บทที่ 181 จัดงานเลี้ยงฉลอง

หลังจากหารือกับเฉินฉือเรียบร้อยแล้ว จี้จือฮวนกับคนในหมู่บ้านก็แยกย้ายกันไปทำงาน พวกผู้ชายไปช่วยกองทัพทหารเกราะเหล็กสร้างบ้านใหม่ ส่วนพวกผู้หญิงไปช่วยกันล้างผัก เพราะไท่ซ่างหวงเสด็จมา ทั้งยังมีคนจำนวนมากเพียงนี้ที่ต้องกินข้าว ตอนที่จี้จือฮวนกลับมาจึงได้ซื้อเนื้อจำนวนมากจากจางต้าเปียวกลับมาด้วย

คืนนี้จะมีงานเลี้ยงฉลอง ต้องทำอาหารจานเด็ดเพื่อตอบแทนทุกคนที่ทำงานหนัก พวกเด็ก ๆ เองก็คอยช่วยยกผักล้างจานและเชื่อฟังเป็นพิเศษ

ชามและตะเกียบทั้งหมดในหมู่บ้านเรียกได้ว่าถูกนำออกมาจนหมดแล้ว ชามและตะเกียบที่เอามาจากจวนจี้กั๋วกงต้องเอามาลวกด้วยน้ำร้อนและล้างอีกครั้ง เรื่องนี้ใช้เวลาเป็นครึ่งวันกว่าจะจัดการเรียบร้อย

โต๊ะที่สามารถเอามาวางได้ทั้งหมดในหมู่บ้านล้วนถูกนำออกมา ตรงที่ไม่มีที่นั่งก็นำไม้กระดานประตูมาใช้แทนก่อน

จัดวางหม้อทั้งหมดบนพื้นที่เปิดโล่งและตั้งเตาชั่วคราวขึ้น คิดว่าช่วงนี้คงต้องขอให้เหล่าเติ้งมาช่วยสร้างครัวกลางแจ้งที่นี่ เพื่อปรุงอาหารที่มีประโยชน์สำหรับทหารที่รับการฝึกหนักทั้งวัน

ทางด้านนั้น พวกผู้ชายกำลังถอดเสื้อเปลือยท่อนบนเพื่อขุดดินกันอยู่ อาจเป็นเพราะไม่ได้มีความสุขเช่นนี้มานานแล้ว ความสุขที่ฉายบนใบหน้าดำคล้ำจึงสามารถมองเห็นได้ตั้งแต่แวบแรก

เผยยวนเองก็อยากถอดเสื้อเพราะเหงื่อออกไปทั้งตัวเช่นกัน เมื่อก่อนตอนอยู่ค่ายทหารเขาก็เคยถอดเสื้อแข่งมวยปล้ำกับลูกน้อง ทว่ามือเพิ่งจะแตะบนสายรัดกางเกง เขาก็หันกลับไปมองด้านหลังโดยไม่รู้ตัว

บรรดาสาว ๆ และพวกท่านป้าในหมู่บ้านกำลังมองมาที่เขา ยังมีฮวนฮวนด้วย…

เผยยวนหันกลับมากระแอมเล็กน้อย เขาต้องรักษาคุณธรรมบุรุษ ต่อให้ร้อนก็ต้องสวมไว้

“ท่านแม่ทัพ ไม่ร้อนหรือขอรับ?”

“ถอดเถอะขอรับ เสื้อมีแต่เหงื่อ อีกนิดก็บิดน้ำออกได้แล้ว”

เผยยวนขยับคอเสื้อให้เรียบร้อย พลางปัดมือไปมาและเอ่ยขึ้น “ข้าไม่ร้อน ทำงานต่อได้แล้ว”

บรรดาทหารเกี่ยงกันไปมา จนในที่สุดก็ส่งคนที่ซื่อ ๆ คนหนึ่งมาถาม “ท่านแม่ทัพ ท่านกลัวฮูหยินจะว่าท่านหรือขอรับ?”

เผยยวน …ชัดเจนขนาดนั้นเชียวหรือ?

ตอนแรกทุกคนล้วนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ปกติท่านแม่ทัพเคยกลัวใครที่ใดกัน ยามที่สองกองทัพเผชิญหน้ากัน มีอันตรายมากมายเขาก็ไม่เคยหวาดกลัวเลยสักครั้ง พวกเขาก็แค่จะมาแหย่เล่นเท่านั้น ทว่าสุดท้ายท่านแม่ทัพของพวกเขากลับอึ้งไปจริง ๆ อีกทั้งสีหน้ายังบ่งบอกด้วยว่าพวกเจ้ารู้ได้อย่างไรกัน

ทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดใจ…มองไม่ออกเลยว่าท่านแม่ทัพก็เป็นพวกกลัวเมียด้วย!

อีกด้านหนึ่ง อาอินแบกเนื้อหมูมาวางไว้บนเขียง จากนั้นจี้จือฮวนก็จัดการเนื้อต่อ ครั้งนี้นางจะทำหมูต้มหั่นบาง เนื้อที่เลือกใช้จึงเป็นเนื้อสองดาบ หรือก็คือเนื้อส่วนขาหลังที่อยู่ติดกับหนัง เนื้อส่วนนี้มีเนื้อและไขมันเท่า ๆ กัน จากนั้นนางก็ใส่น้ำเย็นลงไปในหม้อแล้วเริ่มต้ม ระหว่างที่ต้มก็ใช้แท่งเหล็กแทงเนื้อหมูไปทั่วทั้งชิ้น เพื่อป้องกันความร้อนไม่ทั่วถึง ข้างนอกเหนียวแต่เนื้อข้างในยังไม่สุก

เมื่อสุกได้เก้าส่วนแล้ว ก็ปิดฝาหม้อและเคี่ยวต่ออีกครึ่งชั่วยามแล้วค่อยนำออกมา

หมูต้มหั่นบาง สิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ทักษะการใช้มีด ตอนนั้นนางยังใช้เวลาในการเรียนรู้อยู่นาน เมื่อใช้มีดแล่ออกมาเป็นแผ่นบาง ๆ ก็ใช้ตะเกียบม้วนขึ้น จิ้มในน้ำจิ้มพริกกระเทียมสูตรพิเศษ รสชาติอร่อยเต็มปาก เผ็ดหอมสดชื่น เข้มข้น มันแต่ไม่เลี่ยน เป็นอาหารกับแกล้มที่ต้องมี

ปลาสด ๆ ที่ซื้อมาจากตำบลฉาซู่นางก็เอามาหมักกับพริกไทย อย่างแรกคือกลิ่นเครื่องเทศเตะจมูก รสชาติพื้นฐานคือ เผ็ด ชา เค็ม ก่อนจะนำผักดองและหัวไชเท้าดองที่พวกชาวบ้านทำเองที่บ้านมาหั่นเป็นแว่น ๆ ตั้งน้ำมันในกระทะให้ร้อน ใส่พริกไทยลงไปผัดจนมีกลิ่นหอมและพริกไทยเปลี่ยนสี ตามด้วยต้นหอม ขิง กระเทียม และเครื่องปรุงอื่น ๆ ใส่น้ำปรุงรสถั่วหมักพริกไทย จากนั้นก็เติมน้ำ ใส่หัวปลาและเนื้อปลาชิ้นใหญ่ลงไปก่อน แล้วจึงใส่เนื้อปลาที่แล่เป็นชิ้น ๆ ลงไป รอสักพักจึงจะเติมน้ำมันพริกไทยลงไปเพื่อดึงกลิ่นหอมของส่วนผสมและพริกไทยออกมาให้มากที่สุด ทันใดนั้นห้องครัวก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมฉุย บางคนที่สมาธิไม่ตั้งมั่นพอถึงกับกลืนน้ำลายกันไปหลายอึก

ต้มเนื้อวัวนั่งไขว่ห้าง เป็ดหนังหวาน กระดูกไก่ผัดพริก ปลาเผ็ดหม้อไฟ เนื้อกระต่ายผัดหมาล่า เนื้อสับผัดเครื่องเทศ ไส้ใหญ่ต้มผักดอง เนื้อตุ๋นสองรส ผัดผักตามฤดูกาล หัวสิงโตตุ๋นน้ำแดง มะเขือม่วงผัดซีอิ๊ว หมูเส้นผัดเปรี้ยวหวาน…

อาหารจานพิเศษถูกวางลงบนโต๊ะทีละจาน ทั้งหมู่บ้านเรียกได้ว่าคึกคักอย่างยิ่ง ทุกคนต่างก็ยุ่งวุ่นวาย

จี้จือฮวนรับผิดชอบการทำอาหาร มีบรรดาพวกท่านป้าหยางคอยช่วยไม่ห่าง เผยยวนรับผิดชอบทำที่พักให้กองทัพทหารเกราะเหล็ก พวกผู้ชายได้กลิ่นหอมของอาหารก็แทบจะรอกินมื้อเย็นไม่ไหวแล้ว

ในหมู่บ้านมีคนชราอยู่ด้วย โดยเฉพาะไท่ซ่างหวง จี้จือฮวนจึงทำอาหารที่ทำจากเนื้อปลอมอย่าง ซี่โครงแสงพระธรรม เต้าหู้กระทะร้อน พวกท่านป้าหยางยังทำข้าวเหนียวทอดราดน้ำตาลแดงให้เด็ก ๆ ด้วย ต่างถือแทะกันคนละอัน วิ่งไปมาจนหัวเปียกไปหมด

ในที่สุดก็ถึงเวลากินข้าว ทันทีที่จี้จือฮวนตีฆ้อง ทุกคนต่างพุ่งมากินข้าวด้วยความตื่นเต้น

“ก่อนกินข้าวต้องล้างมือด้วย! ไปล้างที่แม่น้ำกันก่อน!” คำพูดของฮูหยินท่านแม่ทัพใครกล้าขัดคำสั่งกัน แต่ละคนเกาหัวพลางหัวเราะเสียงดัง วิ่งผลักกันไปมาจนถึงริมแม่น้ำ

เผยยวนไม่ได้ไปด้วย ตอนที่เข้ามายังมีอาการหอบเล็กน้อย “เหนื่อยหรือไม่?”

จี้จือฮวนผ่อนคลายกล้ามเนื้อ “ต้องเหนื่อยอยู่แล้ว เจ้าล่ะเป็นเช่นไรบ้าง?”

เผยยวนครุ่นคิด “แม้จะเหนื่อยแต่มีความสุขมาก ไม่เคยมีความสุขเช่นนี้มาก่อน”

พี่น้อง ภรรยา ลูกชาย ลูกสาวล้วนอยู่ข้างกาย เผยยวนเคยมีมากมาย แต่ก็ต้องสูญเสียทั้งหมดไป ทว่าตอนนี้ได้พวกเขาคืนมาเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

“ไปล้างมือเถอะ อีกเดี๋ยวจะกินข้าวกันแล้ว”

เผยยวนพยักหน้ารับ หมุนตัวเดินไปได้สองก้าว ก็หันกลับมามองหน้านาง “ขอบใจนะ”

หากตอนนั้นนางเลือกเดินจากไป ก็คงไม่มีเผยยวนในวันนี้ และไม่มีกองทัพทหารเกราะเหล็กในวันนี้เช่นกัน

ก่อนที่จี้จือฮวนจะนึกออกว่าควรตอบเช่นไร เขาก็รีบวิ่งออกไปล้างมือแล้ว เมื่อสังเกตดูดี ๆ ใบหูของเขายังเป็นสีแดงเรื่ออีกด้วย

เผยจี้ฉือแอบสังเกตอยู่พักหนึ่ง รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่เหมือนจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย อย่างน้อยท่านแม่ก็ใส่ใจท่านพ่อมากขึ้น และตั้งใจฟังคำพูดของท่านพ่อ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่า…ท่านพ่อกับท่านแม่เหมือนสลับร่างกันอยู่เล่า!!!

เมื่อพวกเขาล้างมือเสร็จและกลับมา เฉินฉือก็ไปนำเหล้าทั้งหมดที่เก็บไว้ในศาลบรรพชนของหมู่บ้านออกมาพอดี เขากลัวว่าจะไม่พอดื่มจึงให้เจิ้งต้าเฉียงพาคนลากเกวียนวัวไปซื้อมาเพิ่มอีกด้วย

จี้จือฮวนนึกขึ้นได้ว่าไวน์องุ่นที่เก็บเอาไว้ในช่องว่างมิติก็ได้เวลาดื่มแล้ว จึงกลับบ้านไปหยิบออกมา

พวกทหารมองไปยังอาหารที่มีอยู่เต็มโต๊ะ น้ำลายของพวกเขาก็แทบจะไหลออกมาทันที

“พี่ชาย ท่านอย่าเพิ่งชวนข้าคุย น้ำลายข้าจะหกอยู่แล้ว”

“ฮูหยินของเราฝีมือดีเช่นนี้ หากข้าต้องออกไปรบแล้วคิดว่าเมื่อกลับค่ายมาจะมีกับข้าวแบบนี้ให้กิน ข้าไม่ต้องสู้ตายเพื่อเอาชีวิตรอดกลับมาให้ได้หรอกหรือ?”

“ท่านแม่ทัพมีบุญจริง ๆ ฮูหยินทั้งงดงามและยังเก่งกาจเพียงนี้ ไม่ดีกว่าจี้หมิงซูก่อนหน้านี้หรอกหรือ?”

“เจ้าพูดถูก พวกคนจวนจี้กั๋วกงตาบอดชัด ๆ เห็นลูกปัดเป็นมุกราตรี ฮูหยินทั้งงดงาม ทั้งมีคุณธรรม เจ้าดูเวลาท่านแม่ทัพอยู่ต่อหน้านางสิ เชื่อฟังจะตายไป เหลือแค่กระดิกหางเท่านั้น จี้หมิงซูเทียบได้อย่างนั้นหรือ? นางเป็นแค่คนที่ท่านหญิงซ่างหยางยัดเยียดให้ท่านแม่ทัพของเราก็เท่านั้น”

คนของจวนจี้กั๋วกงที่กำลังหิวโหย ถูกสั่งให้นั่งยอง ๆ บนคันนา “…”

“ท่านแม่ ข้าหิวจังเลยขอรับ” คุณชายสามที่หมอบอยู่ริมทุ่งนาไม่ได้กินข้าวมาสองวันแล้ว เมื่อได้กลิ่นอาหารที่หอมฉุยเช่นนี้ เขาจึงหิวจนแทบจะแทะดินได้อยู่แล้ว

“อดทนเอาหน่อย พวกเรายังทำงานไม่เสร็จ จึงไม่มีข้าวกิน”

ตอนนั้นเองพวกเขาจึงคิดถึงเรื่องในเมื่อก่อนขึ้นมา ตอนที่จี้จือฮวนทำงานที่จวนก็ไม่มีคนสนใจว่านางจะกินดีอยู่ดีหรือไม่ สวมใส่เสื้อผ้าอุ่นพอหรือไม่เช่นกัน

จี้เม่าซวินยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นจนอยากจะพุ่งเข้าไปฉีกเนื้อของจี้จือฮวนออกเป็นชิ้น ๆ

เสียงเพียะดังขึ้น ซาน ซื่อ อู่ ลิ่วไล่เคาะหน้าผากของพวกเขาทีละคน “ทำงานไม่ได้เรื่อง! เรื่องอู้กลับเก่งจริง ๆ! วันนี้ทำงานไม่เสร็จก็อย่าคิดว่าจะได้กินข้าว โตป่านนี้แล้วเสื้อผ้ายังซักไม่สะอาดอีก? อยากตายก็ปลดสายรัดเอวไปผูกคอบนต้นไม้สักต้นสิ! ไม่ต้องมาทำท่าทางน่าสงสารตรงนี้ ใคร ๆ ก็เคยผ่านแบบนี้มาทั้งนั้น”

เฮ้อ ยังคิดว่าคนของจวนจี้กั๋วกงจะสามารถทำงานได้ดีกว่านี้ ให้พวกเขามีลูกน้องดี ๆ เพิ่มขึ้นสักหน่อย สุดท้ายนี่มันอะไรกัน เจ้าพวกนี้ไม่พอให้พวกเขาตีด้วยซ้ำ ช่างน่าเบื่อจริง ๆ