บทที่ 173 ความบาดหมางของหยางอวิ๋นกันกลุ่มเทียน (ปลาย)
บทที่ 173 ความบาดหมางของหยางอวิ๋นกันกลุ่มเทียน (ปลาย)
สายตาคมปลาบของหยางอวิ๋นจับจ้องไปที่ผู้พูดขึ้นมาคนแรก “จริงหรือ?”
ผู้ชายคนนั้นพยักหน้าทันที ประสานมือให้กับผู้ก่อตั้งกลุ่มพลางตอบว่า “พี่หยาง ความเมตตาของท่านในตอนนั้น ข้าจำได้ไม่มีวันลืม ครั้งนี้ข้าถูกผู้อื่นหลอกล่อจนมีความเห็นต่างเกี่ยวกับผู้นำ โปรดอภัยให้และรับข้าเป็นผู้ติดตามอีกครั้งด้วย!”
หยางอวิ๋นมองอีกฝ่ายอยู่หลายอึดใจ ก่อนกล่าวว่า “ดี ขอโทษด้วยสำหรับตอนแรก ข้าไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่าเจ้า!”
คู่สนทนาเงยหน้าขึ้น พร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า “ขอบคุณพี่หยาง!”
หลังจากกล่าวจบ ผู้ชายคนนั้นก็หยิบอาวุธเดินไปยืนข้างผู้ก่อตั้งกลุ่ม พลางมองคนที่เหลือ
หยางอวิ๋นถามว่า “พวกเจ้ายังต้องคิดอีกหรือไม่ว่าตอนนี้จะติดตามใคร?!”
หลายคนมองหน้ากัน ในใจของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความสับสน พวกเขาหันไปพึ่งพิงเซียวเทียนอย่างเลี่ยงไม่ได้ หนึ่งคือถูกคนอื่นยั่วยุ สองคือถูกสถานการณ์บังคับ
ตอนนี้หยางอวิ๋นถูกปล่อยตัวแล้ว เขาไม่ได้ถูกขับไล่ออกจากสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เหมือนดังข่าวลือ ดังนั้นพวกเขายังสามารถติดตามอีกฝ่ายได้!
เทียบกับเซียวเทียนที่เป็นผู้นำกลุ่มคนใหม่และมีนิสัยใจคอที่พวกเขายังไม่คุ้นเคยดีแล้ว พวกเขาย่อมเต็มใจที่จะติดตามหยางอวิ๋นมากกว่า
หลายคนเกิดอาการลังเล แต่หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ หลายคนต่างก็ลุกขึ้นอีกครั้ง
กันเม่าวิตก คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้มีอำนาจในกลุ่ม หากตอนนี้ย้ายกลับไปอยู่กับหยางอวิ๋น รากฐานของกลุ่มเทียนก็จะไม่มั่นคง!
ผู้ใช้โล่กระบี่กำลังจะพูด แต่เสียงทรงพลังพลันดังขึ้นในหูของเขา “ปล่อยพวกเขาไป”
สิ้นเสียงดังกล่าว กันเม่าจึงสงบสติลง แม้จะยังคงวิตกอยู่
เขารู้ว่าเสียงดังกล่าวเป็นของลู่หยวน
ตอนนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เป็นคนพูดเอง แสดงว่าอีกฝ่ายต้องมีแผนการ ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องกังวล
ความจริงสำหรับกันเม่าแล้ว เขายังอยากติดตามลู่หยวนต่อไป ถึงอย่างไรหากเทียบภูมิหลังกับการบ่มเพาะแล้ว ลู่หยวนเหนือกว่าเซียวเทียนอย่างสิ้นเชิง
แต่ถึงอย่างไร บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะยอมรับใครเป็นน้องชายได้โดยง่าย เซียวเทียนเป็นคนอนาคตไกลแน่นอน
กันเม่ามีวาสนามากพอที่จะได้พบไป๋ชิวเอ๋อร์กับฉินอี่หาน ดูจากท่าทีของสองสาวที่มีต่อคุณชายลู่แล้ว พวกนางน่าจะเป็นดอกไม้รับใช้ที่อยู่ข้างบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่
แต่สตรีเหล่านี้กลับกลายเป็นศิษย์ของเจ้าสำนัก ศิษย์ของบรรพชนกระบี่อย่างเขาจึงนับว่าไม่โดดเด่น แม้กระทั่งการเข้าใกล้ลู่หยวนยังเป็นเรื่องยากลำบาก การเป็นสุนัขรับใช้ก็ยิ่งแล้วใหญ่
กันเม่ามองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างตนด้วยท่าทางสงบยิ่ง มีจำนวนครึ่งหนึ่งที่เดินไปอยู่ข้างอดีตหัวหน้ากลุ่ม
เมื่อหยางอวิ๋นเห็นคนจำนวนมากหันมาอยู่ข้างตนเองอีกครั้ง อารมณ์ของเขาก็สงบลง
ขอเพียงเป็นแบบนี้ต่อไป ทั่วทั้งกลุ่มอวิ๋นจะเป็นของเขามากกว่าครึ่ง ถึงตอนนั้นอำนาจของกลุ่มอวิ๋นจะกลับมาผงาดอีกครั้ง
หยางอวิ๋นหรี่ตา พยายามจดจำชื่อคนต่อต้านกับคนที่กลับใจเอาไว้ เขาจะไม่มีวันให้ใจคนเหล่านี้อีกแล้ว!
หลังจบเรื่องครั้งนี้ เขาจะเคี่ยวเข็ญรองผู้นำกลุ่มให้ดี จะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด!
หยางอวิ๋นกลับมามีสติ มองกันเม่าที่ยังมั่นคงและสงบยิ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “กันเม่า ดูเหมือนเจ้าจะมีความสุขมากที่ได้เป็นสุนัขรับใช้เซียวเทียนสินะ”
พอถูกต่อว่า อีกฝ่ายกลับไม่เสียจริต เขาเพียงยิ้มออกมา “เซียวเทียนดีต่อพวกข้ามาก แถมยังปฏิบัติอย่างจริงใจ แน่นอนว่าข้าต้องติดตามเขา!”
“งั้นหรือ?”
หยางอวิ๋นถืออาวุธยาวเอาไว้ เจตจำนงหอกไร้ก้นบึ้งปกคลุมพื้นที่หอคอยทั้งหมดช้า ๆ น้ำเสียงของเขาสงบทันที “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าผู้นำกลุ่มใหม่ของเจ้าจะสามารถปกป้องสิ่งที่เรียกว่ากลุ่มได้หรือไม่!”
“เซียวเทียน! ออกมาสู้กับข้า!”
เซียวเทียนผู้กำลังนั่งดื่มชาอย่างเกียจคร้านเลียนแบบพี่ใหญ่อยู่ในห้องโถงหลักได้ยินเข้า จิตสังหารพลันปรากฏขึ้นในดวงตา
บุตรแห่งโชคชะตาสายเลือดมังกรวางถ้วยชาลง กล่าวกับลู่หยวนที่อยู่ด้านข้างว่า “พี่ลู่ ข้าจะรีบไปรีบมา เจ้านั่งพักก่อน รอข้ากลับมา แล้วค่อยมาคุยเรื่องการแข่งขันภายในอีกรอบ”
ทว่าพี่ใหญ่วางถ้วยชาลงเช่นกัน ก่อนลุกขึ้นตามเซียวเทียนไป “ให้นั่งอยู่ที่นี่คงน่าเบื่อแย่ ไปดูกันดีกว่าว่าสุนัขตัวไหนมันเห่าไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”
หยางอวิ๋นรออยู่หลายอึดใจแต่ไม่มีใครออกมา จึงเตรียมตะโกนอีกครั้ง จนได้ยินเสียงใครบางคนดังมาจากห้องพัก “โฮ่ นึกว่าใคร? เป็นเจ้านี่เอง”
“หยางอวิ๋น เจ้ารนหาที่ตายอีกแล้วหรือ?”
เมื่อหยางอวิ๋นได้ยินเสียงนั้นก็ยิ่งเดือดดาลมากขึ้น ก่อนสายตาเย็นชาจะจับจ้องบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้ออกมาจากห้อง
ตอนนี้ลู่หยวนสวมชุดสีชาดคลุมดำ พลางเผยรอยยิ้มยียวนออกมา
ด้านข้างของเขาคือเซียวเทียนผู้แบกกระบี่ยักษ์
เมื่อกันเม่าเห็นผู้เดินออกมา เขาก็ยกมือทำความเคารพทันที ทักทายผู้นำก่อนโค้งตัวต่ำลง พลางเผยรอยยิ้มประจบสอพลอ “คารวะบุตรศักดิ์สิทธิ์”
อีกฝ่ายเมินผู้ใช้โล่กระบี่ สายตายังคงมองหยางอวิ๋นตรงหน้า
“ลู่หยวน!”
บุตรแห่งโชคชะตาหยางตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดด้วยเสียงเคร่งขรึม “เรื่องที่เกิดกับกลุ่มอวิ๋นเป็นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่?!”
“กลุ่มอวิ๋นหรือ?” ลู่หยวนเย้ยหยัน “กลุ่มอวิ๋นนี่มาจากไหนกัน? ตอนนี้ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ มีเพียงกลุ่มเทียนอย่างเดียวเท่านั้น!”
“เฮอะ ลู่หยวน เจ้าคิดจะใช้เล่ห์เหลี่ยมพรรค์นั้นมาแยกพี่น้องจากกลุ่มอวิ๋นออกจากข้าสินะ!”
หยางอวิ๋นกวัดแกว่งหอกสีดำ ด้านหลังคือผู้คนจำนวนมากที่ถืออาวุธไว้ในมือ แต่ละคนมีสายตาหนักแน่น ขณะจับจ้องพวกบุตรศักดิ์สิทธิ์
“ลู่หยวน เจ้าเห็นหรือยัง? ต่อให้เจ้าใช้วิธีสกปรก เพื่อทำให้พี่น้องของข้ายอมสวามิภักดิ์กับเจ้าชั่วคราว แต่หัวใจของพวกเขาล้วนยังติดตามข้าอยู่”
คนที่ติดตามหยางอวิ๋นพยักหน้าเช่นกัน
ขณะหลายคนกำลังโต้เถียง มีสมาชิกกลุ่มเทียนหลายคนได้ฟังก็ต่างพากันมาล้อมลู่หยวนกับพวกหยางอวิ๋นไว้
คนเหล่านี้จำนวนมากเดิมเป็นสมาชิกของกลุ่มอวิ๋น แต่ตอนนี้เมื่อเห็นผู้ก่อตั้งอยู่ที่นี่ พวกเขาล้วนก้มศีรษะด้วยความสำนึกผิด
เมื่อหยางอวิ๋นเห็นพวกเขา ถึงแม้จะรู้สึกเกลียดชังที่คนเหล่านี้ทรยศ แต่ก็รู้ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีแล้ว
เขาอยากเห็นนักว่าคนเหล่านี้จะเลือกใครระหว่างเขากับลู่หยวน!
หยางอวิ๋นกวาดสายตามองทุกคน สะกดความรังเกียจเอาไว้ข้างใน แสร้งทำตัวมีความชอบธรรม “พวกเจ้าหลายคนเข้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์กับข้า พวกเจ้าบางคนเคยถูกคุกคามชีวิตร่วมกับข้า กลุ่มอวิ๋นนี้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยข้ากับเหล่าพี่น้อง”
“วันนี้ข้าหยางอวิ๋นขอพูดในที่นี้ว่า หากใครออกจากกลุ่มอวิ๋นของข้าไปเข้าร่วมกับกลุ่มอื่น ข้าหยางอวิ๋นจะไม่กล่าวโทษ”
“แต่ว่า ถ้าพวกเจ้าถูกคนทรยศบังคับให้ไปที่อื่น พวกเจ้าสามารถพูดออกมาตอนนี้ เพื่อกลับมาสู่กลุ่มอวิ๋นของข้าได้!”
ทันทีที่กล่าวเช่นนี้ออกมา หลายคนก็พากันขยับตัว
การเปลี่ยนกลุ่มเดิมทีเป็นแผนของพวกกันเม่า ส่วนศิษย์ที่อยู่ระดับต่ำกว่าไม่อาจเข้าใจสถานการณ์ได้ พวกเขาเพียงแค่ฟังสิ่งที่กันเม่าบอกเท่านั้น
เดิมพวกเขาคิดว่าหยางอวิ๋นจะถูกขับไล่ออกจากสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ จนไม่สามารถติดตามได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงยอมให้กลุ่มอวิ๋นถูกเปลี่ยนมือ
แต่ตอนนี้ หยางอวิ๋นยืนอยู่ต่อหน้าทุกคน ข่าวลือที่ถูกขับไล่ออกจากสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์จึงไม่เป็นความจริง
ดังนั้น ทางเลือกที่จะอยู่หรือไป จึงประจักษ์ตรงหน้าพวกเขา
คนเหล่านี้มองหน้ากันด้วยความตกตะลึง ต่อให้แต่ละคนอยากขยับก็ไม่กล้า
ผ่านไปหลายอึดใจ ในที่สุดใครบางคนก็ก้าวออกไป พร้อมกล่าวกับหยางอวิ๋นเสียงดังว่า “พี่หยาง! ก่อนหน้านี้ข้าสับสน ข้าไม่ควรทรยศผู้นำกลุ่มเลย ข้าหวังว่าผู้นำกลุ่มจะให้อภัย!”
ความพึงพอใจปรากฏขึ้นในดวงตาของหยางอวิ๋น เขาชำเลืองมองบุตรศักดิ์สิทธิ์ พลางสยายรอยยิ้มยั่วยุ “พี่น้องไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น แค่กลับมาอยู่ฝั่งข้าก็พอ!”