ตอนที่ 195 ดีใจ

เยียนอวิ๋นฉีคลอดบุตรเป็นครั้งแรกในชีวิต ครั้งแรกที่เป็นแม่ ทุกเรื่องสำหรับนางล้วนแปลกใหม่

อีกทั้งเมื่อตั้งครรภ์ต้องโง่ไปสามปี…

เมื่อได้ยินว่าเด็กฉี่ ใจของนางก็ตื่นตระหนกอย่างมาก

“เด็กฉี่แล้ว ทำอย่างไร”

นางร้อนใจอย่างมาก กลัวว่าเด็กจะหนาว บนตัวมีกลิ่น

เซียวฮูหยินปลอบนาง “อย่าใจร้อน! เจ้านอนลง อย่าลุกขึ้นมา เด็กย่อมมีบรรดาแม่นมดูแล”

เยียนอวิ๋นฉียังคงไม่วางใจ

เซียวฮูหยินจึงให้แม่นมเปลี่ยนผ้าซับฉี่ ป้อนนมต่อหน้านาง

เมื่อดูจนครบกระบวนการ เยียนอวิ๋นฉีเพิ่งตั้งสติได้ ที่แท้เปลี่ยนผ้าซับฉี่เป็นเช่นนี้หรือ! ที่แท้ตอนเด็กกินนมเป็นเช่นนี้หรือ!

ระหว่างนี้ เยียนอวิ๋นเกอหลบหลีกออกไป

เวลานี้นางยังไม่อาจรับฉี่ อุจจาระ หรือก้นของเด็กได้

พี่ใหญ่ เยียนอวิ๋นเฟยดูอย่างออกรสออกชาติ อีกทั้งยังขอประสบการณ์การเลี้ยงเด็กจากแม่นม ฝึกฝนอย่างถ่อมตน

แม่ลูกทั้งสามอยู่จนถึงค่ำ เมื่อฟ้ามืดลงจึงขอตัวกลับ

ตอนออกจากจวนองค์ชาย เยียนอวิ๋นเฟยบอกเซียวฮูหยิน “องค์ชายสองไม่คิดจะจัดพิธีสรงสาม”

เซียวฮูหยินขมวดคิ้ว “ไม่ได้บอกว่าเขาโปรดบุตรสาวคนนี้มากหรือ เหตุใดจึงไม่จัดพิธีสรงสาม”

เยียนอวิ๋นเฟยพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่อย่ารีบร้อน ฟังข้าพูดให้จบก่อน องค์ชายสองคิดว่าพิธีสรงสามจะทำให้น้องสองเหนื่อย อีกทั้งเด็กยังอ่อนแอเพียงนั้น หากได้รับโรคเข้าไปจะยุ่งยาก ดังนั้นจึงตัดสินใจไม่จัดพิธีสรงสาม รอเด็กครบร้อยวันค่อยจัดงานเลี้ยงร้อยวัน

อีกทั้งเวลานี้แผ่นดินเกิดภัยแล้ง สามัญชนดำรงชีวิตยากลำบาก องค์ชายสองมักทำตัวไม่เป็นที่สนใจ หากเวลานี้จัดพิธีสรงสามขึ้นมา ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของเขา”

เซียวฮูหยินยังคงไม่พอใจ “เขาพูดกับเจ้าหรือ”

เยียนอวิ๋นเฟยพยักหน้า “บังเอิญพบเข้าที่สวนดอกไม้ จึงพูดคุยกับเขาเล็กน้อย ข้าคิดว่าเขาพูดได้มีเหตุผล ลูกเป็นของเขา จะจัดพิธีสรงสามหรือไม่ย่อมขึ้นอยู่กับเขา เขาบอกไม่จัด พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องบังคับ อีกทั้งท่านแม่ก็เห็นสถานการณ์ของน้องสองแล้ว สภาพร่างกายของนางในเวลานี้ หากจัดพิธีสรงสามจะทำให้นางเหนื่อย ทำให้นางพักฟื้นร่างกายไม่พอ”

เซียวฮูหยินเงียบไปชั่วครู่ “เจ้าพูดได้มีเหตุผล! อวิ๋นฉีคลอดลูก สูญเสียเลือดไปมาก ต้องใช้เวลาพักฟื้นร่างกายให้ดี ไม่เหมาะที่จะเหน็ดเหนื่อย เอาเถิด เห็นแก่ที่องค์ชายสองคำนึงถึงอวิ๋นฉี ข้าไม่ถือสาเขา”

เยียนอวิ๋นเฟยพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ใจกว้าง!”

เซียวฮูหยินส่งเสียงไม่พอใจ “เรื่องสำคัญเช่นนี้ เขาไม่พูดกับข้า หากแต่ให้เจ้ามาบอก เขากลัวข้าหรือ”

เยียนอวิ๋นเฟยรีบพูด “หากบอกว่าเขากลัวท่านแม่คงเป็นไปไม่ได้ อาจเป็นเพราะเขารู้สึกว่าการสื่อสารกับท่านแม่ ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ใหญ่ อีกฝ่ายเป็นผู้น้อย มีเรื่องมากมายพูดให้ชัดเจนไม่ได้”

“ฮึ! คราวหน้าหากพบเขา ข้าคงต้องถามเขาเสียหน่อย เขาทำผิดต่ออวิ๋นฉีใช่หรือไม่ จึงไม่กล้าปรากฏหน้าต่อหน้าข้า ขาดความมั่นใจอย่างเห็นได้ชัด!”

“ท่านแม่สมควรถาม!”

เยียนอวิ๋นเฟยไม่กลัวเรื่องจะบานปลาย

เซียวฮูหยินด้านหนึ่งรู้สึกว่าองค์ชายสองรู้จักเห็นใจอวิ๋นฉี ซึ่งเป็นเรื่องดี

แต่อีกด้านนางก็สงสารอวิ๋นฉี ไม่จัดพิธีสรงสาม คนด้านนอกย่อมต้องมีเรื่องนินทา

เพราะไม่นานก่อนหน้านี้ พิธีสรงสามในจวนองค์ชายสามจัดอย่างคึกคัก มีคนไปจำนวนมาก

เมื่อเทียบกันสองฝั่ง จวนองค์ชายสองเงียบเหงาเสียจริง

โชคดีที่อวิ๋นฉีกำลังพักฟื้นร่างกาย ไม่ถูกรบกวนจากเสียงนินทาด้านนอก

เถาฮองเฮาพระราชทานรางวัลให้ในวันที่สองหลังจากเด็กกำเนิดออกมา

เยียนอวิ๋นฉีคลอดบุตรสาว ทำให้นางผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังคงพระราชทานรางวัลหลายคันรถ

อีกทั้งยังส่งคนมาเยี่ยมเยือนเยียนอวิ๋นฉีและลูก

เด็กมีรูปลักษณ์ที่ดี ขันทีพรรณนาต่อเถาฮองเฮา จนทำให้เถาฮองเฮาเกิดความสนใจ

“เด็กงดงามจริงหรือ รอนางพักฟื้นเสร็จ ให้นางนำเด็กเข้ามาให้ข้าดูในวัง”

เด็กที่หน้าตาน่าเอ็นดู ทุกคนต่างชื่นชอบ

เมื่อฮ่องเต้หย่งไท่รู้ว่าตนเองมีหลานสาวเพิ่มจึงมีพระราชทานเช่นเดียวกัน

แม่กุญแจมงคลทองคำ และหยกอีกหนึ่งชิ้น

เซียวเฉิงเหวินนำของขวัญที่ฮ่องเต้หย่งไท่พระราชทานส่งไปให้เยียนอวิ๋นฉีด้วยตนเอง อีกทั้งยังพร่ำบ่น

“เสด็จพ่อทรงตระหนี่เหลือเกิน พระราชนัดดาหญิงองค์โตกำเนิด แต่กลับให้แค่ของสองชิ้นนี้”

เยียนอวิ๋นฉีไม่รังเกียจแม้แต่น้อย นางรับของขวัญเอาไว้แทนลูก

“ปีนี้ทุกแห่งล้วนมีภัยแล้ง สามัญชนใช้ชีวิตลำบาก ถึงแม้ฝ่าบาทจะทรงมั่งคั่ง แต่ก็ต้องใช้สอยอย่างประหยัด”

เซียวเฉิงเหวินหัวเราะออกมา “เหมือนที่ว่าโอรสสวรรค์ร่ำรวยมั่งคั่งด้วยทะเลทั้งสี่ มันเป็นคำหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุด ที่ดิน เหมืองแร่ ผู้คนบนแผ่นดินส่วนใหญ่อยู่ในมือของตระกูลขุนนาง มีเพียงส่วนน้อยที่ครอบครองโดยราชวงศ์ ไม่คุ้มค่าแก่การเอ่ยถึง ไม่อาจเทียบได้กับบางตระกูลด้วยซ้ำ”

“ไม่อาจพูดเช่นนี้ได้ โอรสแห่งสวรรค์เป็นนายของแผ่นดิน ย่อมไม่อาจกินอยู่คนเดียว ต้องแบ่งปันบ้าง”

“คำพูดนี้มีประโยชน์! แต่ว่าควรแบ่งปันเท่าใด” เขายิ้มอย่างมีนัย

เยียนอวิ๋นฉีมองเขา “ดูจากท่าทางขององค์ชาย มีผู้ใดทำให้ท่านทรงขุ่นเคืองหรือ”

เซียวเฉิงเหวินส่ายหน้า “ไม่มีผู้ใดทำให้ข้าขุ่นเคือง พวกเขาล้วนกลัวโรคของข้าจะกำเริบ ความผิดจะตกอยู่ที่พวกเขา ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ทุกคนจึงหลีกเลี่ยงข้า ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะรู้สึกน้อยใจ”

เยียนอวิ๋นฉีเม้มปากยิ้ม “ไม่จัดพิธีสรงสาม หม่อมฉันย่อมต้องน้อยใจหรือ องค์ชายทรงดูถูกหม่อมฉันเกินไป องค์ชายทรงไม่โปรดการสานสัมพันธ์กับผู้อื่น ผู้คนต่างรู้ดี ไม่จัดพิธีสรงสามย่อมสมเหตุสมผล ผู้ใดก็ไม่กล้าพูดจานินทา ท่านทรงคิดดู นับแต่หม่อมฉันอภิเษกกับท่าน ในจวนเคยจัดงานเลี้ยงกี่ครั้ง”

เซียวเฉิงเหวินพูด “ไม่มีงานเลี้ยงแม้แต่ครั้งเดียว”

“ถูก! ผ่านไปนับปี ไม่เคยมีงานเลี้ยงแม้แต่ครั้งเดียว อีกหลายปีต่อไปก็สามารถไม่มีงานเลี้ยงเช่นเดียวกัน”

เซียวเฉิงเหวินหัวเราะขึ้นมา “เจ้าเข้าใจได้ ข้ารู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก อย่างไรภายหน้าข้าก็จะชดเชยให้เจ้า”

เยียนอวิ๋นฉียิ้มพลันส่ายหน้า “ไม่สำคัญว่าจะชดเชยหรือไม่ สิ่งสำคัญคือต้องดีต่อลูก”

“นางเป็นบุตรสาวของข้า ข้าย่อมดีต่อนาง”

เซียวเฉิงเหวินอุ้มเด็กขึ้นมา ถึงแม้ท่าทางจะเก้ๆ กังๆ แต่ก็ดูแลความรู้สึกของเด็กเป็นอย่างดี

เด็กกำลังหลับอย่างสบาย นางบิดตัวเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมา

นางหลับลึกและสบายอย่างมาก

ในอ้อมกอดของท่านพ่อ คิดว่านางจะรู้สึกได้ถึงความปลอดภัย

บนใบหน้าของเยียนอวิ๋นฉีเผยรอยยิ้มที่มีความสุข

ครอบครัวสามคนอยู่ด้วยกันเป็นภาพที่งดงามอย่างมาก

เยียนอวิ๋นฉีถามขึ้น “หม่อมฉันคลอดบุตรสาว องค์ชายทรงผิดหวังหรือไม่”

เซียวเฉิงเหวินตำหนิเสียงเบา “อย่าคิดเหลวไหล! เจ้าไม่เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าข้าหรือ”

เยียนอวิ๋นฉีมองเขาอย่างตั้งใจ “องค์ชายไม่ทรงผิดหวังจริงหรือ”

“ไม่เพียงไม่ผิดหวัง หากแต่ยังดีใจเสียด้วยซ้ำ บุตรชายมีสิ่งใดดี ดื้อรั้นซุกซน สร้างปัญหา บุตรสาวดีกว่า ข้าโปรดปรานอย่างมาก”

พูดจบ เขาแนบชิดกับแก้มของเด็ก ท่าทางดื่มด่ำ

เยียนอวิ๋นฉีสามารถมั่นใจได้ว่าเขาพูดความจริง

เขาชอบบุตรสาวมากจริงๆ

นางหยอกล้อ “องค์ชายทรงน่าขัน ผู้อื่นล้วนอยากให้กำเนิดบุตรชาย แต่องค์ชายกลับทรงโปรดบุตรสาว”

เซียวเฉิงเหวินเลิกคิ้วพลันยิ้มเย้ยหยัน “หวังคลอดบุตรชายก็เพียงต้องการให้มีผู้สืบทอด ข้าไม่มีทรัพย์สมบัติ ไม่มีกิจการ เวลานี้ไม่ต้องการผู้สืบทอด อีกอย่าง หากบุตรสาวของพวกเรามีความสามารถเหมือนน้องสี่ของเจ้า คงจะดีกว่าบุตรชายร้อยเท่า”

เยียนอวิ๋นฉีอดยิ้มไม่ได้ “หากต้องการให้บุตรสาวมีความสามารถเหมือนน้าสี่ของนางก็ต้องเรียนรู้ให้มาก ความสามารถของน้องสี่ ไม่ใช่ผู้ใดก็จะฝึกได้”

“ก็จริง” เซียวเฉิงเหวินเหมือนนึกบางอย่างได้ รู้สึกขบขันอย่างยิ่ง “น้องสี่ของเจ้า ทำงานมีแผนการรอบคอบ ลงมือทำได้ว่องไว แต่บางเวลาก็เหมือนเด็ก ไม่มีท่าทางของผู้สร้างกิจการใหญ่แม้แต่น้อย”

เยียนอวิ๋นฉีปิดปากหัวเราะ “อวิ๋นเกอนิสัยเป็นเช่นนั้น เวลาทำงานตั้งใจอย่างมาก ไม่ว่าเรื่องใดต้องมีแผนการก่อน แต่เวลาไม่ทำงาน นางก็มักทำสิ่งใดตามใจ เหลวไหลเหมือนเด็ก”

เซียวเฉิงเหวินพูด “นิสัยเช่นนี้ก็ไม่เลว แต่บุตรสาวของพวกเราจะเหมือนน้องสี่เจ้าไม่ได้”

“ก่อนหน้านี้องค์ชายยังทรงชมน้องสี่ คราวนี้ก็เริ่มรังเกียจอีกแล้ว” เยียนอวิ๋นฉีแสร้งทำเป็นขุ่นเคือง

เซียวเฉิงเหวินวางเด็กลง เด็กกำลังหลับลึก ไม่ได้ตื่นขึ้นมา

เขาพูด “ลูกของพวกเราเป็นอย่างไรก็ได้ แต่ต้องไม่เอาแต่ใจ อยู่ในราชวงศ์ แม้จะมีคุณสมบัติให้เอาแต่ใจ แต่ก็ต้องดูว่ามีต้นทุนที่จะสามารถเอาแต่ใจได้หรือไม่”

เยียนอวิ๋นฉีเงียบลง

เซียวเฉิงเหวินจับมือของนาง “อย่าคิดมาก! เด็กเพิ่งคลอดออกมา ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรยังไม่แน่ ส่วนเจ้าต้องพักฟื้นร่างกายให้ดี อย่ากังวลเรื่องอื่น เรื่องวุ่นวายด้านนอกก็ไม่ต้องไปฟัง ดู ลูกของพวกเราน่าเอ็นดูเพียงใด เพียงแค่มองนางก็พอใจแล้ว”

เยียนอวิ๋นฉีเปลี่ยนเป็นความดีใจ

เมื่อจ้งซูอวิ้นรู้ว่าเยียนอวิ๋นฉีได้บุตรสาว นางก็โล่งใจอย่างมาก

ดี!

นางได้ใจอย่างมาก!

อดไม่ได้ที่จะพร่ำบ่นต่อหน้าองค์ชายสามเซียวเฉิงอี้

เซียวเฉิงอี้กลับไม่สนใจ “บุตรสาวก็ดี บุตรชายก็ดี ล้วนเหมือนกัน”

“เหมือนอย่างไร” จ้งซูอวิ้นคัดค้านเขา “หากข้าให้กำเนิดบุตรสาว ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะยิ้มได้อย่างมีความสุขเช่นนี้ ข้าได้ยินว่ารางวัลที่เสด็จแม่พระราชทานให้ทางนั้นน้อยกว่าพวกเราสามคันรถ เห็นได้ชัดว่าภายในพระทัยของเสด็จแม่ ลูกของพวกเราสำคัญยิ่งกว่า”

เซียวเฉิงอี้เตือนนาง “คำพูดนี้เจ้าพูดกับข้าได้ แต่เมื่อพบพี่สะใภ้สอง เจ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหลต่อหน้านาง”

“ข้ารู้ดี ข้าย่อมไม่พูดจาเหลวไหลออกไป ได้ยินว่าพวกเขาไม่คิดจะจัดพิธีสรงสาม เพราะว่าได้บุตรสาว รู้สึกไม่พอใจหรือ”

เซียวเฉิงอี้ส่ายหน้า “เจ้าไม่รู้จักพี่สอง จากนิสัยของเขา ไม่ว่าบุตรสาวหรือบุตรชาย เขาล้วนไม่จัดพิธีสรงสาม หลายปีนี้ เจ้าเคยไปงานเลี้ยงในจวนพี่สองหรือ”

จ้งซูอวิ้นผงะไป ก่อนจะยิ้มเสียดสี “ท่านไม่ทรงพูดข้าเลยไม่ทันคิด เมื่อคิดดูแล้ว หลายปีนี้ ข้าไม่เคยไปงานเลี้ยงของพวกเขาแม้แต่น้อย ช่างตระหนี่เสียจริง”

เซียวเฉิงอี้พูด “ไม่ใช่เพราะตระหนี่ แต่ร่างกายของพี่สองไม่ดี ไม่อาจทนการรบกวน หรือรับรองแขกได้ หากจัดงานเลี้ยง เกรงว่างานเลี้ยงยังไม่ทันสิ้นสุด พี่สองก็ล้มลงก่อน”

“ร่างกายของเขารักษาไม่หายแล้วหรือ” จ้งซูอวิ้นถาม

เซียวเฉิงอี้พูด “โรคที่ติดตัวมาแต่ครรภ์มารดา รักษาไม่หาย! ทำได้เพียงบำรุง!”

จ้งซูอวิ้นถอนหายใจด้วยความโล่งอก รักษาไม่หายก็ดี

———————————————-