บทที่ 197 คุณหมอ...เบาๆ หน่อย!

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 197 คุณหมอ…เบาๆ หน่อย!

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีหญิงสาวอายุราวๆ สามสิบปี หน้าตาสะสวย สวมชุดผู้ป่วยเดินเข้ามา พอเห็นซ่งเจี๋ย เธอก็ค่อยๆ คลี่ยิ้ม “หมอซ่ง วันนี้ก็…เบาๆ หน่อยนะคะ มันเจ็บน่ะค่ะ”

ซ่งเจี๋ยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพยักหน้า “ไม่ใช่ว่าหมอมือหนักไปหรอก แต่ถ้าคุณไม่ขูดเนื้อที่ตายออก เนื้อเยื่อใหม่ก็จะฟื้นตัวได้ช้ามาก ยังไงคุณก็อยู่ในแผนกของเรานานไม่ได้หรอกนะ…เพราะการติดเชื้อในระยะยาวอาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ง่าย”

เฉียนโหรวถอนหายใจ เธอไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเป็นโรคนี้

“อีกนานไหมคะกว่าจะหาย”

ซ่งเจี๋ยพูดต่อ “คุณเพิ่งจะขูดฝีออกไป อาจต้องใช้เวลารักษาสักระยะหนึ่ง ช่วงนี้การล้างแผลอย่างถูกวิธีจะช่วยทำให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น”

ซ่งเจี๋ยพูดจบ หญิงสาวก็หยิบผ้าขนหนูที่เตรียมมาขึ้นปูบนเตียงแล้วถอดกางเกงออก นอนตะแคงซ้าย ไป๋เยี่ยสังเกตเห็นว่าผิวบริเวณทวารหนักของเธอนั้นเต็มไปด้วยผ้าก๊อซ

คงเป็นเพราะเธอเพิ่งจะผ่าฝีและขูดหนองออกไป

ซ่งเจี๋ยชี้ไปที่แผลให้ไป๋เยี่ยดู “นี่คือฝีบริเวณรอบทวารหนัก คุณรู้ไหมว่าฝีรอบทวารหนักแตกต่างจากฝีคัณฑสูตรยังไง”

ไป๋เยี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฝีบริเวณรอบทวารหนักเกิดจากการติดเชื้อเฉียบพลันที่ในเนื้อเยื่ออ่อนหรือพื้นที่รอบๆ ทวารหนักครับ ส่วนฝีคัณฑสูตรมักจะเกิดขึ้นหลังจากที่ทำการผ่าฝีออก ฝีบริเวณรอบทวารหนักจะเป็นการอักเสบแบบเฉียบพลัน ในขณะที่ฝีคัณฑสูตรเป็นอาการเรื้อรังครับ”

ซ่งเจี๋ยหยุดมือลง “ใช้ได้นี่ แล้วแผลแบบนี้ล่ะ เป็นไงบ้าง”

พูดจบซ่งเจี๋ยก็แกะผ้าก๊อซออก เผยให้เห็นบาดแผลที่เกิดจากฝี

ไป๋เยี่ยขมวดคิ้วและจ้องมองแผลอย่างระมัดระวัง “ผมทำได้ไหม”

ซ่งเจี๋ยมองไป๋เยี่ยที่กำลังสวมถุงมืออยู่ “อืม เอาสิ ทำเลย”

พูดจบเขาก็ยื่นแหนบให้ไป๋เยี่ยก่อนจะพูดต่อ “นั่งลงสิ ผมจะดูคุณทำ”

ไป๋เยี่ยพยักหน้าโดยไม่ตื่นตระหนก เขาหยิบแหนบขึ้นมาคีบสำลีที่ผ่านการฆ่าเชื้อ หลังจากฆ่าเชื้อบริเวณผิวหนังรอบทวารหนักแล้วก็ใช้มือซ้ายถ่างบั้นท้ายออก ไป๋เยี่ยมองดูแผลบริเวณทวารหนักที่ปรากฎขึ้นตรงหน้า

“นี่คือแผลหลังผ่าตัดสามถึงสี่วันใช่ไหมครับ ดูเหมือนจะระบายหนองออกหมดแล้ว และก็เริ่มมีเนื้อเยื่อใหม่เกิดขึ้น ขั้นแรกเราจะต้องขูดเนื้อเยื่อพวกนี้ออกก่อน เราจะไม่ใช้ผ้าก๊อซในการระบายหนองแล้ว แต่จะใช้วิธีรัดหนังยางแทน ทำให้การระบายหนองง่ายขึ้นและป้องกันไม่ให้ต้องเกิดการผ่าตัดซ้ำสอง”

ซ่งเจี๋ยตกตะลึงกับไป๋เยี่ยมาก เพราะสิ่งที่ไป๋เยี่ยพูดนั้นเหมือนกับการวิเคราะห์ของซ่งเจี๋ยทุกประการ นี่เป็นแผลหลังการผ่ตัดราวๆ สามวันครึ่งจริงๆ ทันทีที่เห็นแผลของหญิงสาวคนนั้น เขาก็วางแผนการรักษาไม่ให้ต้องผ่าตัดอีกครั้ง “คุณเคยทำงานในแผนกนี้มาก่อนไหมเนี่ย”

ไป๋เยี่ยพยักหน้า “ผมฝึกงานในแผนกทวารหนักมาสักพักแล้วครับ เคยผ่าตัดด้วย แล้วก็เคยต้องล้างแผลกับอาจารย์อยู่บ่อยๆ ครับ”

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเหตุผลเดียวที่เขาพูดได้

ซ่งเจี๋ยพูดต่อ “เอาละ งั้นมาเริ่มกันเลย ผมจะช่วยคุณอยู่ข้างๆ แล้วกันนะ”

ไป๋เยี่ยพยักหน้า เขาไม่มีท่าทีถ่อมตัวเลย เพราะแม้ว่าจะอยู่ในห้องตรวจ แต่ถ้าคุณมีท่าทีไม่มั่นใจ ความไว้วางใจที่ผู้ป่วยมีให้คุณก็จะลดลงด้วย ดังนั้นก็ควรจะลงมือทำโดยไม่บ่ายเบี่ยง

เฉียนโหรวถึงกับสะดุ้งโหยงจึงเอ่ยขึ้นมาช้าๆ “ให้หมอซ่งทำดีกว่านะ…ฉันกลัวเจ็บ…”

ไป๋เยี่ยยิ้มบางๆ “ไม่ต้องกลัวครับ ผมมือเบามาก เอาละ แอ่นก้นมาทางผมหน่อยครับ”

เฉียนโหรวถอนหายใจพลางกัดฟันแน่น ก่อนจะแอ่นบั้นท้ายไปทางไป๋เยี่ย

ไป๋เยี่ยหันไปพูดกับซ่งเจี๋ย “อาจารย์ซ่ง ผมขอโซเดียมคลอไรด์ 0.9 หน่อยครับ”

ซ่งเจี๋ยยิ้มก่อนจะยื่นไซริงค์ที่เตรียมไว้ให้ไป๋เยี่ยและมองเขาด้วยความสนใจ ไป๋เยี่ยดูไม่ตื่นสนามเลย แถมยังมีเทคนิคที่ดีและท่าทางที่มั่นใจมาก

ไป๋เยี่ยหยิบไซริงค์ขึ้นมาล้างแผลบริเวรณทวาร “มันอาจจะเจ็บหน่อยนะครับ ทนนิดหนึ่งนะ”

เฉียนโหรวพยักหน้า เธอเองก็พอรู้สภาพของตนเองดีเหมือนกันจึงถามขึ้นเบาๆ “คุณจะขูดหนองออกเหรอ”

ไป๋เยี่ยเงียบ เขาหยิบมีดขึ้นมาขูดเนื้อที่ตายออก จากนั้นก็ซับเนื้อเยื่อนั้นด้วยผ้าก๊อซ ตามด้วยล้างน้ำเกลือ เขามองเนื้อเยื่อเกิดใหม่ก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ “คุณอายุยังน้อย ฟื้นตัวได้เร็วแน่ครับ”

เฉียนโหรวกัดฟันด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “เร็วเข้า…ฉันรอนานแล้วนะ”艾琳小說

ไป๋เยี่ยตอบ “เสร็จแล้วครับ”

เฉียนโหรวตะลึง “หา เสร็จแล้วเหรอคะ ทำไมฉันไม่เจ็บเลย”

ไป๋เยี่ยปั้นหน้าเครียด “คุณกังวลเกินไปครับ”

พูดจบไป๋เยี่ยก็หันไปทางซ่งเจี๋ย “อาจารย์ซ่ง อาจารย์จะรัดหนังยางเอง หรือจะให้ผมทำครับ”

ซ่งเจี๋ยเห็นว่าวิธีขูดเนื้อตายและหนองของไป๋เยี่ยเบามือมากก็พลันสงสัยไปด้วย เพราะการจะทำได้เช่นนั้นต้องอาศัยการฝึกเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการแตะเนื้อเยื่อบริเวณทวารหนักที่อย่างน้อยๆ ต้องคอยมีแพทย์อาวุโสดูอยู่ด้วย

ซ่งเจี๋ยได้ยินดังนั้นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกมา “คุณทำเลย เดี๋ยวผมไปเอาเข็มกับด้ายมาให้”

ไป๋เยี่ยพยักหน้าก่อนจะพูดกับเฉียนโหรว “ช่วงนี้ก็ระวังด้วยนะครับ ผมจะรัดหนังยางให้คุณ มันอาจจะเจ็บนิดหน่อย แต่มันจะช่วยทำให้คุณฟื้นตัวได้เร็วขึ้นด้วยนะครับ…”

เฉียนโหรวมีท่าทีกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อเธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกรอบๆ บาดแผล เธอก็ค่อยวางใจได้หน่อย ทั้งยังมั่นใจมากขึ้นเมื่อเห็นความร่วมมือของทั้งสองคน

“ขอบคุณค่ะคุณหมอ รบกวนด้วย คุณเป็นหมอใหม่เหรอคะ” เฉียนโหรวไม่กังวลอีกต่อไป จึงถามขึ้นอย่างสบายๆ

ไป๋เยี่ยพึมพำรับและไม่พูดอะไรต่อ ไม่นานนัก ซ่งเจี๋ยก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับเข็มและด้าย หลังจากที่ร้อยด้ายแล้วเขาก็ยื่นให้ไป๋เยี่ย

ไป๋เยี่ยรับด้ายมาและพูดเบาๆ “ผ่อนคลายนะครับ ไม่ต้องกลัว”

พูดจบไป๋เยี่ยก็สอดเข็มผ่านทางช่องเปิดด้านนอกของทวารเข้าไปในช่องด้านใน จากนั้นก็ค่อย ๆ สอดนิ้วของเขาเข้าไปในคลองทวาร เขาดึงส่วนหน้าของเข็มด้วยมือขวา จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้ซ้ายคล้องหนังยางไว้และดึงเข็มออกไป…

เฉียนโหรวลุกขึ้นยืนและหันกลับมามองนิ้วเรียวยาวของไป๋เยี่ยที่สวมหน้ากากอนามัยไว้อย่างอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “ขอบคุณนะคะ”

จากนั้นเธอก็เก็บผ้าเช็ดตัวออกและเดินขาถ่างออกไปอย่างระมัดระวัง

หลังจากที่เฉียนโหรวออกไป ซ่งเจี๋ยก็ไม่ได้เรียกผู้ป่วยคนถัดไปเข้ามาทันที เขาได้แต่จ้องมองไป๋เยี่ยและถามขึ้นอย่างสงสัย “คุณถนัดเรื่องนี้เหรอ”

ไป๋เยี่ยตอบ “จริงๆ แล้วผมอยากต่อเฉพาะทางสาขาทวารหนักน่ะครับ ระหว่างฝึกงานเลยอยู่ที่วอร์ดทวารหนักนานหน่อย เลยได้ตามไปดูหมอล้างแผลกับผ่าตัดอยู่บ่อยๆ ครับ”

ซ่งเจี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ถึงอย่างนั้นฝีมือของไป๋เยี่ยก็อยู่ในระดับสูงอยู่ดี เมื่อพิจารณาจากมุมมองของศัลยแพทย์แล้ว แค่ดูจากการล้างแผลก็รู้แล้วว่าเขามีฝีมือมากแค่ไหน จะบอกว่าเขาอยู่ระดับเดียวกับแพทย์อาวุโสก็คงไม่เกินจริงเลย

ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่เทคนิคการขูดหนองของไป๋เยี่ยยังดีกว่าของตนเองเลย!

นี่คือสิ่งที่ซ่งเจี๋ยคิด อย่างน้อยเขาก็คิดว่าสาเหตุที่เฉียนโหรวกังวลนั้นคงมาจากการที่เธอไม่รู้สึกเจ็บเลยมากกว่า…

ซ่งเจี๋ยคิดแล้วก็พยักหน้าลง “เช้านี้ผมจะให้คุณเป็นคนล้างแผลแล้วกันนะ”

เขากำลังจะบอกไป๋เยี่ยว่าอย่ากังวล แต่กลับพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น ภาพตอนไป๋เยี่ยล้างแผลเมื่อครู่แวบเข้ามาในหัวของเขา ทำให้เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ

เขากังวลอยู่หรือเปล่านะ หรือเขาจะรนอยู่

ซ่งเจี๋ยคิดวนไปวนมา แต่ดูเหมือนว่าคนที่ร้อนรนจะเป็นตัวเขาเองเสียมากกว่า…