ตอนที่ 183 ตกใจวิญญาณเกือบหลุด
สมัยโบราณที่นี่เป็นโรงเลี้ยงม้าของจักรพรรดิ
พอถึงยุคไม่นานนี้ก็ถูกปรับปรุงเป็นสนามฝึกที่ใช้จัดการแข่งม้าระดับนานาชาติได้
ที่นี่ก็เป็นสนามฝึกม้าที่ทางคณะกรรมการกีฬากำหนด เป็นสนามม้าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเหยียนหวง
มู่เถาเยาขี่ม้าวิ่งหนึ่งรอบใช้เวลาเท่าไรแค่คิดก็รู้ได้
พอกลับมาถึงเสี่ยวเหยี่ยยังคึกคะนองอยู่ อยากออกไปวิ่งอีกหลายๆ รอบ
“เสี่ยวเหยี่ย ไว้ตอนบ่ายค่อยวิ่งต่อ ตอนนี้ไปหาพวกอาจารย์อาเล็กก่อน พวกเขาจะได้ไม่เป็นห่วง”
เธอกับเสี่ยวเหยี่ยวิ่งออกไปแบบนี้ พวกเขาจะต้องอกสั่นขวัญแขวนแน่นอน
ถ้าไม่วิ่ง พวกเขาคงจะขอให้รอจนกว่าอานม้ามาถึง
แบบนั้นก็จะเสียเวลาเปล่าๆ
ตอนที่มู่เถาเยากับเสี่ยวเหยี่ยไปหาพวกอาจารย์อาเล็ก สีหน้าของพวกเขาไม่ดีเอาอย่างมาก
คาวบอยวัยสามสิบที่รับหน้าที่ดูแลเสี่ยวเหยี่ยโดยเฉพาะกำลังปลอบทุกคนไม่หยุด
พอเห็นมู่เถาเยาจูงม้ากลับมา พวกเขาถึงวางใจอย่างแท้จริง
อาจารย์อาเล็กจูงมู่เถาเยาเข้ามาสำรวจซ้ายขวา “เสี่ยวเยาเยา บาดเจ็บตรงไหนไหม”
“อาจารย์อาเล็กคะ ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ หนูขี่ม้าเป็นตั้งแต่เด็ก ไม่มีทางล้มหรอกค่ะ”
“เด็กคนนี้นี่ อยู่ๆ ก็วิ่งออกไป เร็วจนยังปรับสายตาไม่ได้ก็เหลือแค่จุดดำๆ แล้ว เกิดตกม้าขึ้นมาไม่ตายก็พิการ! เด็กคนนี้ไม่รู้จักกลัวบ้างเลย…”
อาจารย์อาเล็กพูดจนตัวเองแทบตกใจร้องไห้
ใบหน้าของเจียงเฟิงเหมียนที่เดิมแดงระเรื่อตอนนี้ซีดลงเล็กน้อย
มือเธอที่โอบมู่เถาเยากำลังสั่น
ตี้อู๋เสียกับตี้อู๋โยวก็เป็นห่วงมาก
โค้ชเถียนกลับงงตั้งแต่ต้นจนจบ
เจ้าถุงลมน้อยยังไม่เข้าใจ
พอเขาเห็นมู่เถาเยากลับมาแล้วก็ยื่นมือออกไปอยากให้อุ้ม ต้องการขี่เสี่ยวเหยี่ย
คาวบอยผายมือออก “เสี่ยวเยาเยา พี่ปลอบใจไม่ได้ผล พวกเขาไม่เชื่อความสามารถของเธอ”
แต่ก็พอเข้าใจได้
นึกถึงตอนนั้น เขาเองก็ตกใจวิญญาณเกือบหลุดจากร่าง
อย่างน้อยเขาก็เคยร่วมแข่งขันทักษะคาวบอย แต่นั่นกลับเป็นครั้งแรกที่เห็นคนขี่ม้าได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้โดยปราศจากอานม้า!
แถมยังเป็นสาวน้อยที่ไม่กี่ปีก่อนเพิ่งจะอายุสิบสองสิบสาม!
ชวนให้สงสัยในชีวิตเหลือเกิน!
“อาจารย์อาเล็กคะ หนูมีวิชาตัวเบาติดตัว จะล้มบาดเจ็บได้ยังไงกันคะ”
“เสี่ยวเยาเยา อย่าคิดว่าตัวเองเก่งใจกล้าแล้วจะไม่กลัวอะไรเลย เกิดบาดเจ็บขึ้นมาจริงๆ ล่ะ เกิดเสี่ยวเหยี่ยไปสะดุดอะไรเข้าล่ะ เด็กคนนี้นี่…”
“ขอโทษที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงค่ะ”
เมื่อครู่ตอนเธอไปไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกเชิงลึกของทุกคน คิดเพียงว่าพอพวกเขาเห็นความสามารถของเธอก็จะวางใจแล้ว
พอกลับมาถึงคิดได้ พวกอาจารย์อาเล็กไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเธอเคยขี่ม้าออกศึก ชาตินี้พวกเขาก็ไม่เคยเห็นเธอขี่ม้าแบบนี้ จะต้องตกใจกันแน่นอน
ต่อให้เรื่องที่อาจารย์อาเล็กเป็นห่วงเกิดขึ้นจริง เธอก็ไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองบาดเจ็บ
แต่สถานการณ์ในตอนนี้อธิบายไปก็เท่านั้น
ตี้อู๋เสีย “เสี่ยวเยาเยา ต่อไปห้ามทำพวกเราตกใจแบบนี้อีกนะ”
มู่เถาเยาพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ค่ะ ไม่แล้วค่ะ”
“เสี่ยวเยาเยา ทำไมหนูถึงขี่ม้าเก่งขนาดนี้ มิน่าถึงกล้าบอกว่าสามารถคว้าเหรียญทองได้!” ในที่สุดโค้ชเถียนก็ดึงสติกลับมาได้
“เพราะเสี่ยวเหยี่ยเก่งค่ะ”
เสี่ยวเหยี่ยเก่งกว่า ‘จี๋เฟิง’ ม้าศึกในชาติก่อนของเธอเสียอีก!
ถ้าไม่ติดว่าที่นี่คนเยอะ กลัวจะทำคนตกใจเลยลดความเร็วลงหน่อย จริงๆ แล้วมันยังเร็วได้อีก!
เสี่ยวเหยี่ยที่ถูกเจ้านายชมเชิดหน้าชูคอเดินวนรอบกลุ่มคน
ทุกคนต่างเอ็นดูในนิสัยเด็กๆ ของมัน
เป็นม้าที่ฉลาดอะไรขนาดนี้!
“พี่สาว อันเหยี่ยขี่ม้าม้า”
มู่เถาเยามองอาจารย์อาเล็ก รอเขาพูด
อาจารย์อาเล็ก “…งั้นก็…ขี่เดินช้าๆ ห้ามวิ่ง!”
“ค่ะ”
มู่เถาเยาอุ้มเจ้าถุงลมน้อยวางบนหลังม้า จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปนั่ง ให้เสี่ยวเหยี่ยเดินช้าๆ ช้าๆ…
แบบที่ช้าสุดๆ!
พอเดินออกไปได้ระยะหนึ่งมู่เถาเยาก็หันไปมองพวกเขา เป็นแบบนี้อยู่หลายรอบ
ดวงตากลมโตที่คล้ายลูกกวางราวกับกำลังพูดว่า ดูสิคะ หนูไม่ได้วิ่งนะ!
ทุกคน “…”
น่ารักจังเลย!
และก็น่าตลก!
มู่เถาเยาพาเจ้าถุงลมน้อยขี่ม้าเดินช้าๆ อยู่สิบนาทีก็กลับมา
จูงเสี่ยวเหยี่ยให้คาวบอย โค้ชเถียนพาพวกเขานั่งรถชมวิวรอบๆ
อาหารกลางวันก็กินที่นี่
กินข้าวเสร็จตี้อู๋เสียกับน้องชายก็พาเจ้าถุงลมน้อยกับเจียงเฟิงเหมียนกลับ
อาจารย์อาเล็กต้องการอยู่ดูมู่เถาเยาต่อ
เขาไม่วางใจจริงๆ กลัวเด็กคนนี้พอไม่มีคนคอยดูจะเอาใหญ่
“เหล่าเจียง ไปเที่ยวชมให้สบายใจเถอะ ฉันรับรองจะช่วยดูเสี่ยวเยาเยาให้”
เขาจะพามู่เถาเยาไปดูสถานที่แข่งสามรายการของงานแข่งกีฬานานาชาติ คือ ศิลปะบังคับม้า การขี่วิบาก กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง
มู่เถาเยามีทักษะกีฬาที่สูงมาก และยังรู้ใจกันกับม้า โค้ชเถียนไร้ความกังวลอย่างสิ้นเชิงว่าคนกับม้าจะเข้ากันไม่ได้
ด่านกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางกับเส้นทางวิบากเป็นเรื่องสบายมากสำหรับเสี่ยวเหยี่ย โค้ชเถียนจึงเน้นพาไปดูสนามแข่งศิลปะบังคับม้า
มู่เถาเยาดูแค่รอบเดียวก็เข้าใจ
ส่วนเสี่ยวเหยี่ย ตัดสินใจทำอะไรเองจนชินแล้ว ไม่อยากฟังโค้ชเถียน
มันแค่อยากวิ่ง วิ่ง วิ่ง! เร็ว เร็ว เร็วได้อีก!
มู่เถาเยาก็จนปัญญา ต้องโทษเธอที่ตามใจมันมากเกินไป
“เสี่ยวเหยี่ย เรียนจนเป็นเมื่อไรถึงจะให้วิ่ง”
เสี่ยวเหยี่ยเบือนหน้าหนีอีกทาง
มันไม่ได้ทำไม่เป็น! ก็แค่ไม่อยากเสแสร้งแบบนี้!
มันแค่อยากแสดงความเร็วและความเก่งที่น่าตกใจของตัวเอง แค่นี้ก็พอแล้ว! ทำไมต้องแสดงศิลปะบ้าบออะไรด้วย!
หึ ไม่เห็นจะแคร์!
โค้ชเถียนคะ หนูขอตกลงกับมันก่อน”
มู่เถาเยาลงจากหลังม้า
“เสี่ยวเยาเยา หนูจำได้หมดแล้ว ก็แค่เสี่ยวเหยี่ยไม่ให้ความร่วมมือ พวกเราไม่รีบ หนูพามันไปวิ่งสักสองรอบก่อนก็ได้ โค้ชดูมันเหมือนจะอารมณ์ไม่ดีแล้ว”
“ก็ได้ค่ะ”
มู่เถาเยาลูบหัวเสี่ยวเหยี่ยแล้วกระโดดขึ้นหลังม้าอีกครั้ง
แน่นอนว่าครั้งนี้มีอานม้า
“เสี่ยวเยาเยา ช้าๆ หน่อยนะ! โค้ชรับปากอาจารย์อาเล็กของหนูไว้ อย่าทำให้โค้ชต้องผิดคำพูดนะ”
“แน่นอนค่ะ”
“อืม งั้นเดี๋ยวโค้ชจะรออยู่ตรงนี้…”
เขายังไม่ทันพูดจบเสี่ยวเหยี่ยก็วิ่งไปแล้ว
โค้ชเถียน “…ม้าตัวนี้จะว่าดีก็ดี แต่ฉันบังคับมันไม่ได้!”
ไม่เชื่อฟัง แต่ก็ดุด่าไม่ลง…
โค้ชเถียนส่ายหน้าเดินออกจากตรงนั้น ไปดูการฝึกของคนอื่น
“เหล่าเถียน เด็กสาวคนนั้นใครเหรอ ขี่ม้าเก่งสุดยอดเลยนะ! ทำไมไม่ให้เธอลงแข่งครั้งนี้ล่ะ ได้แชมป์อย่างไม่ต้องสงสัย!”
“เหล่าหวัง คิดว่าฉันไม่อยากเหรอ! แต่ฉันเพิ่งรู้จักเสี่ยวเยาเยาเมื่อไม่นานนี้เอง ตอนนี้ลงชื่อสมัครไม่ทันแล้ว”
“เพิ่งรู้จักกันเหรอ รู้จักได้ยังไง พาฉันไปรู้จักด้วยคนสิ”
“ฝัน! ของดีมีเพียงหนึ่งเดียว!”
“ม้าตัวนั้น…เหล่าเถียน พวกเราซื้อมาได้เปล่า ฉันเคยเห็นม้าสายพันธุ์ดีมานับไม่ถ้วน แต่กลับไม่เคยเห็นม้าที่มีความสามารถและทรงดีแบบไร้ที่เปรียบแบบนี้มาก่อน”
“เหล่าหวัง นายเลิกฝันอะไรแบบนี้เถอะ! รู้หรือเปล่าว่าเสี่ยวเยาเยาเป็นใคร กล้าไปขอซื้อกับเธอไหมล่ะ มองไม่ออกเหรอว่าเธอปฏิบัติต่อเสี่ยวเหยี่ยเหมือนลูก”
“ฮ่าๆ เด็กสาวคนนี้ก็ดูเป็นคนรักม้านะ มีม้าแบบนี้ได้จะต้องรวยมากแน่นอน เฮ้อ…ม้าตัวนี้ทำฉันคันไม้คันมือ อยากขโมยกลับไปซ่อนที่บ้าน!”
โค้ชเถียนหัวเราะเสียงดัง
“แค่ลูบนายยังไม่เคย! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขโมย!”
โค้ชหวังก็หัวเราะ
เสี่ยวเหยี่ยมาถึงสนามฝึกม้าไม่กี่นาที นักกีฬาทุกคน โค้ช เจ้าหน้าที่ ต่างรู้กันหมดว่ามีม้าที่รูปร่างสวยงามแต่นิสัยดุ ได้แต่มองไม่ให้ลูบคลำ
น่าเสียดาย…ที่มันไม่ได้เป็นม้าของสนามฝึก