสำนักจึงมีธุรกิจในบ้านเมืองเช่นกัน แน่นอนธุรกิจเหล่านั้นคือการจัดการสมาชิกในบ้านเมือง และสถานที่ที่สำนักดาบราชันเลือกทำธุรกิจด้วยคือเมืองอาทิตย์อุทัย

แล้วเหตุใดขุนเขาไม่สิ้นสุดถึงถูกกล่าวด้วยนั้น เพราะมันก็มีเงินหมุนเวียนเข้ามาเช่นกัน! แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะศิษย์ของสำนักดาบราชัน แต่เป็นทหารรับจ้างรอบขุนเขาไม่สิ้นสุด พวกเขาจะไปที่ขุนเขาไม่สิ้นสุดเพื่อค้นหาสมุนไพร และล่าสัตว์อสูรทมิฬ จากนั้นก็จำเป็นต้องหาสถานที่ซื้อขายสินค้าเหล่านั้น สถานที่ก็คือเมืองอาทิตย์อุทัย

ไม่มีผู้ใดทราบว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ หยางเย่เริ่มได้ยินเสียงของผู้คนมากมาย ยิ่งกว่านั้นเสียงเหล่านั้นเริ่มอึกทึกขึ้นทุกที จากนั้นไม่นานหยางเย่เปิดตาขึ้น มีชายหนุ่มอายุราวยี่สิบปีปรากฏตัวตรงหน้า

เมื่อเห็นหยางเย่ลืมตาขึ้น ชายหนุ่มทำการคารวะพร้อมกล่าว “ศิษย์พี่ เจ้าตื่นแล้ว!”

หยางเย่มองไปที่ชายหนุ่มพร้อมถาม “เจ้าคือ?”

ชายหนุ่มโค้งคำนับพร้อมกล่าวด้วยความเคารพ “ข้ามีนามว่าหม่าหนาน เป็นศิษย์พิเศษของสำนักดาบราชัน ข้ามาเพื่อรับศิษย์ที่มายังเมืองอาทิตย์อุทัย และยังเป็นผู้จัดการที่นี่ ‘โรงเตี๊ยมรื่นรมย์’

“ศิษย์พิเศษ?” หยางเย่ขมวดคิ้ว แต่ไม่นานก็เข้าใจทันที ศิษย์พิเศษเป็นนามของศิษย์ที่จัดการธุรกิจของสำนักดาบราชันในยุทธภพ สถานะของพวกเขาคล้ายคลึงกับศิษย์แรงงานในสำนักดาบราชัน และไม่มีสถานะที่สูงเท่าไหร่ในสำนัก แต่พวกเขาก็ยังดีกว่าศิษย์ใช้แรงงาน เพราะชื่อของศิษย์พิเศษจะถูกลงชื่อเป็นหนึ่งในศิษย์ของสำนักดาบราชัน! ยิ่งกว่านั้นเมื่อสนับสนุนสำนักได้ระดับหนึ่ง พวกเขาจะสามารถเป็นศิษย์นอกได้!

หยางเย่มองไปที่ศิษย์พิเศษที่มีนามว่าหม่าหนาน เขาค่อนข้างประหลาดใจเมื่อสังเกตดูขั้นปราณพลัง เพราะชายผู้นี้อยู่ขั้นปราณมนุษย์ระดับเก้า! แต่ก็ต้องส่ายหัวในเวลาต่อมา เพราะพรสวรรค์ของผู้ที่อยู่ขั้นปราณมนุษย์ระดับเก้าด้วยอายุยี่สิบนั้น สำนักดาบราชันคงไม่ค่อยให้ความสนใจมากเท่าไหร่

หยางเย่หยุดคิดฟุ้งซ่านก่อนจะถาม “พี่หม่า ข้าขอทราบที่อยู่ของสมาคมผู้ใช้ยันต์ในเมืองอาทิตย์อุทัยได้หรือไม่?”

หม่าหนานชะงักเมื่อได้ยินวิธีการพูดของเขาและรีบตอบกลับ “ศิษย์พี่ จะเป็นการดีหากท่านเรียกข้าว่าศิษย์น้อง หรือเสี่ยวหม่า หม่าหนานไม่สมควรจะรับการเรียกเช่นนั้น!”

บรรดาศิษย์ของสำนักดาบราชันต่างหยิ่งผยองเมื่อมาถึงเมืองนี้ พวกเขาล้วนเอาใจยาก ดังนั้นหม่าหนานจะกล้าให้หยางเย่เรียกเขาว่าพี่ชายได้ยังไง!?

หยางเย่ส่ายหัวพร้อมกล่าว “พี่หม่า ท่านเป็นศิษย์พิเศษของสำนักดาบราชัน ตั้งแต่ที่ท่านเป็นศิษย์พิเศษ เช่นนั้นพวกเราก็เป็นพี่น้องกันแล้ว บางทีคนอื่นอาจไม่คิดเช่นนี้ แต่อย่างน้อยข้าคิด ท่านไม่จำเป็นต้องคิดมากกับการเรียกของข้า แค่ตอบคำถามก็พอแล้ว!”

หยางเย่เข้าใจดีว่าศิษย์สำนักนั้นหยิ่งผยองเพียงใด โดยเฉพาะเมื่ออยู่กับศิษย์พิเศษ พวกเขาจะรู้สึกยิ่งใหญ่อย่างมาก แต่หยางเย่ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเขาเคยเป็นศิษย์ใช้แรงงานที่สถานะต่ำกว่าศิษย์พิเศษมาก่อน!

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หม่าหนานมองไปที่หยางเย่ เขาเห็นท่าทีหยางเย่ไม่ได้แสร้งทำ ความประทับใจในตัวหยางเย่จึงเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นหม่าหนานจึงเลิกคิดมากพร้อมกล่าว “ในอดีต สมาคมผู้ใช้ยันต์ไม่ได้อยู่ในเมืองอาทิตย์อุทัย แต่หลังจากที่เมืองมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นจนทัดเทียมเมืองหลวง สมาคมผู้ใช้ยันต์จึงถูกสร้างขึ้นในเมืองอาทิตย์อุทัย พี่ชาย ท่านตั้งใจจะไปยังสมาคมผู้ใช้ยันต์ใช่หรือไม่?”

หยางเย่พยักหน้า “ข้าตั้งใจจะไปที่นั้น รบกวนพี่ชายนำทางให้ข้าได้หรือไม่? กล่าวจากใจจริง นี่เป็นครั้งแรกในเมืองอาทิตย์อุทัย ข้าไม่ทราบสิ่งใดเกี่ยวกับเมืองนี้แม้แต่อย่างเดียว!”

“แน่นอน!” หม่าหนานตอบรับอย่างไม่ลังเล

ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินทาง มีปราณพลังพุ่งขึ้นจากค่ายกลเคลื่อนย้ายที่หยางเย่ยืนอยู่ก่อนหน้านี้ จากนั้นชายหนุ่มสวมชุดศิษย์นอกได้เดินออกมา

หลังจากเดินออกมาจากค่ายกล ชายหนุ่มมองไปที่หยางเย่ เมื่อเห็นว่าหยางเย่ไม่ได้สวมชุดศิษย์นอกจากสำนัก เขาจึงหันไปคุยกับหม่าหนานแทน “เสี่ยวหม่า ช่วยเตรียมอาหารแห้ง และเสื้อผ้าห้าชุดในลักษณะที่ต่างกัน จำไว้ ข้าต้องการลักษณะของเขตใต้! รีบไป ข้ากำลังรีบ!”

หม่าหนานประกบมือพร้อมกล่าวขอโทษ “ศิษย์พี่ฉือเฟิง ข้าเพิ่งรับปากจะนำทางพี่ชายท่านนี้ ข้าจะจัดเตรียมทุกอย่างให้ท่านได้อย่างไรเมื่อต้องพาเขาไปยังจุดหมายปลายทางก่อน?”

ฉือเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นเขามองไปทางหยางเย่พร้อมกล่าว “เจ้าเป็นศิษย์สำนักดาบราชันงั้นหรือ?” น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความสงสัย

หยางเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าตอบ “ข้าเพิ่งเป็นศิษย์นอกได้ไม่นานนัก!”

ผู้อาวุโสเชียนบอกว่าเขายังไม่ใช่ศิษย์นอกตอนนี้ และคงไม่มีใครเชื่อหากบอกออกไป เพราะปัจจุบันหยางเย่ยังไม่มีสัญลักษณ์ที่จะยืนยันตัวตน

รอยแสยะยิ้มเผยออกบนใบหน้าของฉือเฟิงเมื่อได้ยิน “เช่นนั้นแล้วน้องชายเพิ่งเข้ามาเป็นศิษย์นอกสินะ!”

ทันทีที่กล่าวจบเขามองไปที่หม่าหนานพร้อมกล่าว “เร็วเขา รีบทำตามที่ข้าสั่ง! อย่ามาโทษข้าว่าไร้ความเมตตาหากเจ้าช้ากว่านี้!”

บรรดาศิษย์นอกคนใหม่มักจะถูกข่มโดยศิษย์รุ่นพี่ เขาเองก็เคยถูกข่มมาก่อนในอดีต และก็ข่มผู้อื่นเช่นกัน ตอนนี้เขาตั้งใจจะทำเช่นนั้นกับหยางเย่

หม่าหนานมองไปที่หยางเย่เพื่อถามการตัดสินใจจากเขา หากหยางเย่ไม่รีบร้อน เช่นนั้นเขาจะจัดหาของให้ฉือเฟิงก่อน

หยางเย่เข้าใจว่าสายตาหม่าหนานต้องการจะสื่ออะไร แต่เวลาของหยางเย่ก็มีไม่มากเช่นกัน ดังนั้นจึงรีบตอบกลับไป “พี่หม่าหนาน ช่วยนำทางให้ข้าไปก่อนด้วย!”

หากฉือเฟิงมีทัศนคติที่ดีกับเขาตั้งแรก และรีบร้อนจริง เช่นนั้นหยางเย่คงจะให้หม่าหนานจัดการเรื่องของฉือเฟิงก่อน แต่ฉือเฟิงกลับกระทำตัวให้หยางเย่ไม่พอใจ เช่นนั้นเหตุใดหยางเย่จะต้องเกรงใจเขากลับกัน?

หม่าหนานตกอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาต้องการพาหยางเย่ไปยังสมาคมผู้ใช้ยันต์ก่อน เพราะมันเป็นคำสั่งแรก! แต่ฉือเฟิงเองก็ไม่ง่ายที่จะไกล่เกลี่ยด้วย หากเขานำทางให้หยางเย่ก่อน ฉือเฟิงจะต้องเอาเรื่องเขาเป็นแน่!

ดวงตาฉือเฟิงหรี่ลงเล็กน้อย เขามองไปที่หยางเย่พร้อมกล่าว “ศิษย์น้อง ให้ศิษย์พี่สอนหลักการสักหน่อย เจ้าควรจะถ่อมตนกว่านี้ ไม่งั้นคงยากที่จะเอาชีวิตรอดในสำนักดาบราชัน!”

หยางเย่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ท่านกล่าวได้ถูกต้อง เราควรจะถ่อมตนเข้าไว้ มิเช่นนั้นมันยากที่จะเอาชีวิตรอด ข้าจะสอนหลักการนี้กับท่านเช่นกัน ประโยคนี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้กล่าว ท่านคิดเห็นเช่นไร?”

“โอ้?” มุมปากของฉือเฟิงขยับ “เช่นนั้นศิษย์น้องคิดจะแข็งขืนกับศิษย์พี่งั้นสินะ งั้นให้ศิษย์พี่ชี้แนะศิษย์น้องสักหน่อยละกัน!” ทันทีที่กล่าวจบ ร่างของเขาพุ่งเข้าไปพร้อมปล่อยหมัดใส่หยางเย่

ปั้ง!

เสียงปะทะกันดังก้อง จากนั้นร่างหนึ่งได้ถูกกระแทกจนลอยไปชนกับกำแพง

หยางเย่ดึงหมัดกลับขณะมองไปยังฉือเฟิงที่นอนอยู่มุมกำแพงพร้อมกล่าว “เหตุใดท่านไม่ทราบวิธีถ่อมตนเมื่ออยู่เพียงขั้นปราณมนุษย์ระดับเก้า? มันจะตายหรือไงหากถ่อมตนเพียงเล็กน้อย?”

หม่าหนานยืนตัวแข็งทื่ออยู่ด้านข้าง ‘พระเจ้า! เขาเป็นยอดฝีมือขั้นปราณมนุษย์ระดับเก้า! แต่กลับไม่สามารถป้องการโจมตีเพียงครั้งเดียวได้งั้นหรือ?’

ฉือเฟิงยืนขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อมปาดเลือดที่มุมปาก เขามองไปที่หยางเย่ด้วยประกายแห่งความกลัวในดวงตา “เจ้า… เจ้าคือ!?”

“หยางเย่!” ทันทีที่กล่าวจบหยางเย่หันไปคุยกับหม่าหนานที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ “พี่หม่า ช่วยพาข้าไปยังสมาคมผู้ใช้ยันต์ด้วย!”

หยางเย่ไม่เคยมีความประทับใจใดต่อคนที่หยิ่งผยองเหมือนฉือเฟิง

หม่าหนานพยักหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงนำทางหยางเย่ไปด้วยท่าทีแข็งกระด้างราวกับเครื่องจัก ความคิดหนึ่งปรากฏในหัวของเขา ‘มันเกิดขึ้นรวดเร็วนัก มันรวดเร็วเกินไป!’

“หยางเย่…” ทันใดนั้น ดวงตาฉือเฟิงเปิดกว้างพร้อมกล่าว “เขาคือหยางเย่ที่สามารถไปถึงชั้นที่ยี่สิบสอง…”

หม่าหนานไม่สามารถจำตัวตนหยางเย่ได้ เพราะระหว่างการทดสอบเขากลับไปเยี่ยมบ้านเกิด แต่ยังไงก็ทราบชื่อหยางเย่ดี

ถูกต้อง เมื่อหยางเย่เข้าไปถึงชั้นยี่สิบสอง ข่าวคราวนี้ไม่ได้กระจายไปแค่ในสำนักดาบราชัน มันยังกระจายไปด้านนอกสำนักด้วย

เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ไม่อาจรอที่จะรีบกลับไปยังสำนักดาบราชัน เพราะต้องการเห็นการจัดอันดับในวันพรุ่งนี้ของศิษย์ใหม่ กล่าวได้ว่าเขาต้องการไปเห็นหยางเย่ผู้ที่ทำลายสถิติได้มากกว่า! แต่ใครจะคาดคิดว่าจะพบหยางเย่อย่างกะทันหัน ทั้งยังได้สู้กันไปเรียบร้อย! ยิ่งกว่านั้นเขาเองก็ไม่คาดคิดว่าจะไม่สามารถป้องกันการโจมตีเดียวของหยางเย่ได้!

ขณะที่มองหยางเย่และหม่าหนานเดินจากไป ฉือเฟิงบ่นพึมพำออกมา “อย่างที่คาดไว้ คนผู้นี้สามารถไปถึงชั้นยี่สิบสองได้… ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้”