บทที่ 152 ท้าประลองถึงที่

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 152 ท้าประลองถึงที่

เงินห้าแสน สำหรับมู่เซิ่งแล้ว มันเป็นแค่เศษเงินที่พกติดตัวเอาไว้เท่านั้น

เขาเห็นชายหนุ่มคนนี้แต่งตัวดี ไม่เหมือนคนเสแสร้ง ประกอบกับนี่เป็นครั้งแรกที่เขามาเยียนจิง ทำเพื่อพ่อเหมือนกัน เขารู้สึกเห็นใจ จึงหยิบยื่นมือเข้าไปช่วย

จะเป็นเรื่องจริงก็คือ หรือเรื่องโกหกก็ตาม มันไม่ได้กระทบต่อเรื่องที่เขาจะทำ

วุ่นรุ่งขึ้น เขามาที่หอเจี้ยนหรงตามนัด หลิวเจี้ยนหัวรอเขาอยู่ที่หน้าประตูนานแล้ว โบกมือทักทาย แล้วเดินไปเปิดรถบิวอิคก์รุ่นเก่าคันหนึ่ง

หลิวเจี้ยนหัวถูมือไปมาอย่างประหม่า แล้วถามว่า“เสี่ยวมู่ จะตรงไปที่คลินิกฉินโสว่หรานเลยไหม?”

“แน่นอนสิครับ”มู่เซิ่งพยักหน้า เขาเตรียมจะกลับเยียนจิง หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว

“ได้!”หลิวเจี้ยนหัวสูดหายใจเข้าอย่างแรง แล้วพาดมือไว้บนพวงมาลัย

ทั้งสองเดินทางไปที่คลินิกของฉินโสว่หรานอย่างรวดเร็ว

อันที่จริงแล้ว สถานที่แห่งนี้ไม่ได้หายากอะไร

ที่ดินของเยียนจิงมีค่ามาก สถานที่เล็กๆแค่นี้ หอโสว่หราน อยู่ตรงกลางบ้านสวยหรูที่เรียงกันเป็นแถว เป็นอาคารขนาดเล็กที่สวยงามและเรียบง่าย มองไปไกลๆ สวยสะดุดตาเป็นพิเศษ

ในคลินิกของฉินโสว่หราน ถึงแม้ว่าจะเรียกว่าหอโสว่หราน แต่ภายในอาคารเล็กๆแห่งนี้ ก็มีป้ายสีแดงมหึมาแขวนไว้ ด้านบนป้าย มีอักขระที่โดดเด่นและสง่างามน่าเกรงขามเขียนไว้ว่า ราชาฉินเทพโอสถ!

“ป้ายดูน่าเกรงขามมาก การตกแต่งภายในก็สวย”มู่เซิ่งยืนยิ้มพูดอย่างหน้าประตู

“จริงด้วย ป้ายนี้ มีคนใหญ่คนโตคนหนึ่งของเยียนจิงมอบให้กับบรรพบุรุษตระกูลฉิน และด้วยผ้าแผ่นนี้เอง ทำให้ฉินโสว่หรานกลายเป็นสี่แพทย์ผู้ยิ่งใหญ่”หลิวเจี้ยนหัวยืนแนะนำอยู่ข้างๆ

“ไม่มีอะไร”

มู่เซิ่งยิ้มอย่างไม่คิดอะไร

หลังจากผ่านวันนี้ไป เขาจะเป็นคนนำแผ่นป้ายแผ่นนี้ลงมาด้วยตัวเอง

ฉินหลินฉวยโอกาสที่พ่อของเขาป่วยหนักเพื่อขู่เขา ซึ่งกระตุกขีดเส้นของของมู่เซิ่ง เขาไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆเด็ดขาด

เวลานี้เอง มีพนักงานต้อนรับสาวคนหนึ่งสวมชุดกี่เผ้าสีแดงสดอยู่หน้าประตู มองดูมู่เซิ่งกับหลิวเจี้ยนหัวที่กำลังมองซ้ายทีขวาที คิดว่าพวกเขาเป็นลูกค้าที่มาหาหมอ จึงรีบไปเชิญเข้ามา“คุณผู้ชายทั้งสองท่าน ขออนุญาตสอบถามนะคะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”

“อืม คุณช่วยผมได้ครับ ไปเรียกฉินโสว่หรานออกมาหน่อย”มู่เซิ่งพยักหน้ากล่าว

“ฉินโสว่หราน?”พนักงานต้อนรับทำอะไรไม่ถูก

“เจ้านายของพวกคุณนั่นแหละ หมอเทวดาฉิน”มู่เซิ่งกล่าว

ตอนนั้นเองที่พนักงานต้อนรับพึ่งรู้ตัว ที่แท้มู่เซิ่งก็มาหาหมอเทวดาฉินนี่เอง เพียงแต่ว่า ฉินโสว่หรานถูกเรียกว่าหมอเทวดา ดังนั้นเมื่อได้ยินชื่อเต็มๆของเขาแล้ว ทำให้เธอชื่อเขาไม่เอา

“มาหาเจ้านายของเราหรอคะ หมอเทวดาฉินกำลังพักผ่อนอยู่ด้านในค่ะ แต่ว่า คุณมาหาเจ้านายของเรา มีนัดไว้หรือเปล่าคะ?”พนักงานต้อนรับถาม เธอกำลังคิดว่า คนที่มาหาเจ้านายของเธอได้ นอกจากมาหาหมอแล้ว ก็คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วล่ะ

“ผมมาท้าประลองกับเขา”

มู่เซิ่งกล่าวอย่างเรียบเฉย

“ซี๊ด!”

เมื่อสิ้นเสียง ไม่เพียงแต่หนักงานต้อนรับที่ตกตะลึง ผู้ป่วยที่อยู่บริเวณโดยรอบ รวมถึงหมอพวกนั้น แต่ละคนตะลึงยืนอึ้งอยู่กับที่ ไอ้หมอนี่ กำลังพูดอะไรเนี่ย?

“ท้าประลอง คุณมาท้าประลองกับเจ้านายของเราหรอคะ?”

พนักงานต้อนรับกำลังสงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดไป จึงถามอีกครั้ง

เจ้านายของพวกเขาเกิดในตระกูลแพทย์สมุนไพร มีชื่อเสียงอันลือเลื่องในเยียนจิง มีดารามากมาย ที่ได้รับบาดเจ็บมาขอยา กับเจ้านายของพวกเขาทั้งนั้น รู้จักฟ่านปิงปิงดาราระดับนานาชาติไหม มาหาเขาถึงที่ เพราะปวดท้องประจำเดือน ฉินโสว่หรานเป็นคนจัดเตรียมยา ตอนนั้นพนักงานต้อนรับยังตกใจอยู่เลย

ชายหนุ่มตรงหน้าเนี่ยนะ คิดอยากจะมาท้าประลองกับหมอเทวดาฉิน?

“ไปซะๆ หมอเทวดาฉินของเราไม่มีเวลาสนใจคุณหรอก”พนักงานต้อนรับขมวดคิ้ว แล้วเริ่มไล่เขา

“ผมคือหลิวเจี้ยนหัว อาจารย์ของผมมาท้าประลองเขา โดยเฉพาะนะครับ ถ้าไม่เชื่อ คุณโทรหาฉินโสว่หรานก็พอแล้ว!”หลิวเจี้ยนหัวลุกขึ้นยืน แล้วพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ

“เอาล่ะ พวกคุณรอก่อนนะ”

พนักงานต้อนรับพูดอย่างดูถูก คนหนึ่งแก่คนหนึ่งหนุ่ม ในสายตาของเธอ เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ จะมาหลอกตุ๋นเธอได้อย่างไร?

เธอรีบควักมือถือออกมา โทรสายออกไปทันที

ผ่านไปไม่นาน บริเวณโถงทางเดินก็มีเสียงฝีเท้าดังออกมา

ฉินโสว่หรานกับฉินหลินทั้งสองคนเดินลงมาจากบันได คนหนึ่งอยู่หน้าคนหนึ่งอยู่หลัง ฉินหลินถอดสูทที่เขาใส่ไว้ที่ห้อง เปลี่ยนเป็นชุดกาวน์สีขาวนุ่มนิ่ม แต่เสื้อตัวนี้ทำมาจากผ้าคุณภาพสูง การแต่งตัวแบบนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนปรมาจารย์ เพียงแต่แววตาของเขาโหดเหี้ยม จ้องมองไปที่มู่เซิ่งด้วยตาขวาง

มู่เซิ่งตบเขาที่วอร์ดผู้ป่วยสองครั้ง เป็นสิ่งที่เขาไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต

นอกจากฉินโสว่หรานกับฉินหลินแล้ว ด้านหลังยังมีชายหนุ่มหญิงสาวไม่น้อย สวมชุดกาวน์สีขาว ยืนอยู่ด้านหลัง สายตานอบน้อม ดูท่าแล้ว น่าจะเป็นลูกศิษย์ของฉินโสว่หราน

“หลิวเจี้ยนหัว คุณพาเขามาทำไม?”

ฉินโสว่หรานพูดอย่างเย็นชา เมื่อวานเขารู้ดีว่าหลานชายที่เขารักที่สุดถูกคนอื่นทำร้าย เขาเตรียมจะไปสั่งสอนมู่เซิ่ง คิดไม่ถึงว่าวันนี้ เขาจะมาหาถึงที่

“ผมกับอาจารย์ของผมมาในครั้งนี้ แน่นอนว่ามาเพื่อท้าประลองกับคุณ!”หลิวเจี้ยนหัวกล่าว

ฉินโสว่หรานไม่ได้เดินลงบันได แต่ยืนอยู่ด้านบนนั้น แล้วมองสำรวจมู่เซิ่งจากบนลงล่าง พลางพูดอย่างติดตลก“หลิวเจี้ยนหัว คุณนิยิ่งอยู่ยิ่งถอยหลังไปเรื่อยๆเลยนะ ไปเป็นลูกศิษย์ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบนี้ ได้เป็นหมอเทวดาทั้งสี่ผู้ยิ่งใหญ่กับคุณ ผมละอายใจรู้สึกขายขี้หน้าจริงๆ!”

“ฮ่าๆๆ——”

ฉินหลินยืนอยู่ข้างๆ ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา อย่างสะใจ

ใบหน้าของมู่เซิ่งมีรอยยิ้มจางๆอยู่บนนั้น ไม่ได้โกรธเพราะน้ำเสียงจู่โจมของฉินโสว่หราน เขาชี้ไปที่แผ่นป้าย แล้วกล่าวว่า“ป้ายแผ่นนี้ ผมชอบมันมาก”

“เอาแบบนี้ไหมล่ะ ถ้าคุณแพ้ คุณก็เอาป้ายแผ่นนี้มอบให้ผมเป็นไงล่ะ?”

“แกรู้ไหมว่าป้ายแผ่นนี้มีที่มาที่ไปยังไง?”เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินหลินก็เกิดบันดาลโทสะ“อยากได้ป้ายแผ่นนี้ แกคู่ควรงั้นหรอ?”

“ผมจะคู่ควรหรือไม่ผมไม่รู้ แต่ปัญหาคือ คุณกล้าหรือเปล่า?”มู่เซิ่งเอ่ยปากพูดอย่างเรียบเฉย ไม่ได้สนใจฉินหลิน สายตาของเขาจับจ้องไปที่ฉินโสว่หราน

หลิวเจี้ยนหัวตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็น มู่เซิ่งแข็งกร้าวขนาดนี้

ตอนอยู่ตระกูลเจียงที่เจียงหนาน มู่เซิ่งเป็นเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง ถึงจะถูกใส่ร้ายอย่างไร ก็ไม่เคยต่อปากต่อคำ แต่มาตอนนี้ เขากลับกล้ารื้อป้ายของคนอื่น แต่ว่า หากเรื่องนี้ทำได้สำเร็จล่ะก็ จะทำให้บีบบังคับฉินโสว่หรานไปสู่ความตายได้!

แต่หลิวเจี้ยนหัวไม่รู้ว่า หลังจากที่ฉินหลินดูถูกพ่อของเขาแล้ว ในใจของมู่เซิ่ง ได้พิพากษาให้พวกเขาตายไปตั้งนานแล้ว

“ฉันเอาแผ่นป้ายออกมา แล้วนายจะเอาอะไรมาสู้ฉัน?ไอ้หนุ่ม แกคงไม่ได้อยากมาที่นี่ จับเสือด้วยมือเปล่าหรอกนะ?”ฉินโสว่หรานหัวเราะอย่างเย้ยหยัน

มู่เซิ่งกำลังจะเอ่ยปาก ก็เห็นหลิวเจี้ยนหัวก้าวออกมาหนึ่งก้าว แล้วตบไปที่อกของเขาเบาๆ จากนั้นก็พูดว่า“ถ้าอาจารย์ผมแพ้ ผมจะยกป้ายตระกูลเจี้ยนหรงให้คุณ และถอนตัวออกจากสี่แพทย์ผู้ยิ่งใหญ่!”

โคร้ม

คำพูดของหลิวเจี้ยนหัว ราวกับก้อนหินก้อนหนึ่งโยนลงไปในบ่อน้ำ และระเบิดภายในหอโสว่หราน

สายตาของทุกคนจับจ้องมองไป หลังจากได้ยินคำพูดของหลิวเจี้ยนหัว ก็พากันตกตะลึงทันที