บทที่ 182 ออกศึกไปกับท่าน ไม่เกรงกลัวสิ่งใด

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

บทที่ 182 ออกศึกไปกับท่าน ไม่เกรงกลัวสิ่งใด

“มา ๆ ๆ นั่งลง ๆ! วันนี้เป็นวันสำคัญของหมู่บ้านตระกูลเฉินของเรา!” เฉินฉือมองดูทุกคนอย่างมีความสุข เกรงว่าหากเสียงเบาไปทุกคนจะไม่ได้ยิน

ในหมู่บ้านมีทั้งไท่ซ่างหวง องค์หญิงใหญ่ มีกองทัพทหารเกราะเหล็ก! แม้แต่อดีตจี้กั๋วกงก็ยังมาผ่าฟืน ไถนา เลี้ยงไก่ให้พวกเขาเลย!

นี่ยังไม่ใช่หมู่บ้านอันดับหนึ่งในใต้หล้าอีกหรือ!

คนบ้านนอกพูดคำพูดสวยหรูไม่เป็น พวกเขาแค่รู้สึกว่าเวลามองไท่ซ่างหวงก็ราวกับเห็นผมสีขาวของเขาเปล่งประกายได้อย่างไรอย่างนั้น! สมกับที่เป็นไท่ซ่างหวงจริง ๆ ชามและตะเกียบที่เขาใช้ก็ไม่อยากเอาไปล้างแล้ว เพราะอยากเก็บไว้เป็นมรดกตกทอดของครอบครัว

ไท่ซ่างหวงตอนอยู่ในวังก็ต้องวางมาด ฟังคนใต้บังคับบัญชาประจบสอพลออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เมื่อเห็นชาวบ้านพิธีรีตรองเช่นนี้ก็รู้สึกระอาเป็นอย่างมาก

ไท่ซ่างหวงจึงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ไม่ต้องมาเล่นไม้นี้ ข้าก็แค่คนแก่ธรรมดาคนหนึ่งเหมือนก่อนหน้านี้ จะคุยเล่นก็คุยไป แต่ตอนนี้ควรกินข้าวได้แล้ว อาหารจะเย็นหมด ไม่ต้องพูดแล้ว รีบกินข้าวเถอะ”

น้ำลายของทุกคนแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว แต่เพราะเขาไม่พูดก็เลยมีไม่ใครกล้าเริ่มอย่างไรเล่า

เมื่อไท่ซ่างหวงเอ่ยปากเช่นนี้ ทุกคนก็รีบหยิบตะเกียบและเริ่มกินทันที

“นี่มัน…นี่มันจะอร่อยเกินไปแล้ว!!”

“ข้าเกือบจะเผลอกัดลิ้นตัวเองไปด้วยแล้ว อย่ามาพูดกับข้า ข้าจะก้มหน้าก้มตากิน”

“ฝีมือการทำอาหารของฮูหยินยอดเยี่ยมไปเลย!”

ไท่ซ่างหวงเองก็กินด้วยความเอร็ดอร่อย ทันใดนั้นเสียงหัวเราะในหมู่บ้านก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย

เหลือเพียงคนของจวนจี้กั๋วกงเท่านั้นที่ได้แต่มองดู แต่ไม่มีใครสนใจสิ่งที่พวกเขาคิด ต่อให้หิวจนตายพวกเขาก็สมควรแล้ว

“มา ๆ ๆ รินเหล้าให้เต็ม!” ทุกคนตะโกนขึ้นมา กลิ่นหอมของเหล้าพลันอบอวลไปทั่วทั้งโต๊ะ

“ท่านแม่ทัพ วันนี้พวกเราดีใจมากจริง ๆ ขอรับ เหมือนย้อนกลับไปเมื่อก่อนตอนที่พวกเรายังอยู่ซีเป่ย ข้าขอดื่มให้ท่านขอรับ! ข้าหวังว่ากองทัพทหารเกราะเหล็กของเราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป!”

เผยยวนลุกขึ้นยืน เตรียมจะยกชามเหล้าชนกับพวกเขา แต่มีคนลุกขึ้นและห้ามเอาไว้เสียก่อน “ท่านแม่ทัพ เรื่องดื่มเหล้าไม่ต้องดีกว่าขอรับ ใช้น้ำเปล่าแทนเหล้าก็พอขอรับ”

เผยยวนปัดมือไปมา “ไม่เป็นไร ข้าเองก็ไม่ได้ดื่มมานานแล้ว”

ข้าง ๆ ก็มีคนห้ามเอาไว้ “อย่าเลยขอรับ ดื่มมากไปฮูหยินจะตำหนิเอาได้”

พวกชาวบ้านเห็นต่างก็สงสัย “เผยจื่ออยากดื่มก็ให้เขาดื่มเถอะ”

พี่น้องกองทัพทหารเกราะเหล็กที่รู้เรื่องวงในดีต่างก็มองหน้ากัน ไม่ใช่ไม่ให้ดื่ม แต่หลังจากดื่มแล้ว ก็หยุดไม่ได้อีก…

ขณะที่พวกเขากำลังคิดอยู่นั้น เผยยวนก็ชนชามเหล้ากับคนอื่นและดื่มรวดเดียวจนหมดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!

มีคนแอบปิดหน้า มีคนแอบเปลี่ยนที่นั่ง อีกเดี๋ยวท่านแม่ทัพดื่มจนเมาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าใครจะมีวาสนาโชคดีได้เห็น ‘เผยยวนอีกคน’

ขณะที่เหล่าทหารกำลังคิดเช่นนั้นอยู่ ทันใดนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เอ๊ะ! ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนี่นา พวกเขามีฮูหยินแล้ว! ก็ให้ฮูหยินรับผิดชอบทุกอย่างไปก็สิ้นเรื่อง!

จี้จือฮวนที่กำลังกินข้าวอยู่ จู่ ๆ ก็จามขึ้นมา

“ท่านแม่ ไม่สบายหรือเจ้าคะ” อาอินหันมาถามทันที อาฉือเองก็วางตะเกียบลงและมองหน้านาง

จี้จือฮวนส่ายหน้า “น่าจะเป็นเพราะคันจมูกกระมัง กินข้าวต่อเถอะ”

ทางฝั่งพวกนางล้วนมีแต่เด็ก ผู้หญิง และคนแก่ ส่วนฝั่งพวกผู้ชายก็ให้พวกเขาโวยวายกันไป ส่วนพวกทหารที่จะเฝ้ายามคืนนี้ล้วนกินเสร็จหมดแล้ว และออกไปลาดตระเวนรอบ ๆ หมู่บ้านแล้ว

เพราะทางเมืองหลวงยังไม่รู้ว่าจะมีปฏิกิริยาเช่นไร ดังนั้นเวลาใดก็จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด

“ฮวนฮวน เมื่อก่อนพวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าสามีของเจ้าคือท่านเทพสงครามเผยยวน พวกเรามักจะดูถูกพวกเจ้า ดังนั้นจึงนับว่าเป็นความผิดของพวกเรา แต่ต่อไปเจ้าอย่าได้ถือสาพวกเราเลยนะ”

เดิมจี้จือฮวนไม่อยากจะสนใจพวกเขาเท่าใดนัก แต่หลังจากไปมาหาสู่กันมานาน ใช้ความจริงใจแลกความจริงใจ ภายหน้าสามารถเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันได้ก็พอแล้ว

“พวกท่านป้าอย่าพูดเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ไม่ต้องไปพูดถึงมันอีก เรามองไปข้างหน้าดีกว่าเจ้าค่ะ”

ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนนั้น ล้วนต้องการการดูแลรักษา ด้วยความเข้าใจและความอดทนที่ต้องมอบให้กันและกันเสมอ

ทว่าเรื่องเช่นนี้สำหรับทุกคนล้วนแตกต่างกันไป ชะตากรรมของบางคนก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างเงียบ ๆ นับตั้งแต่เวลานี้

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่มีคนเริ่มร้องเพลงรบขึ้นมา

พวกเขาหลั่งน้ำตา โอบไหล่ ขี่หลัง เสียงผู้ชายที่ทรงพลังร้องเพลงขึ้นช้า ๆ พวกเขามองเห็นความเชื่อและความมุ่งมั่นในแววตาของกันและกัน ในวันคืนที่ผ่านพ้น พวกเขาต่างจับมือและอยู่เคียงข้างกัน ร้องไห้ด้วยกัน หัวเราะด้วยกัน

“ใครกล่าวว่าไร้เสื้อผ้า? ก็สวมเสื้อคลุมนั้นกับท่านอย่างไรเล่า กษัตริย์ส่งกองทหารไปออกศึก ต้องซ่อมหอกด้ามนั้นของข้า และสังหารศัตรูที่มีเป้าหมายเดียวกับท่าน!

ใครกล่าวว่าไร้เสื้อผ้า? ข้าก็สวมเสื้อตัวในนั้นกับท่านอย่างไรเล่า กษัตริย์ส่งกองทหารไปออกศึก ต้องซ่อมง้าวของข้า ออกเดินทางไปกับท่าน!

ใครกล่าวว่าไร้เสื้อผ้า? ข้าก็สวมชุดเกราะนั้นกับท่านอย่างไรเล่า กษัตริย์ส่งกองทหารไปออกศึก ต้องซ่อมดาบและเกราะนั้นของข้า ฆ่าศัตรูและก้าวไปกับท่าน!”

เผยยวนดื่มเหล้าที่จี้จือฮวนหมัก ดวงตาที่กระจ่างชัดเริ่มพร่าเลือนเล็กน้อย เขาลุกขึ้นยืนและเดินไปที่กลองที่นำออกมาจากห้องดนตรีของจวนจี้กั๋วกง ควงไม้ตีกลองในมือรอบหนึ่ง จากนั้นก็เริ่มตีกลองขึ้นมา

เสียงกลองที่ทุ้มแน่นดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องของผู้คนมากมาย ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้หลุดเข้าไปอยู่ในสนามรบที่มีทหารและม้ามากมาย

ภายใต้แสงไฟจากคบเพลิง เผยยวนสวมชุดสีดำ ผมหางม้าที่มัดสูงของเขาสะบัดไปมาตามการเคลื่อนไหว แขนอันทรงพลังของเขาตีลงบนกลอง นำทหารทั้งหมดร้องเพลงศึกโดยพร้อมเพรียงกัน

“สวมเกราะเหล็ก ถือดาบยาว ออกศึกไปกับท่าน เส้นทางยาวไกล ร่วมแรงร่วมใจต่อต้านศัตรู เป็นตายร่วมกัน ออกศึกไปกับท่าน จิตใจไม่ย่อท้อ ก้าวสู่เขาเอี้ยนหยาน กวาดล้างชาวหู ออกศึกไปกับท่าน ไม่เกรงกลัวสิ่งใด”

“ลมกรรโชกแรง เมฆล่องลอยออกไป ข้ามาที่บ้านเกิดของตัวเอง ตอนนี้โลกอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า ข้าจะหานักรบเพื่อปกป้องชายแดนทั้งสี่ทิศได้จากที่ใด!”

นี่เป็นครั้งแรกที่จี้จือฮวนได้ยินเผยยวนร้องเพลง ไม่ได้เป็นการร้องที่มีเทคนิคเหมือนนักร้องสมัยใหม่ แต่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของความเป็นชายชาตรี และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเผยยวนในมุมที่ต่างออกไป

อ่อนเยาว์ มีพลัง ฮึกเหิม ดวงตาร้อนแรงและเจิดจ้า นี่ต่างหากคือเทพสงครามที่โด่งดังตั้งแต่เด็กในนิยายผู้นั้น จังหวะการเต้นของหัวใจจี้จือฮวนในเวลานี้ ถูกควบคุมโดยเผยยวนเช่นเดียวกับเสียงกลองนั่น

ใช่แล้ว เผยยวนที่เป็นแบบนี้มีเสน่ห์ดึงดูดใจของนางเป็นอย่างมาก

ไท่ซ่างหวงมองดูภาพตรงหน้า ก่อนจะพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม และเอ่ยกับองค์หญิงใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “เห็นหรือไม่ นี่ต่างหากคือชายหนุ่มต้าจิ้นของเรา”

หลังจากที่องค์หญิงใหญ่ความจำเสื่อม สิ่งที่นางเห็นก็คือหมู่บ้านตระกูลเฉิน คนที่นางรู้จักก็เป็นคนของหมู่บ้านตระกูลเฉิน

แต่ตอนนี้เมื่อมองไปที่ใบหน้าอ่อนเยาว์และเด็ดเดี่ยวเหล่านั้น นางกลับไม่ได้รู้สึกภูมิใจเช่นไท่ซ่างหวง นางเพียงจิบเหล้าผลไม้ในแก้วแล้วเอ่ยขึ้นมา “พ่อแม่ของพวกเขาต้องการเพียงให้พวกเขาปลอดภัยก็เท่านั้น สงครามมีแต่นำความเจ็บปวดมาให้ผู้คน หากไม่ต้องสู้กันอีกเช่นนั้นถึงจะเป็นการดีที่สุด”

ไท่ซ่างหวงมองไปที่องค์หญิงใหญ่ พลางลูบหลังของนางเบา ๆ บางคำพูดสองพ่อลูกไม่ต้องเอ่ยออกมา ก็สามารถเข้าใจกันได้

เพราะทหารทุกนาย ก่อนจะมาเป็นทหารก็ล้วนเป็นราษฎรคนธรรมดามาก่อน พวกเขามีพ่อแม่ ญาติพี่น้อง พวกเขาใช้ร่างกายที่มีเลือดเนื้อปกป้องบ้านเมืองของพวกเขา

ไป๋จิ่นมองไปที่อาชิงน้อยที่ดวงตาเป็นประกายแล้วเอ่ยขึ้นมา “แม้ยามปกติข้าจะรู้สึกว่าตัวเองหล่อเหลาจนไม่มีใครเทียบได้ แต่วันนี้ข้าจะยอมให้พ่อเจ้าก็แล้วกัน”

อาชิงน้อยกะพริบตาปริบ ๆ แล้วเอ่ยขึ้นมา “อาจารย์ ท่านไม่มีกระจกหรือขอรับ?”

ไป๋จิ่นเอามือปิดปากของเจ้าตัวเล็กไว้ทันที “หุบปาก! กฎข้อที่ห้าสิบของอาจารย์ก็คือ ให้คิดว่าอาจารย์หล่อที่สุดเสมอ! ยกเว้นคืนนี้”

เผยยวนผู้นี้เขามองดูแล้วยังอยากแต่งงานด้วยเลย เฮ้อ!