บทที่ 149 เหินห่าง

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“ประธาน เป็นคุณวารุณีเอง”ดวงตามารุตเป็นประกาย มองวารุณีที่กำลังให้เงิน แล้วรีบเตือนนัทธี

นัทธีมองไปที่เขานิ่งๆ แล้วเอาสายตามองไปที่วารุณี

วารุณีกำลังก้มหน้าให้เงิน เลยไม่เห็นทั้งสองคน

จนรถแท็กซี่ขับออกไป หลีกทางออก ไม่มีรถแท็กซี่มาขวาง เธอจึงมองเห็นนัทธีกับมารุตที่อยู่ตรงข้าม

วารุณีก็คิดไม่ถึงว่าหลังจากเอาลูกไปไว้ที่อพาร์ทเมนท์แล้วมาประชุม จะบังเอิญเจอนัทธี ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ

แต่หลังจากแปลกใจ เธอก็จัดอารมณ์ของตัวเอง พยักหน้าให้นัทธีเล็กน้อย ถือว่าทักทายเขา

จากนั้นถือกระเป๋าไว้ไม่มองเขาอีก ก้าวขาที่ขาวและเรียวยาวออกไป ไปที่ทางเข้าอาคาร ท่าทางทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าเย็นชาอย่างมาก

คิ้วของนัทธีขมวดเล็กน้อย ในใจไม่ค่อยสบายใจ ริมฝีปากบางๆเม้มเข้าหา มองแผ่นหลังของเธอด้วยสายตาลึกซึ้ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

มารุตก็มองวารุณี แล้วลูบคางพูดว่า“ประธาน เหมือนคุณวารุณีจะจงใจห่างเหินคุณนะ คงไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณปฏิเสธเธอหรอกนะครับ เธอเลยทำแบบนี้?”

นัทธีไม่พูด ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่นขึ้น

ผ่านไปสักพัก เขาก็เอามือสอดไว้ที่กางเกง เดินไปหน้าอาคาร

มารุตก็ตามไปติดๆ

ไปถึงห้องประชุม นัทธียืนอยู่เวที สายตาที่ลึกซึ้งนั้นมองลงมา ท่ามกลางฝูงคนที่มืดมิด เตรียมหาพิกัดของวารุณีอย่างแน่แท้

วารุณีกำลังนั่งอยู่ที่มุมของแถวท้ายสุดในห้องประชุม ด้านหน้าถือสมุดโน้ต ในมือถือปากกาหนึ่งด้าม กำลังก้มลงจดแผนการใช้ผ้าในไตรมาสหน้า

จู่ๆ ผู้ชายที่ดูยังหนุ่มก็มานั่งข้างเธอ หันข้าง พูดจีบเธอด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าหล่อที่สุด“คุณผู้หญิงครับ เดี๋ยวประชุมเสร็จ ไปดื่มกาแฟด้วยกันไหมครับ?”

“ไม่ค่ะ!”คิ้วของวารุณีขมวดเข้า แววตามีความรำคาญ

ชายหนุ่มทำเหมือนไม่ได้ยิน เอามือวางไว้ที่พนักพิงเก้าอี้ด้านหลังเธอแล้วหัวเราะฮี่ฮี่“อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธสิ ผมรู้จักร้านกาแฟที่โรแมนติกมากร้านหนึ่ง แล้วก็มีการแสดงด้วย เป็นไง สนใจไหมครับ?”

วารุณีกระตุกมุมปากอย่างหมดคำพูด รำคาญเล็กน้อย เปิดกระเป๋าหยิบหูฟังมาใส่ ไม่อยากสนใจเขา แล้วเขียนของตัวเองต่อไป

อย่างไรก็ตามผู้ชายคนนี้ก็ไม่พอใจกับการกระทำของเธอมาก ยื่นมือจะดึงหูฟังเธอลง

ตอนนี้เอง มือใหญ่และเรียวยาวข้างหนึ่งก็ยื่นมา คว้าข้อมือของชายหนุ่มไว้ แล้วดึงชายหนุ่มขึ้นมาจากที่นั่ง

“คุณจะทำอะไรเธอ?”นัทธีมองผู้ชายคนนั้นเหมือนมองดูคนตาย ดวงตามีประกายความเย็นยะเยือกออกมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์อย่างเย็นชา

“ปล่อยมือ เจ็บๆๆ……”ชายหนุ่มเจ็บจนร้องออกมา จนหน้าบิดเบี้ยว

ส่วนนัทธีกลับไม่คิดจะปล่อยมือเลย ออกแรงในมือใหญ่นั้นต่อไป

การเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที ทุกคนต่างมองไป

วารุณีก็ไม่มีข้อยกเว้น เธออยู่ข้างๆ ถึงจะใส่หูฟัง ก็ได้ยินการเคลื่อนไหวข้างๆอย่างชัดเจน วินาทีที่เห็นนัทธีบิดชายหนุ่มคนนั้น เธอก็ถอดหูฟังแล้วขึ้นยืนมา

“ประธานนัทธี คุณ……”

เธอยังพูดไม่จบ นัทธีก็ถามชายคนนั้นอีก“พูดมา เมื่อกี๊คุณจะทำอะไร?”

“ผม……ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควรมายุ่งกับคุณผู้หญิงคนนี้ ขอโทษ……”ชายหนุ่มขอโทษอย่างน้ำตาไหล

เขาเดาตัวตนของนัทธีได้จากคำว่าประธานนัทธีจากปากของวารุณี แล้วในใจก็เสียใจอย่างมาก

ถ้ารู้ว่าจีบแล้วจะเอาปัญหามาให้แบบนี้ เขาคงไม่มาหรอก

วารุณีตกใจกับคำพูดของชายหนุ่ม

นัทธีโมโห เพราะว่าชายคนนี้มาจีบเธอ?

วารุณีเอามืออุดริมฝีปากไว้ มองใบหน้าด้านข้างที่เย็นชาของนัทธี ข้างในใจก็รู้สึกซับซ้อนสุดๆ

ทำไมทุกครั้งตอนที่เธอตัดสินใจจะห่างเหินจากเขา เขาก็ใช้วิธีต่างๆ ทิ้งความประทับใจด้วยการปรากฏตรงหน้าเธออีกแล้ว ทำให้ในใจที่สงบของเธอ ปั่นป่วนอีกครั้ง

กำลังคิดอยู่นั้น ชายหนุ่มก็ร้องอย่างเจ็บปวดอีกครั้ง ทำให้วารุณีได้สติคืน เขามองชายหนุ่มที่หน้าซีดขาวเรื่อยๆ และเหงื่อไหลที่ใบหน้ามากขึ้น ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ“ประธานนัทธี ปล่อยเขาเถอะ!”

ไม่ใช่ว่าเธอจิตใจดี แต่ผู้ชายคนนี้นอกจากพูดจาเอาเปรียบเธอแล้ว ก็ไม่ได้ทำอะไรเธอ

ทำให้เขาเจ็บสักหน่อย ก็พอสมควรแล้ว

นัทธีมองวารุณีอย่างนิ่งๆหลายวินาที แล้วปล่อยมือออกมาจากชายคนนั้น“ไสหัวไป!”

พอชายหนุ่มได้รับอิสระ ก็ไม่พูดอะไร รีบออกไปจากห้องประชุม แม้แต่การประชุมต่อไปก็ไม่เข้าร่วม

นัทธียื่นมือไปลูบกระเป๋า เหมือนกำลังหาอะไร

แต่เขาหาไม่เจอ ก็ขมวดคิ้วลง

แววตาวารุณีกลอกไปมา เดาอะไรได้ จึงหยิบทิชชูเปียกจากกระเป๋ายื่นไปให้

นัทธีมองทิชชูเปียกที่เธอยื่นมือ คิ้วที่ขมวดก็คลายลง ยื่นมือรับทิชชูเปียก และหยิบแผ่นหนึ่งมาเช็ดมือ

“เมื่อกี๊ต้องขอบคุณประธานนัทธี”วารุณีโค้งให้เล็กน้อย

นัทธีทิ้งทิชชูเปียกที่ใช้แล้วไว้บนโต๊ะ“ไม่เป็นไร ต่อไปเจอคนแบบนี้ ก็ไล่ไปเลยสิ”

“ฉันรู้แล้ว แต่นี่เป็นห้องประชุม ถ้าฉันทำแบบนั้น อีกฝ่ายต้องสร้างปัญหาแน่ เรื่องราวก็จะใหญ่โต และจะทิ้งความไม่ประทับใจต่อสมาคมได้ ดังนั้นฉันเลยอยากอดทนไว้ ถ้าเป็นที่อื่นล่ะก็ ฉันไม่กล้ำกลืนความเจ็บช้ำหรอกค่ะ”วารุณียิ้มบางๆ

นัทธีตอบอือ เอามือวางไว้ในกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง แล้วก้มลงนั่งลงไป

วารุณีเห็นเขานั่งตรงที่ชายหนุ่มเมื่อกี๊ ซึ่งก็คือข้างๆเธอ ริมฝีปากก็บีบเข้าเล็กน้อย แล้วก็ถือสมุดโน้ตขึ้นมา เดินออกไปจากด้านหลังเขา

นัทธีเห็นเธอจู่ๆก็ไป สายตาก็หม่นลง หรี่ตาเรียกเธอไว้“คุณจะไปไหน?”

ฝีเท้าวารุณีชะงักลง ไมได้หันกลับ ละสายตาลงตอบไปว่า“ฉันจะไปนั่งที่อื่น”

“ตรงนี้นั่งไม่ได้เหรอไง?”มือนัทธีที่ใส่ในกระเป๋ากางเกง ก็กำขึ้นมา

วารุณีกัดริมฝีปาก“ฉันกลัวว่าจะรบกวนประธานนัทธี เลยไม่นั่งตรงนี้ดีกว่า”

พูดจบ เธอก็เร่งฝีเท้า เดินไปนั่งลงแถวหน้าสองสามแถว

นัทธีมองแผ่นหลังและหลังศีรษะของเธอ ใบหน้าก็เย็นชาอย่างมาก ความเยือกเย็นแผ่ออกมาทั้งตัว ทำให้คนรอบๆ อดไม่ได้ที่จะย้ายที่นั่ง

มารุตหยิบเอกสารฉบับหนึ่งจากข้างนอกเข้ามา เห็นใบหน้าที่ดูน่ากลัวของนัทธี ก็ตะลึงเล็กน้อย“ประธาน ใครทำคุณครับ?”

นัทธีไม่พูด หยิบเอกสารในมือเขามาเปิดดู แล้วอ่าน

มารุตไม่ได้รับคำตอบ ก็ยักไหล่ขึ้นมา นั่งลงข้างเขา “ประธาน เริ่มประชุมแล้วครับ”

นัทธีผิดเอกสารลง พิงไปด้านหลัง เงยหน้ามองไปข้างหน้า

ประธานวรวีของสมาคมการออกแบบสาขาจังหวัดจันทร์ขึ้นเวที เริ่มพูดเนื้อหาของการประชุม เป็นการแข่งขันระดับนานาชาติที่สมาคมการออกแบบนานาชาติ สำนักงานใหญ่เสนอขึ้นมา มีทั้งหมดสามสิบหกประเทศเข้าร่วม

จังหวัดจันทร์ในฐานะที่เป็นจังหวัดแห่งแฟชั่นของประเทศ จะเป็นตัวแทนของประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขัน

หากได้แชมป์ของการแข่งขันนี้มา ก็สามารถนำผลงานไปแสดงที่อาณาจักรแฟชั่นพาวิลเลี่ยนได้ นั่นถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าดีไซเนอร์เสื้อผ้ากับนางแบบ จนตอนนี้ มีแค่นางแบบชั้นนำ กับเสื้อผ้าของดีไซเนอร์ชั้นนำเท่านั้นที่สามารถปรากฏที่อาณาจักรแฟชั่นพาวิลเลี่ยนได้

ตอนนี้พวกเขาก็มีโอกาสแบบนี้ แม้ว่าโอกาสจะน้อยมาก แต่ก็ได้ดึงดูความหลงใหลของทุกคน ทุกคนต่างตื่นเต้นกันออกไป

วารุณีก็เช่นกัน เธอตื่นเต้นจนมือทั้งสองข้างสั่นเล็กน้อย

จะต้องได้โควตาในการเข้าร่วมนี้ให้ได้ เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ ถึงเอาแชมป์มาไม่ได้ แต่ได้ปรากฏตัวในระดับนานาชาติก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เธอจะพลาดไปไม่ได้!

“แต่ว่าจะได้โควตาในการเข้าร่วมได้อย่างไรนะ?”สายตาวารุณีเย็นชาลง