บทที่ 63: การสอบเข้ามหาวิทยาลัยกําลังจะมา

พ่อค้าคนนี้ชั่วร้ายจริงๆ!

หวังเต็งสาปแช่งในใจ แต่เขาก็ยังซื้อกระสุนรุนจากร้านนี้

แต่เขาก็ไม่ได้ซื้อกระสุนโลหะผสมจากแบรนด์ต่างประเทศ เขาแค่ซื้อกระสุนจาก “จางอัลลอย” ซึ่งถูกสร้างขึ้นในประเทศ

ใช่แล้ว เราเลือกที่จะสนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น

จางอัลลอยนั้นอยู่ในอันดับที่ 7 ในร้านค้าของมาสเตอร์ลู่ มันไม่ได้กากเกินไปหรือดีเกินไป

หวังเต็งเลือกกระสุนรูนธาตุน้ําแข็งและไฟ พวกมันมีพลังมากกว่ากระสุนโลหะผสมทั่วๆไป

โดยรวมแล้วเขาใช้เงินไป 300,000 หยวนกับกระสุนสองประเภทนี้

เมื่อเขาจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เขาต้องทําต่อไปก็คือรอให้ไก่อ้วนหน้ากลมมาส่งของที่บ้านของเขา

หวังเต็งวางโทรศัพท์ลงและเริ่มทบทวน การสอบศิลปะการต่อสู้ห้าปี เอกสารจําลองสามปี”

เวลาผ่านไป หวังเต็งกลับบ้านไปทานอาหารเย็น

ครอบครัวนั่งกันพร้อมหน้าและพูดคุยกัน พวกเขาเริ่มพูดถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยไม่ รู้ตัว

“ กระทรวงศึกษาธิการมีการเปลี่ยนแปลงการสอบในปีนี้และอนุญาตให้ศิษย์นักสู้ขั้นกลางเข้าร่วมในการสอบศิลปะการต่อสู้ แต่น่าเสียดาย ลูกเริ่มฝึกช้าไปหน่อย” หวังเฉินกั่วพบว่ามันเป็นเรื่องตลกร้าย

หวังเต็งเพิ่งฝึกได้ไม่ถึงเดือน และหวังเฉินกั่วก็ไม่ได้คาดหวังว่าลูกชายของเขาจะสามารถกลายเป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลางได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงไม่ได้คาดหวังว่าลูกชายของเขาจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ในปีนี้

หวังเต็งเปิดปากของเขา แต่เขาก็ได้ยินพ่อของเขาพูดว่า “ อย่างไรก็ตาม ลูกก็ไม่ต้องกังวล ฟอสามารถช่วยขอให้โรงเรียนของลูกอยนุญาติให้ลูกสอบในปีถัดไปได้

* ใช่แล้วลูก พ่อกับแม่เตรียมใจไว้แล้ว ลูกสามารถสอบอีกครั้งในปีหน้าก็ได้ ไม่ต้องเครียดนะ” หลี่ซิ่วเหม่ยเห็นด้วยกับสามีของเธอและกล่าว

หวังเต็งเปิดปากพูดอีกครั้ง แต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจอย่างลับๆ

ลืมมันไปซะ ฉันจะทําให้พวกเขาประหลาดใจในภายหลัง

เขาไม่ได้บอกพ่อแม่ของเขาเกี่ยวกับความสามารถของเขา ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะอธิบาย ซึ่งมันก็จะง่ายกว่าที่จะแสดงให้พวกเขาได้เห็นไปเลย

หลังจากที่เขากินเสร็จ หวังเต็งก็ออกไปที่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน

เมื่อเขากลับมาถึงในตอนกลางคืน ไก่อ้วนหน้ากลมก็มาถึงตรงเวลา หวังเต็งได้รับกระสุนปูน โลหะผสม จากนั้นเขาก็เอามันใส่ไว้ในโลงศพบรรจุอาวุธพร้อมกับปืนรูนของเขา

ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทําต่อไปก็คือการฝึกทักษะปืนกังฟู

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา หวังเต็งได้สั่งให้คนไปตรวจสอบแก๊งค์ของเฉากังฟู

แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็ไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง

แก๊งค์นี้ถูกสร้างขึ้นมาจากคนทุกประเภท คนส่วนใหญ่ไม่มีศักยภาพและไม่ได้มีชีวิตที่มั่นคงพวกมันรังแกผู้อ่อนแอและเคารพผู้แข็งแกร่ง พวกมันจะเก็บค่าธรรมเนียมการคุ้มครองจาก บริษัทขนาดเล็ก และมันไม่ใช่สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึง

สําหรับเฉากังฟู มันก็มีอายุมากกว่าสามสิบปีแล้ว แต่มันก็ยังเป็นได้แค่ศิษย์นักสู้ชั้นสูง นี่แสดงให้เห็นว่ามันมีพรสวรรค์จํากัด

หวังเต็งเป็นนักสู้อยู่แล้ว ความเร็วในการเพิ่มระดับของเขาในอนาคตจะไม่ช้า

เขามีแต่แข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

และเมื่อเวลาผ่านไป เฉากังหูก็จะถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลังและไม่สามารถตามเขาได้ทัน

ดังนั้นในท้ายที่สุดแล้ว หวังเต็งจึงเลิกคิดที่จะยอมรับเฉากังฟูและแก๊งของเขา

เฉาก๊งหูตกตะลึงอยู่เป็นเวลานานเมื่อมันได้รับคําปฏิเสธของเขา

มันไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าหวังเต็งจะปฏิเสธมัน

นี่มันกําลังถูกดูหมิ่นอย่างงั้นหรอ?

มันดูถูกฉันมาก!

มันกําหมัดด้วยท่าทางที่น่าเกลียด

อย่างไรก็ตาม เฉาก๊งเป่าเอ่อที่อยู่ข้างๆก็กําลังแอบมีความสุข คนชั่วคนนั้นไม่ยอมรับพวกมันและตราบใดที่มันอยู่ห่างจากหวังเต็ง มันก็จะไม่มีอะไรต้องกลัว

ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นรองหัวหน้า ดังนั้นนอกเหนือจากพี่ชายของมันแล้ว ผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆก็ล้วนต้องฟังมัน

“ พี่ชาย ไอ้นั่นมันตาบอกมองไม่เห็นความสามารถของเรา อย่างงั้นแล้วทําไมเราถึงต้องไปทํางานให้มันด้วย?” เฉาก๊งเป่าเอ๋อใช้โอกาสนี้ในการจุดไฟ

“ อย่าทําตัวหัวหมอไปหน่อยเลย” เฉากังฟูจ้องมองมัน

จากนั้นมันก็มองไปที่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้างหลังและถามว่า “ เราเหลือเงินเท่าไหร่?”

“ น้อยกว่า 8 ล้าน” ลูกน้องตอบ

* ออกไปหาเงินมาแล้วทําให้มันกลายเป็น 10 ล้านให้ได้ แล้วฉันจะให้เขาเป็นการส่วนตัว”เฉากังกล่าว

“ อะไรนะ? สิบล้าน! พี่ชาย พี่บ้าไปแล้วหรอ? เขาก็ไม่ได้ยุ่งอะไรกับพวกเราแล้ว แล้วทําไมพี่ยังต้องให้เขาตั้งสิบล้านล่ะ!” เฉาก๊งเป่าเอ๋อกระโดดขึ้นและมองไปที่เฉากังฟูอย่างไม่อยากจะเชื่อ มันต้องการที่จะรู้ว่าพี่ชายของมันนั้นได้กลายเป็นบ้าไปจากความกลัวหรือเปล่า

“ แกจะไม่ทําแบบนั้นก็ได้ ยังไงซะคนที่สร้างปัญหาทั้งหมดมันก็ไม่ใช่ฉัน ดังนั้นถ้าแกเจอเขา อกนาคต แกก็คิดเอาเองละกันว่าจะทํายังไง” เฉากังฟูเยาะเย้ยน้องชายของมัน

“ เอิ่ม..”

ในช่วงเวลาที่มันนึกถึงหวังเต็ง เฉาก๊งเป่าเอ๋อก็สูญเสียความกล้าหาญของมันไป มันลังเลและพูดว่า “ ทําไมเราไม่ให้เขาสัก 6 ล้านล่ะ? มันมากกว่าครั้งก่อนตั้งล้านเลยนะ ดังนั้นเขาก็ควรจะพอใจ”

“ จะทําอะไรก็ทํา ฉันไม่สนใจแกแล้ว”

เฉาก๊งหูถอนหายใจ มันเต็มไปด้วยความผิดหวัง มันส่ายหัวและออกจากห้องไปโดยไม่สนใจน้องชายของมัน

มันออกไปซ้อม มันฝึกฝนหนักกว่าเดิมราวกับว่าชีวิตของมันนั้นขึ้นอยู่กับมัน

* วันหนึ่งฉันจะทําให้แกต้องเสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้”

เฉากังฟูสัญญากับตัวเองว่าวันหนึ่งมันจะต้องให้หวังเต็งชดใช้เรื่องนี้ให้ได้

“ นายน้อยหวัง นี่คือเงินสิบล้าน ฉันได้ของความช่วยเหลือจากผู้คนมากมายเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินก้อนนี้ ดังนั้นได้โปรดรับมันไปและยกโทษให้กับพวกเราด้วย”

ณ ทางเข้าโรงเรียนมัธยม เฉาก๊งเป่าเอ๋อถือบัตรธนาคารในมือและส่งมันให้หวังเต็งด้วยความ เคารพในขณะที่มันก้มหลังและศีรษะลง

ความดื้อรั้นและความลังเลใจที่เขาไม่เคยเห็นตอนนี้

ฮือ รู้สึกดี!

“ น่าทิ้ง” หวังเต็งไม่คาดคิดมาก่อนวเฉาก๊งเป่าเอ๋อจะรู้จักวิธีการวางตนเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังมีความคิดว่านี่อาจจะเป็นแผนของเฉากังหูก็ได้

ในตอนแรกหวังเต็งไม่ได้วางแผนที่จะรับเงินจํานวนนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะรับเงินของพวกมันมา

อย่างไรก็ตาม ในเมื่ออีกฝ่ายมาส่งด้วยตัวเองถึงขนาดนี้แล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะปฏิเสธพวกมัน

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายของเขาช่วงนี้ก็สูงมาก ดังนั้นเขาจึงมีเงินเก็บเหลือไม่มากนัก ซึ่งมันก็ประจวบเหมาะกับที่พวกมันเอาเงินมาให้เขาพอดี

“ เรื่องนี้จะจบลงที่นี่ อย่าให้ฉันเห็นแกสร้างปัญหาอีกล่ะ” หวังเต็งพูดอย่างเฉยเมยขณะที่เขาหยิบบัตรธนาคารและวางไว้ในกระเป๋าของเขา

“ ฉันจะไม่ทํามันอีกแล้ว” เฉาก๊งเป่าเอ๋อกล่าวขณะฝืนยิ้ม

หลังจากที่หวังเต็งจากไป มันก็เช็ดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผากและถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ พวกนักสู้นี่ช่างน่ากลัวจริงๆ ไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องของจิตใจหรือะไร ฉันถึงได้หายใจไม่ค่อยออกเวลามีมันอยู่ใกล้ๆ เอาเถอะชั่งมันไป ยังไงซะความสงบสุขของฉันก็ได้กลับคืนมาแล้ว” เฉาก๊ง เป่าเอื้อปลอบใจตัวเอง

หลังจากแก้ปัญหาเรื่องพี่น้องเฉาเสร็จแล้ว ชีวิตของหวังเต็งก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง

เขาเกือบจะรวบรวมค่าคุณสมบัติของ การทดสอบศิลปะการต่อสู้ห้าปี, เอกสารจําลองสามปี” ได้หมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการที่จะไปเสียเวลาที่ไปโรงเรียน

เขามีหลายอย่างให้ทํามากในแต่ละวัน นอกจากการฝึกฝนแล้ว เขาก็ยังต้องไปที่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้เพื่อเก็บค่าคุณสมบัติ และในตอนกลางดึก เขาก็จะไปโรงพยาบาลจิตเวชเพื่อไปเก็บค่าคุณสมบัติพลังวิญญาณ

เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการหาสถานที่ที่สามารถให้ค่าคุณสมบัติพลังวิญญาณแก่เขาได้ เขาไม่อยากพลาดมัน

นอกจากนี้ เขาก็ยังใช้เวลาบางส่วนไปกับบ้านของหลินซัวหานเพื่อเยี่ยมหลินซัวเซีย และเมื่อเขาเก็บค่าคุณสมบัติจากเธอได้ตามเป้าแล้ว เขาก็จะจากไป

ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถบรรเทาความทุกข์ทรมานของหลินซัวเซียได้เท่านั้น แต่เขายังสามารถพัฒนาร่างปีศาจดอกบัวพิษและพลังฟอร์สธาตุพิษอีกด้วย ซึ่งมันก็เป็นสถานการณ์ที่ได้ประ โยชน์กันทั้งสองฝ่าย

น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถไปเยี่ยมบ้านของหลินซัวหานได้บ่อยเกินไปเพราะเขากลัวว่าแม่หลินจะเข้าใจเจตนาของเขาผิด

ช่างน่าเสียดาย!

ด้วยหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทํา ชีวิตของหวังเต็งจึงมีเรื่องให้ทําตลอดอย่างไม่น่าเชื่อ

หน้าต่างค่าคุณสมบัติ:

ความรู้แจ้ง: 97

ค่าพลังวิญญาณ: 91

พรสวรรค์ : พรสวรรค์ไฟขั้นเริ่มต้น (11/300) พรสวรรค์น้ําแข็งขั้นเริ่มต้น (13/300), พรสวรรค์ดินขั้นเริ่มต้น (12/300), สายตาแห่งจิตวิญญาณ (ขั้นเริ่มต้น 1.4/10), ร่างปีศาจดอกบัว พิษ (31/10000)

พลังฟอร์ส: ไฟ 64/100 (นักสู้ระดับทหารหนึ่งดาว)

น้ําแข็ง 8/100 (นักสู้ระดับทหารหนึ่งดาว)

ดิน 7/100 (นักสู้ระดับทหารหนึ่งดาว)

พิษ 46/100 (นักสู้ระดับทหารหนึ่งดาว)

คัมภีร์: คัมภีร์เพลิงแดง (รากฐาน 32/100), คัมภีร์เหมันเร้นลับ (รากฐาน 23/100), ทัก ษะปฐพีเหลือง โล่ปฐพี” (รากฐาน 26/100)

เทคนิคการต่อสู้: เทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐาน (หมัด,ดาบ,มีด,ฟุตเวิร์ค,กระบองขั้นผู้รู้แจ้ง) ปืนกังฟู (พื้นฐาน 1.8/10) ทักษะดาบเพลิงคิริน (พื้นฐาน 56/100), หมัดปีศาจเหมันต์ (พื้นฐาน 28/100)

ความรู้ วิชาพื้นฐาน (คะแนนเต็ม), “การสอบศิลปะการต่อสู้ห้าปี, เอกสารจําลองสามปี” (คะ แนนเต็ม)

พลังการต่อสู้โดยรวม: 231

ค่าคุณสมบัติเปล่า: 0

หวังเต็งศึกษาหน้าต่างค่าคุณสมบัติของเขา ค่าคุณสมบัติหลายอย่างของเขาเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะค่าคุณสมบัติพลังวิญญาณ มันได้พุ่งขึ้นไปถึง 91 คะแนน และมันก็ทําให้เรารู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นที่หัวสมองของเขา

“ เป็นไปได้ไหมว่าเมื่อค่าคุณสมบัติพลังวิญญาณมาถึงจุดหนึ่ง มันก็จะมีการเปลี่ยนแปลงในร่า งกายเกิดขึ้น?” หวังเต็งเดาในใจของเขา

ทันใดนั้นเขาก็มีลางสังหรณ์ อย่างไรก็ตาม เขาก็ทําได้เพียงรอให้การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้น

เขายังคงมองลงไป ภายใต้การทํางานหนักของหวังเต็ง พลังฟอร์สทั้งหมดของเขาและ ความเชี่ยวชาญในคัมภีร์และเทคนิคการต่อสู้ของเขาก็ได้เพิ่มขึ้น

ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้น

สิ่งหนึ่งที่ควรทราบก็คือ ทักษะกระบองขั้นพื้นฐานของเขานั้นได้มาถึงขั้นผู้รู้แจ้งแล้ว

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงไม่ต้องเสียเวลารวบรวมค่าคุณสมบัตินี้อีกแล้ว

หวังเต็งไปที่ชมรมนักแม่นปืนนกฮูกและลองเก็บค่าคุณสมบัติทักษะปืนเพื่อดูว่ามันจะสามารถ นํามาใช้เพื่อเพิ่มคะแนนให้กับปืนกังฟูของเขาได้หรือไม่

และในที่สุด

ปืนกังฟู (พื้นฐาน 1.8/10)

ไม่ยากเลยที่จะบอกได้ว่าค่าคุณสมบัติทักษะปืนนั้นมีผลกระทบต่อปืนกังฟูมากน้อยเพียงใดเพราะท้ายที่สุดแล้วทักษะปืนนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของปืนกังฟู

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่มีนั้นก็น้อยมาก หวังเต็งได้รับคะแนนทักษะปืนมาถึงสองหลัก กระนั้นมันก็สามารถเพิ่มคะแนนปืนกังฟูได้เพียงแค่ 0.8 เท่านั้น

ถ้าเขาต้องการเพิ่มคะแนนปืนกังฟูให้เต็ม มันก็จะเป็นการเดินทางที่ยาวนานและน่าเบื่อ!

วันศุกร์หลังเลิกเรียน

ฟานเว่ยหมิง ครูใหญ่ของพวกเขาได้แจกบัตรประจําตัวผู้สอบ ขั้นแรก เขาแจกบัตรประจําตัวผู้เข้าสอบมหาวิทยาลัยแบบปกติ จากนั้นเขาก็แจกบัตรประจําตัวผู้เข้าสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้

นักเรียนคนอื่นๆดูเพื่อนร่วมชั้นที่เข้าร่วมการทดสอบศิลปะการต่อสู้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อรับบัตรประจําตัวของพวกเขา พวกเขามีการแสดงออกถึงความอิจฉาบนใบหน้าของพวกเขา

“ หัวหน้าห้องก็สอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ด้วยอย่างงั้นหรอ!”

เมื่อถึงตาของหลินชั่วหาน ทุกคนในห้องกณ์รู้สึกตกใจ

หลินซัวหานเป็นนักเรียนชั้นยอดที่มีชื่อเสียง ผลการเรียนของเธอนั้นทิ้งห่างจากนักเรียนคนอื่นๆทั้งหมดด้วยช่องว่างขนาดใหญ่

แต่ตอนนี้เธอกลับกําลังจะสอบเข้าหลักสูตรศิลปะการต่อสู้

ทุกคนพบว่าสิ่งนี้มันยากที่จะเชื่อและยอมรับ

คนสุดท้ายที่ได้รับบัตรประจําตัวคือหวังเต็งที่มาสาย

“ หวังเต็งก็เข้าร่วมการสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ด้วยหรอ?” นักเรียนที่กําลังเก็บกระเป๋าเตรียมกลับบ้านตกใจ

“ เขาเคยเรียนศิลปะการต่อสู้มาก่อนหรือเปล่า?

“ ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เขาซ่อนความสามารถของเขาไว้หรอ?”

“ อาจจะ เขามาจากตระกูลที่ร่ํารวย ดังนั้นเขาก็น่าจะมีโอกาสได้ฝึกศิลปะกามากกว่าพวกเรา” ใครบางคนกล่าวด้วยความอิจฉา

“ ฮ่าฮ่า ดูสินี้มันน่าอิจฉาแค่ไหนกัน” ใครบางคนพูดอย่างดูถูก

หลังจากที่ฟ่านเว่ยหมิงแจกบัตรประจําตัวผู้เข้าสอบเสร็จแล้ว เขาก็บอกกับทุกคนว่า “ พรุ่งนี้พักผ่อนให้เพียงพอล่ะ อย่านอนเร็วหรือสายเกินไป เตรียมทุกอย่างให้พร้อมและปรับความคิดให้ ดี ไปถึงสถานที่สอบของคุณก่อนวันที่ 5 กรกฎาคม การสอบจะเริ่มในเวลา 8.00 น. !”

“ อย่าลืมนําสิ่งของทั้งหมดมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งบัตรประจําตัวผู้เข้าสอบ ทุกปีจะมีคนลืมนํามาเสมอและอย่าบอกว่าฉันไม่ได้เตือนพวกเธอ หากสิ่งนี้เกิดขึ้นกับพวกเธอ”

เขาคอยเตือนนักเรียนของเขาอย่างจริงจัง

นักเรียนหัวเราะและบอกว่าเขากังวลมากเกินไป

ฟานเว่ยหมิงเป็นครูใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ ดังนั้นนักเรียนจึงปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ

“ ตั้งใจทําข้อสอบและใช้ความรู้ในสามปีนี้ให้คุ้ม!”

ฟ่านเว่ยหมิงพูดอย่างอารมณ์ดีขณะที่เขามองดูใบหน้าที่สดใสและอ่อนเยาว์ข้างหน้า