ตอนที่ 182 ภรรยาของฉันไม่สามารถดื่มเหล้าได้

โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง

ฉวนฉีเหลียนเดินตามคุณปู่ไปอย่างไม่เต็มใจ และในที่สุด โต๊ะก็สงบลง

ผู้คนที่นั่งอยู่ที่นี่ล้วนเป็นบุคคลสำคัญแถวหน้าของเมืองz ทุกคนที่มีสายตาเฉียบคม และแน่นอนพวกเขาสามารถเล็งเห็นได้ว่าฉวนฉีเหลียนกำลังตั้งเป้าไปที่อันหรัน

และท่าทีที่ไม่แสดงออกของฮั่วเทียนหลัน ทำให้ทุกคนเห็นเค้าโครงของเรื่องราวเหล่านี้

เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวลือของฮั่วเทียนหลันกับอันหรันว่ามีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง ดูแล้วมันน่าจะเป็นเรื่องจริง

ตงหยงซี่เริ่มชวนคนบนโต๊ะอาหาร ให้ดื่มกินกันต่อ

อันหรันนั่งอยู่ข้างๆฮั่วเทียนหลัน ทุกครั้งที่เธอจะตักอาหาร เธอจะระวังไม่ให้ไปกระทบกับทิศทางการตักของฮั่วเทียนหลัน

หลายครั้งที่ฮั่วเทียนหลันเอื้อมมือมาตักอาหาร อันหรันที่ยื่นมือของตัวเองออกไปแล้ว จะเก็บมือเข้ามาทันที

เธอไม่ค่อยอยากอาหาร โจ๊กปิงทะเลแค่หนึ่งถ้วย ใช้เวลากินไปตั้งนาน เพิ่งจะกินได้ไปแค่ครึ่งเดียว

ฮั่วเทียนหลันมองมาที่อันหรันอย่างเงียบๆ เธอผอมมาก ผิวหนังขาวละเอียด มองดูแล้วเหมือนกับคนไม่แข็งแรง

เวลาทานอาหารจะระมัดระวัง ทุกคำที่ทานเข้าไปเธอจะเช็ดปาก รักษามารยาทอยู่ตลอดเวลา

ต่อมาเป็นการคารวะเหล้า หลังจากที่ยกไวน์ขึ้นหัวสามครั้ง ก็เริ่มคารวะเหล้า

คุณปู่ฉวนมีสถานะที่สูงศักดิ์ แค่ดื่มกับเพื่อนๆไม่กี่แก้วก็เพียงพอแล้ว

ดังนั้นผู้นำคนต่อไปก็คือพ่อของฉวนฉีเหลียน ฉวนเหอซง

เขาเป็นผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลฉวน เป็นคนที่ท่าทางดูใจดี

“ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานวันเกิดพ่อของผม ผมจะดื่มให้ทุกคนหนึ่งแก้ว ถ้างานนี้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดขาดตกบกพร่องไป ผมคนนี้ขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว!”

พูดเสร็จ ฉวนเหอซงก็ดื่มจนหมดแก้ว

ถึงแม้ว่าฉวนฉีเหลียนจะถูกคุณปู่ฉวนมานำตัวไปแล้ว แต่เธอก็ยังฉวยโอกาสออกมา

เธอเดินถือแก้วไวน์ออกมา มองเห็นอันหรันกำลังหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม แต่เธอก็แค่จิบเท่านั้น

ดังนั้นเธอจึงพูดออกมาว่า “พี่สะใภ้ คารวะเหล้าต้องดื่มให้หมด งั้นก็ถือว่าไม่เคารพ!”

คำพูดของฉวนฉีเหลียนค่อนข้างจะมีอารมณ์ และในตอนนี้หน้าของอันหรันก็เริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย

ไม่ใช่ว่าอันหรันไม่อยากดื่มหมด แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจะดื่มมา เธอรู้สึกไม่สบายท้อง

ทานอะไรเข้าไปนิดหน่อยก็จะรู้สึกคลื่นไส้ พอไปตรวจที่โรงพยาบาลก็พบว่าเธอเป็นโรคกระเพาะ

เธอหยิบแก้วที่วางลงไปแล้วของเธอขึ้นมาอีกครั้งพร้อมพูดว่า “ขอโทษด้วย ฉันเป็นคนคออ่อน งั้นฉันจะดื่มมันให้หมด! ”

เมื่อพูดคำพูดนี้ อันหรันกำลังที่จะดื่มไวน์ในแก้วให้หมด

แต่แก้วยังไม่ทันสัมผัสกับริมฝีปากของเธอ แก้วก็ถูกนำออกไปโดยไม่ทันรู้ตัว

“ภรรยาของฉันดื่มเหล้าไม่ได้ ฉันจะดื่มแทนเธอเอง!”

เมื่อพูดเสร็จ ฮั่วเทียนหลันก็ดื่มจนหมดแก้ว

ฉวนฉีเหลียนมองมาอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็เดินออกไปกับฉวนเหอซง

อันหรันมองไปทางฮั่วเทียนหลันด้วยสีหน้าที่ตกใจ คาดไม่คิดว่าฮั่วเทียนหลันจะทำแบบนี้

ถูกคนคนนี้ทำร้าย กดขี่มาเป็นเวลานาน แต่บางครั้งก็มาทำดีกับเธอเล็กน้อย มันน่าตกใจจริงๆ

นี่เป็นวัฒนธรรมการดื่มเหล้าของเมืองz เท่ากับฮั่วเทียนหลันต้องดื่มเหล้าหนึ่งแก้วเมื่อเจอกับคนหนึ่งคน

อันหรันนั่งลงสักพัก ก็รู้สึกว่าปวดท้องขึ้นมา เธอมองไปที่ฮั่วเทียนหลันที่กำลังคุยกับผู้ชายวัยกลางคนอยู่ห่างๆ เธอลุกขึ้นมาเพื่อที่จะเดินไปยังห้องรับรอง

เธอรู้สึกเจ็บที่ท้องราวกับโดนเข็มทิ่ม ในตอนนี้แม้แต่เดินเธอก็ยังไม่มีแรง

มันไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะเดินมาถึงห้องรับรอง หน้าของเธอซีดจางพร้อมกับเหงื่อไหลเป็นหยดๆ

ผ่านไปสักพักก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาพักผ่อน เธอก็หันมาเห็นอันหรันที่อยู่ในสภาพแบบนั้น จึงหันมาถามด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณนายฮั่ว คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

อันหรันพยักหน้าและตอบกลับไปด้วยเสียงเบาๆว่า “ไม่เป็นอะไร แค่รู้สึกไม่สบายเล็กน้อยเท่านั้น”

“ต้องการไปโรงพยาบาลไหม?”

“ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก”

เธอคนนั้นมองเห็นอันหรันที่อยู่ในท่าทางที่เจ็บปวด ส่ายหัวแล้วเดินออกไป

เธอออกไปโดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นไม่นานเธอก็มองเห็นฮั่วเทียนหลันกำลังพูดคุยกับคนในงาน

เธอเดินเข้าไปพร้อมพูดว่า “คุณฮั่ว ภรรยาของคุณเหมือนกับว่ากำลังไม่สบายอยู่ มองดูแล้วกำลังทรมานเอามากๆ ตอนนี้เธอพักอยู่ในห้องรับรอง”

เมื่อฮั่วเทียนหลันได้ยินที่เธอคนนี้พูด เขาไม่ทันได้มองไปทางห้องรับรอง ทำแค่พยักหน้าว่าเข้าใจ

นี่ทำให้คนที่กำลังคุยกับเขาอยู่พูดขึ้นมาว่า “ท่านประธานฮั่ว ภรรยาของคุณไม่สบาย คุณก็ไปดูเธอก่อนเถอะ ไว้วันหลังเราค่อยมาคุยกันใหม่”

ฮั่วเทียนหลันส่ายหน้า และพูดออกไปแค่ว่า ไม่เป็นไร

ตอนนี้อันหรันนอนอยู่บนโซฟาแล้ว เป็นแบบนี้ก็สามารถระงับความเจ็บปวดของเธอได้แล้ว

โรคกระเพาะเฉียบพลันมันทรมานแค่ไหน คนที่เคยเป็นเท่านั้นถึงจะรู้

เมื่ออันหรันคุยกับคนพวกนี้จบ ตอนแรกเขาก็จะเดินไปอีกทางเพื่อนที่จะไปหาคนคุยต่อ

แต่เขาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นว่าห้องรับรองนั้นอยู่ทางไหน เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดูสักหน่อย

อันหรันหดตัวเหมือนกุ้งมาพักใหญ่ๆ สุดท้ายก็ให้พนักงานบริการช่วยออกไปซื้อยาแก้โรคกระเพาะมาให้ หลังจากดื่มลงไปก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

เธอลุกขึ้นมานั่งสักพัก พอรู้สึกว่าสามารถทนกับความเจ็บปวดนี้ได้ เธอจึงลุกขึ้นเตรียมตัวที่จะออกไป

แต่ในตอนที่เธอยืนขึ้น ยังไม่ทันหันหน้าไปทางประตู

ประตูห้องรับรองก็ถูกเปิดออก ใบหน้าของฮั่วเทียนหลันปรากฏต่อหน้าเธอ

อันหรันตกใจ เขามาได้ยังไง?

“ฮั่ว คุณฮั่ว…..” ภายใต้ความกดดันของฮั่วเทียนหลัน ทำให้น้ำเสียงของอันหรันสั่น

ฮั่วเทียนหลันกวาดตาไปมองที่อันหรัน แล้วพูดออกมาเบาๆว่า “คุณไม่สบาย?”

อันหรันรู้สึกดี คิดว่าฮั่วเทียนหลันเป็นห่วงจึงมาหาเธอ

ปกติแล้วเธอก็มักจะไม่พูดอะไร อันหรันจึงส่ายหัวตอบรับ

ใบหน้าของอันหรันซีดลง ผู้หญิงคนนี้ เมื่อก็ยังมีสภาพที่เหมือนตายอยู่ในห้องรับรองให้คนอื่นเห็น สันนิษฐานว่าต้องการดึงดูดให้ตนมาดูแล

แต่ตอนนี้เขามาหาเธอแล้ว ทำไมเธอถึงดูเย็นชาแบบนี้

“เมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?” ฮั่วเทียนหลันไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป

เขาเดินมาด้านหน้าของอันหรัน และจับคางเธอเงยขึ้น

ใบหน้าของอันหรันมีเหงื่อตกเล็กน้อย โรงแรมแห่งนี้ควบคุมอุณหภูมิได้ดีมาก อันหรันไม่ควรที่จะมีเหงื่อ

“ฉัน…..เมื่อกี้ไม่สบายนิดหน่อย แต่ว่าตอนนี้หายแล้ว” ฮั่วเทียนหลันต้องการที่จะรู้ให้ได้ ดังนั้นอันหรันจึงตอบไปตามความเป็นจริง

ฮั่วเทียนหลันพูดออกมาอย่างเย็นชา “ก็เห็นดีๆอยู่ จะไม่สบายได้อย่างไร?”

ที่จริงแล้วอันหรันก็รู้สึกไม่พอใจที่เวลาเธอไม่สบายฮั่วเทียนหลันไม่ยอมเข้ามาดูแล

ตอนนี้เธอก็พยุงตัวเองขึ้นมาได้ แต่เขากลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เธอจึงตอบกลับไปเบาๆว่า “อาจเป็นเพราะดื่มสุรา เลยทำให้กระเพาะอาหารระคายเคือง”

เมื่อเสียงของเธอเงียบไป ก็ได้ยินเสียงเยาะเย้ยขึ้นมาทันที “จิบไปแค่นิดเดียว ก็ทำให้เป็นแบบนี้แล้ว? ถ้าดื่มไม่ได้แล้วจะดื่มทำไม?”

“ก็เพราะว่า นี่คืองานของ…..” อันหรันกำลังจะพูด ก็ถูกฮั่วเทียนหลันขัดจังหวะ

“เธอคุณคนของครอบครัวฮั่ว ในเมืองz นี้ ถ้าเธอไม่อยากทำอะไร ก็ไม่มีใครบังคับให้เธอทำหรอก!”

อันหรันมองไปที่ฮั่วเทียนหลันด้วยความประหลาดใจ คำพูดของเขาทำให้เธอตกใจเล็กน้อย แต่ไม่มีอะไรเพิ่มเติม

“ฉันเข้าใจแล้ว”

อันหรันพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร ฮั่วเทียนหลันก็รู้สึกอึ้งกับการกระทำของเธอเช่นกัน

เขาหันกลับ และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ตามฉันมา”

อันหรันไม่เข้าใจว่าเขาต้องการทำอะไร แต่ก็เดินตามหลังเขาไปด้วยความจริงใจ

พอฮั่วเทียนหลันออกมาจากโรงแรม อันหรันก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณฮั่ว พวกเราจะไปไหนกัน? จะไปจากที่นี่ไม่ไปลากับคนของครอบครัวฉวนสักหน่อยหรอ?”

ฮั่วเทียนหลันขมวดคิ้ว แล้วหันกลับมามองที่อันหรันด้วยสายตาที่เย็นชา

ร่างกายเธออ่อนแอขนาดนี้ ถ้าจะพากลับจะเป็นอะไรไป

“เธอจะพูดมากไปถึงเมื่อไหร่?”

อันหรันรู้สึกได้ถึงตาแววตาที่น่ากลัวของฮั่วเทียนหลัน เธอจึงหดตัวและแสร้งทำเป็นหูหนวก

ไม่นานรถก็มาถึง ฮั่วเทียนหลันเปิดประตูให้อันหรันเข้าไปนั่งก่อน หลังจากนั้นเขาก็เดินไปอีกด้านหนึ่ง เปิดประตูและเข้าไปนั่ง

“ไปโรงพยาบาล!”

เขาสั่งอย่างเย็นชา คนขับก็ขับรถไปทางโรงพยาบาล

ตอนนี้อาการของอันหรันก็ดีขึ้นมามากแล้ว เธอจึงพูดออกไปเบาๆว่า “ฮั่ว….”

เธอพูดออกมาได้เพียงคำเดียว ก็ถูกฮั่วเทียนหลันเอามือปิดปากเธอไว้

อันหรันก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ไม่แปลกที่มือของเขาจะหยาบกร้าน นั่นจึงทำให้ริมฝีปากของอันหรันรู้สึกเจ็บ

หลังจากที่ถึงโรงพยาบาล ฮั่วเทียนหลันก็พาอันหรันไปตรวจร่างกายแบบละเอียด

อะไรที่ตรวจได้ ก็ตรวจให้หมด และผลตรวจออกมาว่า อันหรันเคยทำแท้งมาก่อน เลือดลมไม่ค่อยดี จึงทำให้ร่างกายอ่อนแรง หมอให้ยาจีนสักสองสามอย่าง ก็พอเพียงพอต่อการรักษา

ฮั่วเทียนหลันขมวดคิ้ว เคยทำแท้ง?

ฮั่วเทียนหลันก็ค่อยๆสันนิษฐานขึ้นมาว่า ก่อนที่แต่งงานเธอคงจะสำมะเลเทเมาน่าดู

พอฮั่วเทียนหลันนึกถึงเรื่องราวที่สกปรกเหล่านี้ เขาก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาทันที