อีกฝ่ายแบกรับหน้าที่เชื่อมสัมพันธ์มนุษย์อสูรเอาไว้ ทั้งยังต้องดูแลลูกน้องอีกสี่คน หรือพวกมันจะกำลังปฏิบัติภารกิจลับอันใดอยู่จริงๆ?

อันติงหลังเก็บรักษาความลับนี้ไว้ ไม่ยินยอมที่จะนำผลเสียมาสู่ประโยชน์ของเผ่ามนุษย์ ยังคงทุบมันสักตุ้บสองตุ้บ อันไม่ร้ายแรงถึงตายจะดีกว่า

อันเต๋อรุ่ยพอได้เห็นบุตรสาวแสดงท่าทีปกป้องออกมาเช่นนี้ ใบหน้าก็ร้อนรนจนเผือดซีด ยิ่งมั่นใจว่าบุตรสาวของมันชมชอบเจ้าเด็กนั่นไม่ผิดแน่

สวรรค์ทรงโปรด หากตบแต่งนางออกไปได้ ภรรยาสุดที่รักคงจะเลิกโทษว่าจนหูชาได้เสียที

บุตรสาวคนนี้ ไม่ต่างจากราชันมารพลิกโลกา ฉีเทียนต้าเซิ่งแห่งวังมังกรทะเลตะวันออก (ซุนหงอคง)

นอกจากมัน ในหุบเขาเพลิงราชันนี้ ต่อให้เหล่าอาวุโสหนวดเครากระพือเบิกตากว้างยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ใครก็ไม่กล้ายั่วยุรังแก แน่นอนว่าไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องการตบแต่งด้วยเช่นกัน

ในเมื่อตอนนี้นางมีใจให้ใครสักคน ดั่งที่โบราณว่าไว้ บุตรสาวก็คือผู้เป็นดวงใจของคนเป็นพ่อในภพก่อน

หรือก็คือ สายสัมพันธ์ระหว่างพ่อตากับลูกเขย ช่างซับซ้อนซ่อนเงื่อนยิ่งนัก

อันเต๋อรุ่ยเชื่อว่าตนเองเข้าใจความคิดของผู้เป็นธิดา จึงเอ่ยขึ้นมาทันควันว่า “เอาล่ะ พวกเราก็จัดการเจ้าเด็กนั่นซะ ข้าจะส่งคนไปสืบการเคลื่อนไหวของมัน ย่อมไม่มีปัญหา”

อันติงหลันเห็นว่าเรื่องราวคลี่คลาย ใจก็มองเห็นภาพที่ฉินปาเตาจะต้องนอนพังพาบอยู่บนเตียง ก็เลยเดินจากมาด้วยความสุขสมอารมณ์หมาย

เมื่อเห็นบุตรสาวจากไปแล้ว อันเต๋อรุ่ยก็กวักมือเรียกอันหยางให้เข้าหา “นำคนสักเจ็ดแปดสิบไปเฝ้าระวังประตูหายนะเอาไว้ พบเห็นซ่งเล่อผู้นั้นออกมาเมื่อใด ก่อนจะสั่งสอนมัน ให้บอกกล่าวชื่อแซ่ข้าออกไปก่อน ดูว่าประตูหายนะจะว่าอย่างไร”

“อ๋า? ” อันหยางโง่งม ลำพังมัน ต่อให้ใช้เพียงปลายเล็บ ก็สามารถบดขยี้พิสุทธิ์ไพศาลขั้นสูงสุดได้หลายสิบคนแล้ว

แต่บัดนี้ นอกจากมัน ยังจะให้พาคนไปอีกเจ็ดแปดสิบ ต่อให้อีกฝ่ายเป็นอุลตร้าแมน ก็ยังต้องถูกทุบตีจนบุบบี้ไม่เหลือสภาพ นี่ยังจะไม่เอาชีวิตอีกฝ่ายจริงๆ หรือ?

อันเต๋อรุ่ยเริ่มหัวเสีย ส่งฝ่ามือแสกกบาลอันหยางไปที “ทำไมเจ้าถึงได้คับแคบขนาดนี้ เห็นกันโต้งๆ ว่าน้องสาวเจ้าชมชอบเจ้าเด็กนั่น ที่ข้าให้เจ้าพาคนไปสั่งสอนมัน ก็เพื่อประกาศศักดาว่าข้าอนุญาตให้มันมาเป็นบุตรเขยข้า และให้มันปฏิบัติตามจารีตประเพณีอย่างเคร่งครัด”

ยามตบแต่ง ฝ่ายครอบครัวเจ้าสาวจะใช้ไม้ห่อผ้านุ่มท่อนหนึ่งทุบตีเจ้าบ่าวอย่างนุ่มนวล

คาดว่าอาจเพราะต้องการย้ำเตือนอีกฝ่ายว่า ฝ่ายครอบครัวเจ้าสาวต้องการสามีที่ทนมือทนเท้า หรือก็คือเจ้าอย่าได้คิดรังแกบุตรสาวข้าเป็นอันขาด

ที่อันเต๋อรุ่ยสั่งให้บุตรชายพาคนเจ็ดแปดสิบไปด้วย ก็เพราะเจตนาเดิมนี้เอง

บิดาย่อมต้องหวงลูกสาวเป็นธรรมดา ไหนๆ เจ้าเด็กนี่ก็จะมาเป็นบุตรเขยของตนแล้ว ฉะนั้นจำต้องกำราบให้เชื่อฟังแต่เนิ่นๆ

“นะ.. น้องข้ากำลังจะแต่งงาน? ” อันหยางรู้สึกเหลือเชื่อ แม้แต่ตัวมันเองยังตามหาคนรู้ใจไม่พบ อย่าบอกนะว่าน้องสาวหัวรุนแรงของมันผู้นี้ มีคนหมายปองนางเข้าจริง?

หรือคนผู้นั้นเหน็ดเหนื่อยกับชีวิต ไม่ก็คร้านจะอยู่ต่อ?

อันเต๋อรุ่ยยันบุตรชายของมันไปหนึ่งเท้า กลิ้งโคโล่ไปหนึ่งตลบ “ยังมัวยืนเซ่ออยู่ทำไม ยังไม่รีบพาคนไปดักรอเจ้าเด็กซ่งเล่อนั่นอีก ก่อนที่จะลงมือสั่งสอน ให้มันรับทราบความร้ายกาจของพวกเราเสียก่อน”

“อา อา” อันหยางหยิบทวนคู่ใจขึ้นมาถือ รับปากอย่างเหม่อลอย ชัดเจนว่ายังงุนงงกับสถานการณ์

แต่งงาน น้องสาวของมันกำลังจะแต่งงานหรือนี่ สวรรค์ น่าหวาดสะพรึงจริงๆ

เห็นบุตรชายยังยืนเซ่ออยู่ อันเต๋อรุ่ยก็กลัวว่าหากบุตรสาวมันตบแต่งออกไปไม่ได้ นางจะต้องก่อความวายป่วงแก่คนในหุบเขาต่อไป อันที่จริงนับว่าเป็นความบกพร่องในหน้าที่ของประมุขพรรคอย่างมัน

พยัคฆ์หลุดจากกรง กล่องเต่าหยกย่อมถูกทำลาย แล้วจะโทษว่าเป็นความผิดใครได้?

โครม! แล้วก็ยันไปอีกหนึ่งเท้า อันเต๋อรุ่ยกล่าวอย่างเดือดดาล “ข้ากะไว้แล้ว ตอนที่ตั้งชื่อให้เจ้าปีนั้น ข้าตั้งใจจะเรียกเจ้าว่าอันไคว่เพ่า (แปลว่า วิ่งเร็ว) แต่มารดาของเจ้ายืนยันว่าต้องเป็นอันหยาง แล้วดูเจ้า นอกจากชื่อจะไม่น่าฟัง ยังยืดยาดเป็นเต่าขี่หอยทากอีก”

อันหยางกุมหน้าด้วยความระทมทุกข์ “ท่านพ่อ ท่านเบาเสียงลงหน่อยเถอะ เกิดท่านแม่ได้ยินเข้า ท่านจะตกที่นั่งลำบากเสียเอง”

อันเต๋อรุ่ยได้ยินดังนั้นก็ร้อนตัวรีบมองไปรอบๆ ก่อนจะยืดอกอย่างถือดีอีกครั้ง “ล้อกันเล่น ข้าน่ะหรือจะกลัวแม่เจ้า? อีกอย่าง ตอนนี้นางกลับไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยายอยู่ อีกสิบเดือนครึ่งวันนางก็ไม่กลับมาหรอก”

“ท่านพ่อช่างปราดเปรื่องนัก! ” อันหยางลอบดูถูก มิน่าถึงได้พูดอย่างเต็มปากเต็มเสียงแบบนั้น ที่แท้พยัคฆ์ไม่อยู่ ลิงก็เลยร่าเริงนี่เอง

“ลุกขึ้นมา ข้ายังพูดไม่จบ” อันเต๋อรุ่ยสั่ง

อันหยางคลอนศีรษะ ทำท่าโง่งมปนน่ารักสืบต่อ “ท่านพ่อ ยังมีเรื่องอันใดอีกหรือ”

“หลังจากที่เจ้าสั่งสอนเจ้าเด็กนั่นเสร็จแล้ว ให้รีบไปเชิญญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเรา ยังมีบรรดาแม่สื่อแม่ชัก แล้วไปคลังสมบัติเอาสินสอดทองหมั้นออกมา บุตรสาวของข้าอันเต๋อรุ่ยไม่อาจให้ใครมาเยาะเย้ยได้”

“ขอรับ ขอรับ” เพื่อไม่ให้เจ็บตัวอีก อันหยางรับปากเสร็จก็เผ่นแน่บออกไปเหมือนมุสิกทันที

เจ้าเด็กนามซ่งเล่อผู้นั้นมันน่านัก เชิญเจ้าล้างคอรอเอาไว้ได้เลย

อันหยางเดือดแค้นเป็นกำลัง ตนเองเป็นถึงศิษย์พี่ใหญ่หุบเขาเพลิงราชัน เป็นผู้เยาว์ลำดับหนึ่งอย่างสมเกียรติ

แต่อนิจจา มันกลับถูกบิดาตบตีจนสิ้นสภาพเช่นนี้ ทั้งหมดก็เพราะเจ้าเด็กแซ่ซ่งนั่นผู้เดียว!

ฉินปาเตาอันประเสริฐ รอข้าหาเจ้าเจอก่อนเถอะ ข้าจะเอามีดเสียบเจ้าให้ครบแปดมีดตามชื่อเจ้า เพื่อเป็นการระบายโทสะในใจข้า

“รวมพล! ” อันหยางตะโกนสั่ง เพียงพริบตาศิษย์หุบเขาเพลิงราชันนับร้อยก็มารวมตัวกันที่ส่วนใน บนตัวสวมอาภรณ์สีทองอร่าม ชายเสื้อเป็นรูปพยับเมฆลอยล่อง

ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่เหมือนกัน อันหยางเพียงออกปากก็พร้อมมีศิษย์คอยรับใช้ เทียบกับฉินปาเตาอันใดนั่นยังทรงภูมิยิ่งกว่า

“ศิษย์พี่ใหญ่ มีรับสั่งใดรึ? ” มีศิษย์ชั้นพิสุทธิ์ไพศาลขั้นสูงสุดถามขึ้น

จากนั้น ศิษย์สายตรงที่ได้รับสัญญาณเสียงก็ทยอยกันปรากฏตัวขึ้น ชี้ไปทางใดก็มีแต่กลั่นดวงธาตุ พรสวรรค์สูงส่งสุดสูง

อันหยางที่เปี่ยมล้นด้วยความฮึกเหิม กระแทกปลายทวนลงกับพื้นแล้วพูดว่า “รีบระดมพลไปยังประตูหายนะโดยเร็ว ใช้ความเร็วสูงสุด”

“ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเราไปทำอะไรกันรึ หรือจะไปอาละวาดพังสถานที่? ”

เก้าในสิบส่วนของหุบเขาเพลิงราชันล้วนฝึกปรือวิชาธาตุอัคคี บุคลิกลักษณะจึงร้อนแรงดั่งไฟผลาญ นิยมการต่อสู้เป็นนิจ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลมาจากการชี้นำตลอดหลายปีของอันเต๋อรุ่ย

“เน้นคน ไม่เน้นของ ดักล้อมประตูหายนะไว้” อันหยางออกคำสั่งรวบสั้น กระชั้นให้ศิษย์ทั้งหมดเร่งมือ

ทุกคนพอได้เห็นศิษย์พี่ใหญ่เร่งร้อนปานนี้ก็รีบกระจายกำลังกันออกไป คลื่นพลังท่วมท้นประดุจเทพเซียนอมตะ มุ่งหน้าสู่ประตูหายนะ แสงสีส่องประกายวับวาบ เหมือนอุกกาบาตพุ่งผ่านเมฆาสะบั้นหิน

หลังจากที่อันหยางพาคนร่วมร้อยออกไป อาวุโสหนันกงอู่จี๋ก็เร่งรุดกลับมาถึงหุบเขาเพลิงราชัน

อาเร๊ะ ไฉนวันนี้หุบเขาเพลิงราชันถึงได้เงียบสงบปานนี้ แปลกนักเชียว

พอมาถึงภายในห้องโถงหลัก จากภายในได้ยินเสียงสายลมมรณะดังหวีดหวิว ปะปนไปกับเสียงหัวเราะที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าผู้ฝึกวิชาปีศาจ

ไอหยา หรือหุบเขาเพลิงราชันจะถูกพรรคโลหิตนภาบุกถล่ม ไม่น่าเป็นไปได้กระมัง? หนันกงอู่จี๋คิดไม่ตก ที่แท้ท่านประมุขกำลังทำเรื่องพิสดารอันใดอยู่กันแน่

หลังเคาะประตูบ่งบอกการมาถึงของมัน เสียงหัวเราะชั่วช้าจากด้านในก็ค่อยๆ ซบเซาลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงของบุรุษที่เคร่งขรึมสำรวม “เข้ามา”

หนันกงอู่จี๋รีบผลักประตูเดินเข้าไป “ท่านประมุข เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! ”

“บังเอิญจริงเชียว ข้าเองก็มีเรื่องใหญ่เหมือนกัน! ” ถึงอันติงหลันจะไร้เรื่องราวแล้ว แต่นางก็ไม่ได้เพลามือต่อหนันกงอู่จี๋เลย

คนทั้งสองปะติดปะต่อเรื่องราวของกันและกัน สรุปว่า ครั้งนี้หุบเขาเพลิงราชันจะส่งศิษย์ออกไปกำราบคลื่นสัตว์อสูร และส่งกำลังเสริมไปที่เมืองซวนอู่ให้ได้มากที่สุด ถึงอย่างไรภายในป่าปีศาจสวรรค์ก็มีบางสิ่งที่พวกมันไม่อาจมองได้ทะลุซึ้ง

ด้วยการที่มีอาวุโสใหญ่ กลั่นดวงธาตุผู้ไร้ทัดเทียมนั่งแท่นบัญชาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกวิชาปีศาจ หรือเหตุด่วนเหตุร้ายใด ก็ล้วนรับมือได้อย่างหมดห่วง

อีกอย่าง การที่สามารถผูกมิตรกับพรรคระดับนี้ได้ ย่อมไม่ส่งผลเสียใดๆ กับทางหุบเขาเพลิงราชันอยู่แล้ว

ดังนั้น อันเต๋อรุ่ยจึงถ่ายทอดคำสั่งโยกย้ายศิษย์หัวกะทิบางส่วนของหุบเขาเพลิงราชันให้ไปจับตาเมืองซวนอู่เอาไว้

อันติงหลันที่อยู่ว่างไม่มีอะไรทำ พอได้ยินว่ากำลังจะมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นที่เมืองซวนอู่ นางก็ตัดสินใจร่วมสนุกด้วย

หนันกงอู่จี๋ชูสองมือเป็นเชิงเห็นด้วย อย่างไรเสียก่อนที่อิสตรีจะตบแต่งออกไป คือช่วงเวลาที่นางจะบ้าคลั่งอย่างที่สุด ดังนั้นจึงต้องเหลือทางออกไว้ให้คนอ่อนคนเฒ่าในหุบเขาเพลิงราชันด้วย

“งั้นเจ้าก็ไปเรียกพี่ชายเจ้ามา ให้พวกเจ้าสองคนไปเฝ้าจับตาเมืองซวนอู่หน่อยก็แล้วกัน” หนันกงอู่จี๋กัดฟันกล่าว

ซ่งเล่อที่ยังพร่ำเพียรฝึกวิชาอยู่ในพรรค รวมถึงฉินจิ่วเกอที่กำลังมุ่งหน้าเดินทาง ต่างฝ่ายต่างก็เหงื่อกาฬท่วมตัว เนื้อตัวสั่นเทิ้ม

ออกจากประตูหายนะ ให้มุ่งหน้าจากเหนือ ลัดเลี้ยวสู่ออก แล้ววกลงใต้ จากนั้นเลาะมาทางตะวันตกเฉียงเหนือ ข้ามผ่านป่ารกชัฏ ข้ามผ่านแม่น้ำที่เคี้ยวคด ข้ามผ่านชะง่อนผาสูงชันสุดสายตา

เดินแล้วเดินอีก ว่ายน้ำแล้วว่ายน้ำอีก

ที่จริงล้วนเรียบง่าย ฉินจิ่วเกอค้นพบว่าตัวเองได้หลงทางอย่างน่าอัศจรรย์เป็นที่เรียบร้อย

อาวุโสใหญ่บอกกับมันว่า ศิษย์น้องรองลั่วเฉินกำลังฝึกวิชาอยู่ในเขตป่าใกล้กับที่ทำการหลักของประตูหายนะ แต่กลับไม่ได้ระบุตำแหน่งแน่ชัด หลังจากที่เดินขึ้นเหนือลงใต้มาหลายตลบ ฝีเท้าอันมั่นคงของฉินจิ่วเกอก็เริ่มที่จะสั่นคลอนขึ้นมา

อีกอย่าง ยุคสมัยนี้ไม่มีแผนที่ ศิษย์พี่ใหญ่ของเราจึงไม่อาจรุดหน้าไปไหนได้หากปราศจากอุปกรณ์ช่วยนำทาง

“น้องรอง น้องรองเจ้าอยู่หรือไม่! ” ฉินจิ่วเกอป้องปากตะโกน แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา

พื้นที่ที่มันยืนอยู่นี้ได้เลยเขตพรมแดนของเผ่ามนุษย์มาแล้ว

หากไปต่ออีกหน่อยก็จะเจอกับทะเลที่ทอดยาวไร้ขอบเขต หากไม่ใช่กลั่นดวงธาตุที่เคลื่อนย้ายข้ามมิติได้ ย่อมไม่อาจข้ามผ่านวารีสีน้ำเงินที่แผ่ไกลตรงหน้านี้ไปได้

ทะเลผืนนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออก ดังนั้นจึงได้ชื่อว่าทะเลสุดขอบบูรพา

ตามความหมายของชื่อ ทวีปฉงหลิงโอบล้อมด้วยทะเลทั้งสี่ นอกจากทะเลสุดขอบบูรพา ยังมีทะเลสุดขอบประจิม ทะเลสุดขอบทักษิณและทะเลสุดขอบอุดร

บนทะเลยังมีหมู่เกาะกระจายตัวอยู่มากมาย เครือข่ายขุมอำนาจเป็นไปอย่างสลักซับซ้อน และมีความเป็นไปได้สูงว่าที่ทำการหลักของสมาคมนักปรุงยาและสมาคมนักจัดวางค่ายกลจะตั้งอยู่ที่เขตทะเลทั้งสี่นี้เอง เมื่อออกทะเล ก็จะเป็นโลกของชนเผ่าทะเลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกมาตลอด มีความดุร้ายอย่างยิ่งยวด

ยามเดินทางในป่ารกชัฏเช่นนี้ ร่องรอยมนุษย์ยากพบพาน จะมีก็แต่เถาวัลย์ขวากหนามขึ้นยั้วเยี้ยเต็มฟากข้างเท่านั้น

ขณะลุยป่า ฉินจิ่วเกอก็บั่นศีรษะสัตว์อสูรพิสุทธิ์ไพศาลไปแล้วสองตัว นิ้วทั้งสิบจึงเต็มไปด้วยเลือด

สัตว์อสูรเหล่านี้ปนเปื้อนกลิ่นอายเปี่ยมความพยาบาทของคลื่นสัตว์อสูร จึงอัดแน่นไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังต่อสิ่งมีชีวิต

ทันทีที่เห็น ย่อมกระโจนเข้ามาหมายเอาชีวิต พละกำลังเพิ่มสูงกว่าที่แล้วมาอยู่สามเท่า

“เคี๊ยกๆ มีคนมาหรือนี่”

สุ้มเสียงเย็นชาไร้อารมณ์ดังขึ้นมาจากใต้พื้นดิน

ฉินจิ่วเกอเพิ่งกุดหัวสัตว์อสูรไปหมาดๆ เนื้อตัวจึงมีแต่กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้ง กล่าวพลางปาดเหงื่อ “อาวุโสอยู่ที่ใด ช่วยแสดงตัวหน่อยได้หรือไม่? ”

มีคนอยู่ด้วยนับว่าประเสริฐ ป่าผืนนี้อยู่ใกล้กับประตูหายนะ สัตว์อสูรชั้นกลั่นดวงธาตุใช่ว่าจะไม่มี หากมัวแต่คลำทางมั่วๆ อยู่อย่างนี้ย่อมต้องเจอดีเข้าสักทาง ฉินจิ่วเกออยากที่จะตามหาตัวศิษย์น้องรองให้พบโดยเร็วที่สุด จะได้กลับพรรคหลิงเซียวเสียที

“คลื่นสัตว์อสูรใกล้เข้ามาทุกที ไม่นึกว่าจะยังมีคนเข้ามาอีก เห็นทีข้าจะได้อิ่มท้องก็คราวนี้”

ผิวดินแตกกะเทาะขึ้นก่อน ตามมาด้วยเงาร่างสีดำดั่งภูติผีที่คืบคลานออกมา ใบหน้าของมันซีดเหลืองแห้งตอบ เบ้าตาลึกโหลอย่างน่ากลัว คล้ายเป็นหลุมดำสองหลุม ดูไม่ต่างจากภูติผีปีศาจจากขุมนรกหมื่นปี

เรือนผมสีเทาหม่นแผ่สยาย เหมือนเอาสาหร่ายมาครอบศีรษะไว้

นิ้วทั้งสิบผอมแหลม คล้ายคลึงกับหัตถ์ของปีศาจ ทุกครั้งที่มันหายใจ จะมีเสียงหวนไห้ของผู้วายชนม์ดังขึ้นนับแสนนับหมื่น

ผู้ฝึกวิชาปีศาจ! ฉินจิ่วเกอตื่นตัวทันที ไม่นึกว่าจะมีผู้ฝึกวิชาปีศาจกล้ามาโลดแล่นอยู่ใกล้กับประตูหายนะขนาดนี้!

“เทียนหมิงเสีย?” พอเห็นซากร่างเหม็นโฉ่ที่ขุดคุ้ยผิวดินออกมาอย่างเต็มตา ฉินจิ่วเกอเป็นต้องโพล่งออกมาทันควัน

คนที่ปรากฏตัวนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเทียนหมิงเสียที่เคยไล่ล่ามันในป่าปีศาจสวรรค์เมื่อครั้งกระโน้นนั่นเอง!