เมื่อเฉียนไป๋จากไป เฉียนหยุนก็เหมือนหนูที่รอดพ้นจากกรงเล็บของแมว ร่างพลันอ่อนยวบ “ท่านลุง ท่านสามารถยกคนให้ข้าได้เท่าใด ข้ากลัวว่าไม่อย่างนั้นเจ้าเด็กซ่งเล่อนั่นอาจรอดไปได้”

เฉียนตัวตัวโบกมือปัดรำคาญ “ศิษย์กลั่นดวงธาตุต่างก็เป็นพวกหัวสูง ใช่ว่าจะเชื่อฟังข้าไปเสียหมด ศิษย์สายตรงกลุ่มใหม่ที่เป็นยอดยุทธ์กลั่นดวงธาตุ ให้พวกมันติดตามเจ้าไปก็แล้วกัน”

อีกด้าน ซ่งเล่อมาส่งฉินจิ่วเกอออกนอกพรรค ชี้ทางบอกให้มันไปตามหาศิษย์น้องรอง

คนทั้งสองร่ำลากันใต้แสงสายัณห์ อำลาอาดูรสุดจะพรากจากได้

ด้วยความซาบซึ้งต่อของขวัญที่ฉินจิ่วเกอมอบให้อย่างล้นหลาม ซ่งเล่อจึงสวมแหวนวงนั้นไว้อย่างภาคภูมิ อารมณ์เบิกบานสุดขีด

ระหว่างกลับเข้าพรรค ก็ได้ยินเสียงซุบซิบพูดคุยมาตลอดรายทาง “พระเจ้า ถึงกับมีคนขโมยสมุนไพรข้างทางของพรรคเรา”

“ใครมันช่างต่ำช้าได้ขนาดนี้ แล้วพวกอาวุโสมีการเคลื่อนไหวบ้างหรือไม่? ”

“พวกท่านต่างโกรธาจนหนวดเครากระพือ ร่ำร้องว่ารู้ตัวการเมื่อใด จะบีบไข่คนผู้นั้นให้แหลกคามือไปเลย”

ซ่งเล่อที่อมยิ้มมาตลอดทางพอได้ยินดังนี้รอยยิ้มบนใบหน้าก็กลายเป็นแข็งค้าง มุมปากหดวูบ ฉับพลันก็หลั่งเหงื่อเย็นจนอาภรณ์เปียกชุ่ม

สวรรค์! มิน่าเล่าวันนี้พี่ฉินถึงได้ใจป้ำขนาด ที่แท้สมุนไพรพวกนั้นพี่ท่านเล่นขุดเอาระหว่างทางมาหาข้านี่เอง นี่ยังจะไม่ใช่หาที่ตายอีกหรือ?

ตั้งแต่รู้จักกับฉินจิ่วเกอมา ซ่งเล่อก็เริ่มหน้าหนากว่าเดิม ด้วยกิริยาอันเป็นธรรมชาติ ซ่งเล่อถอดแหวนในมือที่ตั้งใจจะใส่อวดออกทันที จากนั้นแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ซ่งเล่อ ช้าก่อน” จากด้านหลัง เสียงอาวุโสท่านหนึ่งไล่มา

ซ่งเล่อเหงื่อแตกซิก เห็นศีรษะอันแข็งทื่อมา ขาสั่นพั่บๆ “อาวุโสหยุนหลี เรียกข้าหรือ? ”

ในฐานะอาวุโสทรงอำนาจเหมือนกัน อาวุโสหยุนหลีกระทำเรื่องราวโดยชอบธรรม และถือตำแหน่งอาวุโสการเงิน มันไม่เห็นด้วยกับพฤติการณ์ของเฉียนตัวตัว ครั้งหนึ่งหยุนหลีเคยคิดที่จะเลื่อนขั้นซ่งเล่อให้เป็นศิษย์สายตรง แต่ก็ถูกเฉียนตัวตัวขัดขวางก่อน ส่วนประมุขพรรคก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

“เรื่องศิษย์สายตรงเจ้าอย่าได้นำมาใส่ใจ หลังจบเหตุอสูรบุกและเริ่มศึกมหายุทธ์แล้ว ตอนนั้นเฉียนตัวตัวคิดเล่นตุกติกล้วนไม่สามารถอีก”

ในฐานะกลั่นดวงธาตุขั้นแปด ต่อให้หยุนหลีเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาตรงๆ ทางฝั่งเฉียนตัวตัวก็ไม่กล้าพูดว่าอะไร

“ขอรับ ศิษย์ขอบคุณอาวุโสที่เมตตา”

“อื๋อ? ไฉนสีหน้าเจ้าถึงได้ย่ำแย่นักเล่า หรือระหว่างฝึกปรือเกิดปัญหาเข้า? ”

“หามิได้ขอรับ ศิษย์แค่มีไข้นิดหน่อยเท่านั้น” ขณะเอ่ยคำ ซ่งเล่อก็แอบกำจัดหลักฐานบนตัว แม้แต่สมุนไพรในนั้นก็ไม่กล้าที่จะหมกเม็ดไว้

หยุนหลีให้กำลังใจเฉียนหยุนอีกสองสามประโยค จากนั้นก็มอบศิลาวิญญาณระดับกลางให้อีกจำนวนหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “แปลกจริงๆ สมุนไพรที่ปลูกเอาไว้ในระยะหลายร้อยเมตรนี้ล้วนถูกคนขุดขโมยไปหมด เป็นเรื่องน่าตะลึงจริงๆ ”

“อ๋า? ” ซ่งเล่อแทบลงไปกองกับพื้น ไม่กล้าหายใจแรง

หยุนหลีหรี่ตาลงทันที สัญชาตญาณของนักการเงินนั้นเฉียบคมยิ่ง “หืม? ”

ทันใดนั้นซ่งเล่อก็นึกถึงฉินจิ่วเกอขึ้นมา นึกถึงความไร้ยางอายโดนแก่นกมลของมัน แล้วก็ต้องเอ่ยออกมาอย่างชอบธรรมว่า “ศิษย์เจ็บปวดใจยิ่งนัก หากจับตัวโจรร้ายนี้มาได้ ขออาวุโสเรียกศิษย์มาร่วมประชาทัณฑ์โจรผู้นี้ด้วยเถิด! ”

หลังจากที่เฉียนหยุนหารือกับลุงของมันเสร็จสิ้น มันก็เดินเรื่อยเปื่อยมาถึงเขตใน ตั้งใจจะเยาะเย้ยซ่งเล่อสักสองสามประโยค

อย่างไรเสียพอผ่านช่วงนี้ไป อีกฝ่ายก็จะเป็นแค่ซากศพไร้ชีวิตเท่านั้น

เฉียนหยุนผู้ใจกว้างมากเมตตาธรรมจึงอดรนทนไม่ไหวอยู่บ้าง

เลยต้องมาเยือนเขตใน เพื่อพบหน้าซ่งเล่อเป็นครั้งสุดท้าย

ไม่คาดยังไม่ทันพบหน้า ปลายเท้าพลันเหยียบถูกวัตถุบางอย่าง ลองเอาขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นแหวนมิติวงหนึ่ง

ทั้งไม่มีประทับโลหิตระบุความเป็นเจ้าของ แถมสมุนไพรด้านในยังมีมูลค่าเสียจนเฉียนหยุนต้องตาแดงก่ำ

เหลียวซ้ายแลขวาจนแน่ใจว่าเจ้าของแหวนไม่ได้อยู่แถวนี้ เฉียนหยุนได้ทีจึงรีบหยดเลือดประทับเป็นเจ้าของอย่างไม่รอช้า

ในใจเปี่ยมสุขเหมือนบุปผาเบ่งบาน เพิ่งออกพ้นประตูก็ส้มหล่น วันนี้ช่างโชคดียิ่งนัก

รอจนเจ้าเด็กซ่งเล่อนั่นม้วยมรณาไป ภายในพรรคยังจะมีใครหน้าไหนทำอย่างไรตนได้อีก

เฉียนหยุนยิ่งคิดก็ยิ่งมีความสุข รู้สึกว่าแหวนวงนี้ก็คือของขวัญที่สวรรค์ประทานให้แก่มัน เป็นของขวัญสนับสนุนให้มันเก็บกวาดเจ้าเด็กซ่งเล่อนั้นซะ

หลังประทับโลหิตเป็นเจ้าของเสร็จสรรพ เฉียนหยุนก็ยืดอกเงยศีรษะ ต่อให้เจ้าของแหวนตามาจนเจอ มันก็ไม่หวั่น

ดังนั้นก็เลยระเบิดหัวร่อฮาฮา ตาหยีเป็นขีดเดียว จมูกบาน สองมือยกเหนือหน้าอก ท่าทางเหมือนมุสิกอัปลักษณ์ชั่วร้ายตัวหนึ่ง

อีกด้าน หยุนหลีที่เพิ่งให้กำลังใจซ่งเล่อเสร็จบังเอิญหันมองมาทางนี้พอดี

เลยได้เห็นเฉียนหยุนที่กำลังยืนหัวเราะอยู่ข้างทาง รอยยิ้มอัปลักษณ์วอนบาทา ส่งผลให้ผู้พบเห็นต้องคลื่นเหียน

เดิมทีก็รู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่ขัดตามากพอแล้ว หยุนหลีจึงเดินดุ่มๆ เข้ามาหา ใช้มือตบเรียกสติเฉียนหยุนไปหนึ่งที “เจ้าเด็กนี่ หัวเราะอะไรของเจ้า? ”

เฉียนหยุนปาดน้ำลายอย่างสุขี กล่าวเสียงอ่อนหวาน “ศิษย์ก็แค่เป็นสุ๊ขเป็นสุข เป็นสุขจนแทบตัวลอย”

เพราะอีกฝ่ายเป็นกลั่นดวงธาตุขั้นแปดเหมือนลุงของมัน เฉียนหยุนจึงไม่กล้าทำตัวอวดดีจนเกินไป แม้อาวุโสการเงินผู้นี้จะไร้อำนาจยามเป็นเรื่องการยกระดับศิษย์สายตรง ทว่าเบี้ยหวัดรายเดือนของบรรดาอาวุโสและศิษย์ทั้งหลายล้วนกระจายออกจากคนผู้นี้ ดังนั้นไม่มีใครกล้าล่วงเกิน

“อ้อ? ” หยุนหลียกมือลูบเครา รอยยิ้มของอีกฝ่ายที่เหมือนตัวขโมยไก่นั้น บ่งบอกว่ามีบางอย่างไม่ชอบกล

กวาดตาดูเล็กน้อย พบว่าบนนิ้วของเฉียนหยุนสวมไว้ด้วยแหวนมิติระดับต่ำอันไม่สะดุดตาอยู่วงหนึ่ง

ด้วยฐานะของเฉียนหยุน รวมถึงพี่ชายและท่านลุงของมัน อีกฝ่ายไม่ควรใช้ของระดับต่ำเช่นนี้

“เอาแหวนวงนั้นมาให้ข้าดูซิ” ไม่รอให้เฉียนหยุนได้ตอบรับ หยุนหลีก็เอาแหวนที่รัดแน่นอยู่บนนิ้วอีกฝ่ายออกมาได้ง่ายๆ จากนั้นก็ใช้สัมผัสเทวะกวาดส่องเข้าไปทันที

กลั่นดวงธาตุขั้นแปด คิดลบล้างประทับที่พิสุทธิ์ไพศาลผู้หนึ่งทิ้งไว้ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้นหยุนหลีที่กำลังได้ใจจึงพบเห็นกองสมบัติดั่งภูเขาเลากาในแหวนมิติได้ในทันที

“กำแหงนัก! ”

หยุนหลีเดือดจัด ส่งฝ่ามืออรหันต์เข้าแสกหน้าเฉียนหยุนไปที “ที่แท้เป็นฝีมือเจ้า ถึงกับกล้าลักขโมยสมุนไพรของพรรค ไอ้ตัวสารเลว กล้ากลับมายังที่เกิดเหตุเพื่อสนองความวิปริตส่วนตัวเลยเชียวหรือ คิดจริงหรือว่าบิดาจะทำอย่างไรเจ้าไม่ได้? ”

เฉียนหยุนถูกพลังฝ่ามือฟาดเอาจนเห็นเดือนเห็นดาว ก่อนจะต้องยกมือกุมหน้ากล่าวตอบไปว่า “เหตุใดท่านจึงทำกับข้าเช่นนี้ ไหนจะยังใส่ร้ายข้าถึงขนาดนั้น แหวนมิติวงนี้เป็นของข้าโดยชอบธรรม! ”

“มันก็ต้องเป็นของเจ้าอยู่แล้ว! ” ท่อนแขนของอาวุโสหยุนหลีเกิดเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาแล้ว คว้าคอเจ้าเด็กสารเลวตรงหน้าจนคอเสื้อแทบขาด “หลักฐานคาตา ประทับโลหิตเด่นชัดขนาดนี้ ยังไม่รีบไปตำหนักสำเร็จโทษกับข้าอีก! ”

“ท่าน ท่านจะทำอะไร ท่าน ท่านมันเสียสติไปแล้ว” เฉียนหยุนร่ำร้อง เรียกสายตาจากฝูงชนรอบด้าน

“เลิกพล่ามไร้สาระเสียที อย่าคิดว่าเพราะมีลุงเจ้าคอยหนุนหลัง เจ้าเลยจะทำอย่างไรก็ได้ ข้าบอกเจ้าไว้เลย ข้าไม่สน เรื่องในวันนี้ ต่อให้เฉียนตัวตัวมาเองก็เปล่าประโยชน์! ”

ซ่งเล่อรีบซ่อนยิ้ม ฮ่าฮ่า ของโจรที่มันทิ้ง ไม่นึกว่าเจ้าหมอนี่จะเผอิญเก็บได้ สวรรค์ลงทัณฑ์เจ้าแล้ว

ดูเหมือนว่าพี่ฉินจะถูกสาปมาแต่กำเนิด มีดวงปีศาจกุมลักขณา ตนเองหลังจากนี้เมื่อพบพานมันคงต้องระมัดระวังให้มากไว้ มันมองดูเฉียนหยุนถูกลากไปยังตึกลงทัณฑ์ ต่อให้ไม่ตายก็เนื้อลอก

พบเจอฉินจิ่วเกอ ต้องเคารพและออกห่าง ป้องกันถูกขบกัด

ซ่งเล่อเดินหลีกห่างออกมาเหมือนคนอื่นๆ หยา ตนเองไฉนมาอยู่ที่นี้ มิใช่สมควรฝึกตนอยู่บนเขาหรือ?

เมื่อกลับสู่ยอดเขาที่ตนเองพำนัก คนค่อยหวนนึกขึ้นมาได้ ห้องหับของมันที่จริงถูกฉินจิ่วเกอเผาไหม้ไปหมดแล้ว

ตอนนี้ แม้แต่ขี้เถ้าก็กลายเป็นเย็นเยียบแล้ว

อาทิตย์อุทัยขอบฟ้า คนใจสลายริมหน้าผา!

ที่หุบเขาเพลิงราชัน หนันกงอู่จี๋ยังไม่กลับมา ประมุขหุบเขาเพลิงราชันคนปัจจุบันกำลังสะสางภารกิจพรรค

ภายในตำหนักใหญ่ อันติงหลันมองดูพี่ชายอย่างไม่พอใจ ดวงตาน้อยๆ เบิกถลึงกว้างจนอันหยางต้องรู้สึกผิด ขยับทวนทองไปมาไม่กล้ากล่าวอะไร

ประมุขหุบเขาเพลิงราชันสีหน้าอับจนปัญญานั่งบนบัลลังก์หยก ตามหลักการแล้ว เด็กหญิงติงหลันนี้มิใช่ไม่มีอันใด

แต่ใครๆ ล้วนล่วงรู้ ประมุขหุบเขาเพลิงราชันท่านนี้เป็นโรคกลัวเมียขั้นสุด ทั้งธิดามันคนนี้ก็เป็นแก้วตาดวงใจของมารดา

จากมุมนี้ สมควรด่าทออันหยางตามน้ำไปก่อน น่าจะปลอดภัยกว่า ไม่เกิดกลียุคขึ้นในบ้านเมือง

บุตรสาวของมันสร้างความขัดแย้งได้ง่ายดาย ประมุขหุบเขาเพลิงราชันสงบจิตทอดถอนใจ สมควรวางแผนครอบครัวไว้จึงจะดีกว่าจริงๆ ด้วย ปีนั้นน่าจะเอาฝาแฝดมาซะก็แล้ว

อันเต๋อรุ่ยตบเก้าอี้ ประกายตาดั่งพยัคฆ์มองดูอันหยาง แผ่บารมีแห่งบิดา สร้างความแตกตื่นแก่อันหยางจนคอย่น

“เจ้าว่ามา เจ้าเป็นพี่ชาย ไฉนไม่รู้จักยอมๆ น้องสาวบ้าง? ให้เจ้าไปหาคน เศษขยะ คนก็หาไม่เจอ เป็นกลั่นดวงธาตุแล้วทำไม ไร้ประโยชน์”

“ใช่แล้วใช่แล้ว” อันติงหลันยืนอยู่ทางด้านข้าง สองมือทำท่าเหมือนเชียร์มวย ส่งเสริมบิดาด่าทอพี่ชาย

อันเต๋อรุ่ยลูบหน้าผาก เด็กหญิงนี้เหมือนมารดามันไม่ผิดเพี้ยน ไม่มีเหตุผล ต่อไปจะแต่งออกได้อย่างไร น่าปวดหัวจริง

อันหยางไม่พอใจ “นี่ไม่อาจโทษว่าข้า เจ้าเด็กนั่นเดี๋ยวๆ ก็เรียกว่าซ่งเล่อ เดี๋ยวๆ ก็เรียกฉินปาเตา เมืองอวี่เอกใหญ่โตปานไหน ข้ายังไล่ตามไปถึงเมืองเทียนเอินด้วยซ้ำ แทบเกือบถูกผู้ฝึกวิชาปีศาจฆ่าตาย!”

“ผู้ฝึกวิชาปีศาจพวกนั้นมันเกินไปแล้ว ข้าจะเรียกอาวุโสพวกเรามาสะสาง” เมื่อเอ่ยถึงผู้ฝึกวิชาปีศาจอันเต๋อรุ่ยเองก็ไม่มีความรู้สึกที่ดี ฐานะของพวกมันไม่ต่างจากเผ่าอสูรรังเกียจเผ่าพิสดารสักเท่าไหร่

“ใช่แล้ว ข้าเรียกคนไปยังประตูหายนะ ยืนยันว่าศิษย์ฝ่ายใน ชื่อว่าซ่งเล่อจริง”

อันเต๋อรุ่ยกล่าวออกมาอีก หากมันไม่ช่วยเหลือบุตรสาวจัดการเรื่องราวเหล่านี้ ย่อมต้องบังเกิดความไม่สงบสุขขึ้นในห้องนอน และแน่นอนว่าจะติดตามมาด้วยอันตรายตลอดทั่วทั้งเบื้องสูงเบื้องต่ำในหุบเขา นั่นไม่ดีแน่

นอกจากนี้ ตนเองเป็นถึงทรราชแซ่อัน แม้แต่ตาเฒ่าประตูหายนะยังต้องไว้หน้าสามส่วน ไหนเลยจะปล่อยให้คนล่วงเกินได้ เมื่อมีคนกล้ารังแกบุตรสาวมัน หากไม่จัดการ จะให้มันแบกหน้าออกไปพบพานคนได้อย่างไร?

“มันนั่นแหละ ไม่ผิดแน่” อันติงหลันได้ดูป้ายประจำตัวของฉินจิ่วเกอแล้ว เป็นศิษย์ประตูหายนะจริง

อันหยางกระแทกทวน มือเท้าเอวข้างหนึ่ง “ได้ น้องสาว ข้าจะช่วยเจ้าจัดการมัน จะแทงมันให้เป็นรูพรุนสักแปดสิบรู”

“ช้าก่อน” อันติงหลันรั้งพี่ชาย “ไม่ต้องหนักหนาถึงปานนั้น”

“ทำไม?” อันหยางงุนงง กลอกตากล่าวถาม

อันติงหลันขยุ้มชายเสื้อ หวนนึกถึงวันนั้นที่ฉินจิ่วเกอออกมาปักผ้าผ่อน สีหน้าน่าอับอาย ตนเองก็ถูกมันทำให้แตกตื่นจนแตกพ่ายไม่เป็นกระบวน อัปยศยิ่ง

อันเต๋อรุ่ยคืออาวุโสแห่งหุบเขาเพลิงราชัน ทั้งยังไม่ใช่แค่แก่กะโหลกกะลา

ยามบุตรสาวเอ่ยถึงเจ้าเด็กซ่งเล่อนั่น ที่จริงเจือเส้นสายความเอียงอายอยู่บางเบา

ในฐานะผู้ผ่านโลกมาก่อน อันเต๋อรุ่ยคล้ายบังเกิดความเข้าใจขึ้นมาบ้าง หรือว่าบุตรสาวของมันคนนี้คงได้แต่งออกแน่แล้ว?

อันเต๋อรุ่ยสะกดมุมปากไว้ ในใจโล่งขึ้น “เช่นนั้น อันหยาง เจ้าก็ไม่ต้องรีบร้อน ติงหลัน เจ้าคิดสะสางกับเด็กน้อยนั่นอย่างไร ต้องการให้พ่อเชือดมันเป็นแปดส่วนหรือไม่”

“ไม่ต้อง ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นนั้น ท่านช่วยข้าทุบตีมันสักรอบหนึ่งก็พอ” อันติงหลันเองก็ไม่คิดเล่นงานเด็กน้อยปักบุปผาจนถึงแก่ชีวิต ที่จริงในใจยังคงมีเงาประทับอยู่บ้าง