บทที่ 148 รอมาสิบปี

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

เด็กชายตัวเล็กร้องไห้สะอึกสะอื้น ยังไม่พูด พยาบาลรับจ้างที่ยืนอยู่ด้านนอกรถรีบโค้งให้ แล้วพูดไปว่า“ขอโทษค่ะคุณวารุณี ฉันผิดเองค่ะ ซิปที่เสื้อของฉัน เกี่ยวผมของอารัณเข้าไปด้วย”

“ผม?”วารุณีลูบบนหัวของอารัณ หันหน้าไปมอง ก็เห็นซิปบนเสื้อพยาบาลรับจ้างมีผมสั้นๆสองสามเส้นติดอยู่

พยาบาลรับจ้างขอโทษอีกครั้ง“ขอโทษจริงๆค่ะคุณวารุณี ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉัน……”

“ช่างเถอะค่ะ!”วารุณียกมุมปากขึ้นตัดบทของเธอ“ฉันเชื่อว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจค่ะ”

ตัวล็อกซิปนั้นค่อนข้างแน่น อย่าว่าแต่เส้นผมเลย ขนเล็กๆบางอย่างก็เข้าไปเกี่ยวได้ง่าย

ดูเหมือนว่า นี่จะเป็นอุบัติเหตุจริงๆ

พยาบาลรับจ้างรู้สึกดีใจ สองมือพนมขึ้นมาไว้แล้วพูดว่า“ขอบคุณค่ะคุณวารุณี”

“ไม่เป็นไร พี่กลับไปเถอะค่ะ พวกเราก็จะไปแล้ว”วารุณีตบไหล่ของเด็กชายตัวน้อย สื่อว่าให้เขาเข้าไปนั่ง

เด็กชายตัวน้อยย้ายก้น นั่งไปอีกด้าน

วารุณีไปปิดท้ายรถ แล้วจึงขึ้นรถ บอกที่อยู่กับคนขับรถ

รถแท็กซี่ออกไปไกล พยาบาลรับจ้างจึงยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่มุมหน้าผาก จากนั้นก้มลงเอาผมที่ซิปออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วหยิบถุงซิปล็อกอันเล็กจากกระเป๋ามาเปิด เอาผมใส่ลงไป

ทำพวกนี้เสร็จ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดบอดี้การ์ดก็ขับรถมาจอดไว้ที่หน้าเธอ

กระจกรถลดลง บอดี้การ์ดหันหน้าไป ถามด้วยใบหน้าที่สวมแว่นกันแดดพร้อมกับสีหน้านิ่งเฉย“ผมล่ะ?”

“อยู่นี่ค่ะ”พยาบาลรับจ้างยื่นถุงล็อกสนิทไปให้

บอดี้การ์ดยื่นมือไปรับ มีประกายแวบผ่านดวงตาที่อยู่หลังแว่นกันแดด แล้วปิดหน้าต่างรถออกไปทันที

ครึ่งชั่วโมงถัดมา บอดี้การ์ดมาที่โรงพยาบาลของพิชิต

พิชิตรออยู่ในห้องตรวจนานแล้ว ในห้องตรวจนอกจากเขาแล้ว นัทธีกับนวิยาก็อยู่

“ผม!”เห็นบอดี้การ์ดข้ามา พิชิตก็ยืนขึ้น

บอดี้การ์ดมองนัทธี พยักหน้าให้นัทธี แล้วยื่นเส้นผมไปให้

พิชิตจับเส้นผมไว้ เอามาดูตรงหน้า รีบเดินไปที่หน้าตู้เก็บของ เอาตัวอย่างเลือดของนัทธีออกมา

“โอเค ผมไม่อยู่กับพวกคุณละ ผมจะไปชันสูตร”พิชิตดันแว่น ออกไปจากห้องตรวจ

นวิยามองแผ่นหลังของเขา แล้วมุมปากก็ยกขึ้นอย่างไร้ร่องรอย แต่แป๊บเดียวก็คืนสู่ปกติ เหมือนเมื่อกี๊แค่จินตนาการไป

“นัทธี พิชิตเขาจะตรวจดีเอ็นเอให้ใครเหรอ?”นวิยานั่งอยู่ข้างนัทธี เอามือวางไว้ที่แขนนัทธี หัวแม่มือเหมือนจะลูบเหมือนจะไม่ลูกตรงจุดที่เขาเจาะเลือดไป ถามด้วยเสียงอ่อนโยน

“ไม่รู้สิ”นัทธีปัดมือเธอออกแล้วยืนขึ้น ละสายตาลงจัดแขนเสื้อ เปลี่ยนหัวข้อเบาๆ“ไม่นานคุณก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว อยากได้ของขวัญอะไร?”

รู้ว่านัทธีไม่อยากตอบ สายตานวิยาจึงดูเย็นชา แต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มออกไป“ฉันอยากได้เปียโน คุณก็รู้ว่า สิบปีก่อนตอนที่ฉันยังไม่ประสบอุบัติเหตุ เคยได้รับแชมป์โลกเปียโนระดับเยาวชน ตอนนี้ฉันอยากฝึกเปียโนอีก”

“โอเค”นัทธีพยักหน้ารับปากเธอ“ผมจะให้มารุตไปซื้อเปียโนที่ต่างประเทศให้คุณ”

“ขอบคุณนะนัทธี”นวิยาดีใจ ลุกขึ้นกอดเขาจากด้านหลัง เอาหน้าแนบไปที่หลังของเขา หลับตาลง ใบหน้ามีความอาลัยอาวรณ์อย่างลึกซึ้ง

นัทธีคิดไม่ถึงว่าจู่ๆเธอจะกอดตัวเอง ร่างจึงแข็งทื่อ ไม่ค่อยชินเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดันเธอออก

จนหลายนาทีผ่านไป นวิยาก็ปล่อยเขาออกเอง ตัวของนัทธีจึงค่อยๆคลายลง

ตอนนี้เอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

นัทธีกับนวิยามองไปหน้าประตูพร้อมกัน

พยาบาลถือแฟ้มประวัติยืนอยู่นอกประตู ยิ้มให้ทั้งสองคน“ประธานนัทธี ถึงเวลาตรวจคุณนวิยาแล้วค่ะ”

“ไปเถอะ”นัทธีพยักหน้าให้นวิยา

นวิยาดูไม่ค่อยยอมเท่าไหร่ จับแขนของเขาไว้“นัทธี ฉันไม่อยากไปตรวจ ตรวจพวกนั้นมันเจ็บมากเลยสำหรับฉัน”

“ผมรู้ แต่ก็เพื่อให้คุณดีขึ้นนะ ทนไว้ เป็นเด็กดี!”นัทธียกมือขึ้น ช่วยเธอสวมวิก

นวิยาปล่อยมือออกด้วยสายตาหม่นหมอง ตามพยาบาลไป

พอเธอไปนัทธีก็ไม่อยู่ที่ห้องตรวจ ก้าวเท้าไปที่ห้องชันสูตร

รอไปเกือบครึ่งชั่วโมงที่นอกห้องชันสูตร แล้วประตูห้องชันสูตรก็เปิดออก พิชิตออกมาจากข้างใน

มองคิ้วของพิชิตที่ขมวดแน่น หัวใจของนัทธีก็รู้สึกหม่นลง ความคาดหวังนั้น ก็ค่อยๆหายไป

“ผลเป็นอย่างไรบ้าง?”เขากำมือ ถามเสียงหม่น

พิชิตมองเขาแวบหนึ่ง อ้าปากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูด เอาผลชันสูตรในมือยื่นให้เขา เพื่อให้เขาดูเอง

มองเห็นบนผลชันสูตรมีตัวอักษรเขียนว่า‘ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด’นัทธีจับผลชันสูตรไว้แน่น ละสายตาลง ใบหน้าเยือกเย็น ทำให้คนเห็นแล้วมองอารมณ์ไม่ออก

พิชิตถอนหายใจ เอามือวางไว้ที่ไหล่เขา“นัทธี เสียใจด้วย พวกแกแค่มีกรุ๊ปเลือดเหมือนกันเฉยๆ”

ไม่รู้จริงๆว่าเป็นผู้ชายคนไหน ที่ทำให้วารุณีคลอดลูกออกมาได้หน้าเหมือนกับนัทธีเหลือเกิน กรุ๊ปเลือดก็ยังเหมือนกัน

อยากเห็นจริงๆว่าผู้ชายคนนั้นหน้าตาอย่างไร

ลูกกระเดือกของนัทธีขยับ“ไม่เป็นไร ถึงไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ต่อไปเขาก็จะเป็นลูกชายฉัน”

ได้ยินคำนี้ พิชิตก็ตกใจ“นัทธี แกคงไม่ได้จะจีบวารุณีหรอกนะ?”

นัทธีฉีกผลชันสูตรทิ้ง ไม่มีความเห็น

พิชิตอ้าปากอยากเหลือเชื่อ“แกเอาจริง?”

“แกก็รู้นิสัยฉัน อะไรที่ชอบก็ต้องได้มันมา”

“งั้นนวิยาจะทำไง?”พิชิตจับคอเสื้อเขาไว้

นัทธีไม่ชอบที่มีคนทำแบบนี้ใส่ หรี่ตาอย่างเย็นชา ขยับมือผลักพิชิตออก“เกี่ยวอะไรกับนวิยา?”

“เกี่ยวสิ!”พิชิตถอยหลังไปสองก้าวเพื่อให้ร่างกายมั่นคง ใบหน้าที่ดูอ่อนวัยและน่ารัก เต็มไปด้วยความโกรธ“นวิยามีใจให้แก แกไม่รู้หรือไง?”

“ฉันรู้ แต่แล้วยังไงล่ะ ฉันไม่เคยรู้สึกอย่างนั้นกับนวิยาเลย ที่ฉันดีต่อเธออย่างไม่มีเงื่อนไขเพราะอะไร ในใจแกรู้ดี!”นัทธีจัดคอเสื้อ พูดอย่างไร้อารมณ์

พิชิตกระอักกระอ่วน สักพักจึงก้มหน้าลงพูดว่า“แต่นวิยารอแกมาสิบปี……”

“รอมาสิบปีแล้วฉันต้องรับเธอเหรอ อีกอย่างแกก็รอเธอมาสิบปีนี่ เธอก็รู้ดี แต่เธอยอมรับแกไหม?”นัทธีเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา

สายตาพิชิตสั่นคลอน หัวเราะอย่างขมขื่น“ช่างเถอะ ไม่พูดละ ฉันรู้ความหมายของแกละ แกอยากจะจีบวารุณีฉันก็ไม่ห้ามหรอก แต่ก่อนที่นวิยาจะออกจากโรงพยาบาล แกจะให้เธอรู้ไม่ได้ว่าแกรักคนอื่น ฉันเป็นห่วงว่านวิยาจะรับแรงกระตุ้นนี้ไม่ได้”

นัทธีเงยคางขึ้นเล็กน้อย ตอบอือ ถือว่ารับปาก

จู่ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าเขาก็ดังขึ้น

นัทธีหยิบโทรศัพท์มาดู วางไว้ข้างหู“มีอะไร?”

“ประธาน คุณลืมไปแล้ว วันนี้ต้องไปประชุมที่สมาคมออกแบบ”มารุตเตือน

นัทธีลูบคิ้ว เขาลืมไปจริงๆ

“คุณขับรถมารับผม ผมจะไปเดี๋ยวนี้”ริมฝีปากบางๆของนัทธีขยับ กำชับออกไป

“ครับ”มารุตตอบรับ

นัทธีวางสาย แล้วหันกลับออกไปจากโรงพยาบาล

สถานที่ประชุมอยู่ที่อาคารสำนักงานของสมาคมออกแบบ มารุตเอารถจอดไว้ที่ลานจอดรถของที่หน้าประตูอาคารใหญ่ แล้วรีบลงจากรถมาเปิดประตูรถด้านหลังให้นัทธี

นัทธีลงจากรถ ก็เห็นรถแท็กซี่สีเหลืองคันหนึ่งขับมาจากไกลๆ สุดท้ายก็จอดอยู่ข้างเขา

ประตูรถเปิดออก เท้าเล็กขาวนวลก้าวออกมาจากรถ ใต้เท้าเหยียบส้นสูงอันสวยงามกว่าแปดเซนติเมตร บนรองเท้าส้นสูงนั้น ที่ขาไม่มีเซลลูไลท์เลยสักนิด

เห็นแค่ขานั้นอย่างเดียว ก็ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะอยากเห็นใบหน้าของเจ้าของ ว่าจะสมบูรณ์แบบเหมือนกับขาหรือไม่

แป๊บเดียว เจ้าของขาเล็กๆก็ปรากฏตัว ใบหน้าที่งดงาม ความสวยงามมาพร้อมกับบุคลิกที่โจมตีผู้คนออกมาจากในรถ