บทที่ 168 อาจเป็นได้ 3 (2)

คาร์ลเองก็ไม่มีทางปล่อยให้ชิกเลอร์และสมาชิกเผ่าวาฬอยู่เฉยๆอย่างแน่นอน คนที่อ่อนแอกว่ามักมีโอกาสรอดสูงหากให้คนที่แข็งแกร่งกว่าตนเข้าคุ้มครองและเป็นทัพหน้าในการทำศึก

นอกจากนี้คาร์ลยังสามารถสร้างรายได้จากกลุ่มคนที่น่าสนใจเหล่านี้ได้อีกด้วย

“แล้วเรายละเอียดเรื่องเส้นทางเดินทะเลล่ะพะย่ะค่ะ?”

คาร์ลมาที่นี่ก็เพราะเรื่องเส้นทางเดินทะเล

“เราเตรียมการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วล่ะ..ข้าได้มอบหมายให้กลุ่มวาฬพาเจ้าไปยังทวีปตะวันออกเพื่อดูเส้นทางเหล่านั้น…พาสตันจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้”

พาสตันที่เงียบมานานยกมือขึ้นเพื่อแสดงตัว

“แต่ทางเจ้าจะต้องเตรียมเรือไปเอง”

คาร์ลพยักหน้ารับก่อนจะส่งเอกสารให้ชิกเลอร์

“นี่เป็นเอกสารของทางอาณาเขตเราพะย่ะค่ะ”

คาร์ลมาที่นี่ในฐานะตัวแทนจากอาณาเขตเฮนิตัส คาร์ลคือคนที่เหมาะสมที่สุดในการดำเนินการเรื่องนี้เพราะมันจำเป็นต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับอีกทั้งคาร์ลยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเผ่าวาฬอีกด้วย

ชิกเลอร์ตรวจสอบรายละเอียดในเอกสารอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะประทับลายเซ็นลงบนเอกสาร

เส้นทางเดินทะเลจะเริ่มต้นจากอาณาเขตอัลบาผ่านเส้นทางที่เผ่าวาฬเป็นผู้รับผิดชอบขึ้นไปยังทางทิศเหนือและทะลุออกไปยังทวีปตะวันออก

คาร์ลสนทนาในรายละเอียดเรื่องอื่นๆกับชิกเลอร์อีกครู่ใหญ่ก่อนการประชุมในครั้งนี้จะสิ้นสุดลง หลังจากนั้นชิกเลอร์จึงเอ่ยถามคาร์ลขึ้นมา

“แล้วเจ้าจะมุ่งหน้าไปที่ใดต่อ?”

มีเหตุผลที่ชิกเลอร์สามารถคุยธุระกับคาร์ลได้ทันทีที่เขาเดินทางมาถึงหมู่บ้านวาฬ นั่นก็เพราะคาร์ลขอร้องเอาไว้ คาร์ลไม่มีทางเลือกอื่นเนื่องจากตารางงานที่อัดแน่นของเขาซึ่งชิกเลอร์ก็เห็นด้วยเมื่อทราบว่าคาร์ลมีงานต้องไปทำในดินแดนทางเหนือ

คาร์ลจึงแจ้งให้ชิกเลอร์ทราบว่าเขากำลังจะไปที่ใดในเช้าวันรุ่งขึ้น

“หม่อมฉันวางแผนจะไป‘ทะเลสาบแห่งความสิ้นหวัง’พะย่ะค่ะ”

“อะไรนะ?”

ดวงตาของชิกเลอร์เบิกกว้าง เพนกวินผู้เป็นเลขาส่วนตัวซึ่งยืนอยู่ข้างๆก็ตกใจเช่นกัน

‘ทะเลสาบแห่งความสิ้นหวัง’ เป็นทะเลสาบที่ปกคลุมไปด้วยพายุหิมะซึ่งประชาชนชาวอาณาจักรพารันต่างหลีกเลี่ยงที่จะไปเผชิญหน้ากับมัน

นั่นก็เพราะพายุหิมะเป็นพิษ

ชิกเลอร์เอ่ยถามออกมาโดยไม่รู้ตัว

“เจ้าวางแผนจะไปจุดไฟเผาทะเลสาบงั้นรึ?”

วิเทียร์ก็รีบเอ่ยแทรกเข้ามาอย่างรวดเร็ว พาสตันก็ร่วมผสมโรงด้วยเช่นกัน

“นายน้อยคาร์ล! ท่านไม่รู้หรือว่าต้นไม้โลกอยู่ที่นั่น!”

“ท่านต้องการให้ต้นไม้โลกถูกไฟเผางั้นรึ? มันจะต้องเป็นปัญหาแน่ๆ! แม้ว่าท่านจะกล้าหาญเพียงใดแต่นี่มัน..หายนะชัดๆ!”

‘พวกเขากำลังพูดเรื่องอะไรกัน?’

คาร์ลจ้องไปที่พี่น้องวาฬและเอ่ยขึ้น

“เปล่า..ข้าเพียงจะจุดไฟเผาทะเลสาบในเมืองหลวงเท่านั้น”

“อะไรนะ?”

ชิกเลอร์ผุดลุกจากโซฟาด้วยความตกใจอีกครั้ง

ทะเลสาบในเมืองหลวงของอาณาจักรพารัน แม้ว่ามันจะถูกเรียกว่าทะเลสาบแต่มันกลับไม่มีน้ำสักหยดเดียว มีตำนานที่ถูกกล่าวขานมานานว่าทะเลสาบแห่งนี้สร้างขึ้นจากน้ำตาพระเจ้าและพระเจ้าได้ละทิ้งอาณาจักรพารันไปทันทีที่น้ำตาของเขาแห้งเหือด ชาวเมืองกำลังรอการกลับมาของน้ำตาพระเจ้าในทะเลสาบแห่งนี้อีกครั้ง

คาร์ลอธิบายให้ครอบครัววาฬหลังค่อมฟังเมื่อพวกเขาจ้องมาที่เขาด้วยใบหน้าว่างเปล่า

“พวกเขาคงพากันตกใจไม่น้อย..ถ้าเราแสดงเพลิงพระเจ้าให้พวกเขาได้เห็นแทนที่จะได้เห็นน้ำตาพระเจ้าแบบที่พากันหวังเอาไว้”

“มนุษย์!..เจ้าพูดถูก!..พวกเขาต้องตกใจกันแน่ๆ!”

ราอนสูดน้ำมูกและเอ่ยเห็นด้วยกับคาร์ล

ชิกเลอร์ยังคงเอ่ยถามคาร์ลอย่างคนสติไม่อยู่กับตัวอีกครั้ง

“…ถ้าเช่นนั้นเจ้าจะไปทะเลสาบแห่งความสิ้นหวังทำไม?”

“ไปทำธุระให้ใครบางคนพะย่ะค่ะ”

ต้นไม้โลกและธาตุอยู่ใกล้ๆกับทะเลสาบนั่น เช่นเดียวกับหมู่บ้านเอลฟ์ที่อยู่ที่นั่นเช่นเดียวกัน

“..ใคร?”

ชิกเลอร์กำลังถามคาร์ลว่าใครกัน?ที่ส่งเขาไปทำธุระให้ ในขณะที่คาร์ลก็ตอบกลับโดยไม่มีปัญหาใด

“มันเป็นธุระของท่านอูฮาเบ็น..เอ่อ..หม่อมฉันหมายถึงท่านมังกรทองพะย่ะค่ะ”

ราชาแห่งเผ่าวาฬเบนสายตาไปมองราอนก่อนจะค่อยๆทรุดตัวลงนั่งอีกครั้ง

“…เฮ้อ..เอาล่ะ!..ข้าคิดว่าเจ้าจะสามารถจุดไฟเผาทะเลสาบนั่นได้จริงๆแล้วกัน”

ชิกเลอร์ถอนหายใจยาวและเอ่ยยอมรับอย่างเสียไม่ได้ คาร์ลใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำมูกของราอนเมื่อเอ่ยถามเผ่าวาฬขึ้นมา

“พวกเอลฟ์ที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งความสิ้นหวัง..นิสัยเป็นอย่างไรหรือพะย่ะค่ะ?”

ชิกเลอร์เองก็ตอบกลับแทบจะทันที

“พวกเขาค่อนข้างหยิ่งและหยาบคายไม่น้อย”

คาร์ลก็ตอบกลับอย่างไม่ลังเล

“ดี”

‘หืม?..ดีงั้นหรือ?’

ชิกเลอร์หันไปมองเพนกวินทียืนอยู่ข้างๆด้วยความสับสน ในขณะที่กลุ่มของคาร์ลรวมไปถึงอาร์ชีและสองพี่สองวาฬกลับดูปกติ

คาร์ลลูบศีรษะกลมๆของราอนเล่นเมื่อเริ่มคิดบางอย่างในใจ

‘ใครจะสนใจกันล่ะ?..ในเมื่อฉันมีมังกรอยู่ข้างๆถึงสองตน’

ไม่ว่าเอลฟ์พวกนั้นจะหยิ่งหรือนิสัยหยายคายเพียงใดก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับคาร์ลแม้แต่น้อย

.

.

.

นั่นคือสาเหตุที่ทำให้คาร์ลรู้สึกผ่อนคลายเมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงชายฝั่งทางทิศเหนือของอาณาจักรพารันหลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมา

ตอนนี้พวกเขาอยู่บริเวณชายฝั่งทางเหนือสุดของอาณาจักรพารัน

ไม่มีใครอยู่ที่นี่

นั่นก็เพราะพายุหิมะที่กำลังก่อตัวอยู่ใกล้ๆ

“มันอยู่ตรงนั้น”

วาฬเพชฌฆาตอาร์ชีชี้ให้กลุ่มของคาร์ลดูพายุหิมะ

ราชาชิกเลอร์ส่งอาร์ชีมาพร้อมกับพาสตันเพราะเห็นว่าเรื่องนี้น่าสนุกดี

‘คนนิสัยเสียแบบเจ้าอาร์ชีต้องไปเจอกับเอลฟ์หยาบคายพวกนั้นเสียบ้าง’

คาร์ลเห็นด้วยกับเหตุผลดังกล่าวและไม่มีปัญหาใดหากอาร์ชีจะติดตามพวกเขามาด้วย แน่นอนว่าอาร์ชีรู้สึกอารมณ์เสียและไม่ต้องการอยู่ที่นี่กับพวกเขา

“ไปกันเถอะ!”

คาร์ลกำลังมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคทางตอนเหนือซึ่งมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี

เมี้ยวววว!!

“ข้าตื่นเต้นยิ่งนัก!..เพราะข้าจะแข็งแกร่งขึ้น!”

ออนและฮงซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของคาร์ลเอ่ยขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น พวกมันกระดิกหางของตนเบาๆเมื่อคิดถึงพิษที่ผสมเข้ากับหิมะจนเป็นสีขาวสะอาดตา

แววตาที่ออนจ้องไปยังพายุหิมะเป็นประกายระยับ

“มันคงจะดีกว่านี้..ถ้าหากข้าทำให้หมอกของตัวเองเป็นแบบนั้นได้!”

พายุหิมะที่เต็มไปด้วยพิษ

คาร์ลเองก็รู้สึกตื่นเต้นไปกับลูกแมวทั้งสอง โดยเฉพาะกับฮงที่เชี่ยวชาญเรื่องพิษเป็นพิเศษ