บทที่ 196 เข้าแผนก

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 196 เข้าแผนก

ไป๋เยี่ยจะมีเวลาเข้าเวรกับอาจารย์สัปดาห์ละหนึ่งวัน ซึ่งหลิวป๋อหลี่จะมีเวลาว่างแค่วันพุธทั้งวัน เช้าวันศุกร์ และเช้าวันอาทิตย์เท่านั้น

ไป๋เยี่ยจึงทำได้เพียงจัดเวลาเข้าเวรวอร์ดผู้ป่วยนอกตอนเช้าวันอาทิตย์เท่านั้น ส่วนวันธรรมดาก็จะเข้าไปทำงานในวอร์ดแทน

วันเริ่มฝึกงานคือวันที่ยี่สิบ กันยายน ช่วงนี้ไป๋เยี่ยจึงใช้เวลาไปกับการติดตามดูงานกับหลิวป๋อหลี่และอ่านหนังสือเสียส่วนใหญ่

แม้ว่าเขาจะสังกัดอยู่ในแผนกโรคประสาทและสมอง แต่เขาจะได้กลับเข้ามาเรียนในแผนกของตนเองแค่ตอนปีสามปีเดียวเท่านั้น ส่วนอีกสองปีเขาจะต้องเวียนไปฝึกงานตามแผนกต่างๆ

ในหนึ่งวัน คุณจะเรียนรู้ได้มากน้อยเท่าใดย่อมขึ้นอยู่กับตัวเอง และผู้ป่วยทุกคนก็คือโอกาสที่คุณจะได้เรียนรู้นั่นเอง

ช่วงนี้ไป๋เยี่ยเอาแต่อ่านหนังสือโรคประสาทและสมอง ถ้าจะบอกว่าวิชาระบบประสาทเป็นวิชาสำหรับพวกเด็กเนิร์ดก็ไม่เกินจริงสักนิด

เนื่องจากเป็นหนึ่งในวิชาที่ยากที่สุด มีความรู้ที่ต้องเรียนรู้มาก และต้องจำให้ได้ว่าเส้นประสาทแต่ละเส้นควบคุมส่วนใดบ้าง

หลังจากที่ใช้แคปซูลเพิ่มความจำไปสิบแคปซูล ในที่สุดไป๋เยี่ยก็อ่านหนังสือโรคประสาทจบเสียที

บวกกับการที่ไป๋เยี่ยได้ตามไปศึกษาดูงานกับอาจารย์และไปเข้าเวรวอร์ดผู้ป่วยนอกแล้ว ทำให้ทักษะระบบประสาทของไป๋เยี่ยเพิ่มขึ้นถึงเลเวลสอง 2018/3000 ด้วย

วันที่ยี่สิบ กันยายน ไป๋เยี่ยและเหอเสี่ยวหมิงไปที่แผนกทวารหนักด้วยกัน

เนื่องจากที่นี่เป็นโรงพยาบาลที่มีการผสมผสานศาสตร์การแพทย์แผนจีนเข้ากับแผนปัจจุบัน แผนกทวารหนักของโรงพยาบาลผู่เจ๋อจึงมีการเตรียมพร้อมเป็นพิเศษ ภายในแผนกมีเตียงผู้ป่วยถึงหกสิบเตียง

อันที่จริงการแพทย์แผนจีนมีวิธีการรักษาโรคทางทวารหนักที่ดีมาก แน่นอน เพราะบางคนก็มักจะบอกว่าคงไม่มีแพทย์แผนปัจจุบันคนไหนอยากใช้ยาตรงทวารหนักหรอก

ความจริงก็เป็นเช่นนั้น การแพทย์แผนปัจจุบันมองว่าแผนกทวารหนักไม่ใช่แผนกที่สำคัญนัก เพราะว่าในปัจจุบันก็มีแผนกศัลยกรรมมากมายหลายแขนงเกินไปแล้ว เช่น แผนกศัลยกรรมตับและท่อน้ำดี แผนกศัลยกรรมทรวงอก แผนกศัลยกรรมระบบประสาท ต่อให้จะบอกว่าเป็นแผนกทวารหนักก็ต้องมีการผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยอยู่ดี

หลังจากเข้าเรียนในตอนเช้าเสร็จแล้ว ก็มีแพทย์สองคนคอยรับหน้าที่ดูแลไป๋เยี่ยและเหอเสี่ยวหมิง ซึ่งอาจารย์แพทย์ของไป๋เยี่ยก็คือรองหัวหน้าแพทย์ ‘ซ่งเจี๋ย’

ซ่งเจี๋ยมองไป๋เยี่ยด้วยรอยยิ้ม “ผอ.หลิวมีคำสั่งมายังแผนกของเราว่าการฝึกของคุณจะแตกต่างจากคนอื่นๆ เพราะฉะนั้นคุณก็พยายามเข้าล่ะ”

ไป๋เยี่ยรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที “อาจารย์ซ่งครับ อาจารย์ของผมบอกมาว่าอะไรเหรอครับ”

ซ่งเจี๋ยหัวเราะเบาๆ “ผอ.หลิวขอให้เราปฏิบัติต่อคุณเหมือนแพทย์ที่ประจำการที่นี่ ไม่ใช่นักศึกษาแพทย์น่ะ พอออกจากแผนกไป คุณจะต้องเป็นคนดูแลผู้ป่วยด้วยตนเอง จากนั้นผอ.ก็จะเข้ามาประเมินคุณด้วยตนเอง”

[ติ๊ง! ภารกิจการฝึกอบรมของแผนกทวารหนัก ล้างแผล 50 ครั้งด้วยตนเอง ได้รับชุดอุปกรณ์ล้างแผลพิเศษ]

[ติ๊ง! ภารกิจฝึกอบรมของแผนกทวารหนัก ติดตามดูการผ่าตัด 20 ครั้ง ได้รับชุดศัลยกรรมพิเศษ]

[ติ๊ง! ภารกิจฝึกอบรมของแผนกทวารหนัก ก่อนสิ้นสุดการฝึกในแผนกทวารหนัก จะต้องผ่าตัดให้เสร็จสิ้นหนึ่งครั้ง โดยจะประเมินคะแนนตามผลการผ่าตัด และได้รับโอกาสจับรางวัล 1 ครั้ง]

เสียงติ๊งดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำเอาไป๋เยี่ยผงะไปครู่หนึ่ง เพราะเขาเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับภารกิจเยอะขนาดนี้

ซ่งเจี๋ยมองไป๋เยี่ยที่งุนงงก่อนจะยิ้มออกมา “ไม่ต้องเครียด ช่วงนี้ก็ตามผมมาก่อน แล้วก็ตั้งใจศึกษาซะ นี่ไม่ใช่การสอบเข้าป.โทซะหน่อย ก็แค่บททดสอบจากผมเอง”

ซ่งเจี๋ยหันกลับมา “แล้วคุณรู้จักแผนกทวารหนักมากแค่ไหนล่ะ”

ไป๋เยี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก่อนมาที่นี่ ผมอ่านหนังสือมาพอสมควรครับ เลยพอจะรู้จักแผนกนี้มาบ้าง”

ซ่งเจี๋ยได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ดีแล้ว ไปล้างแผลกันเถอะ”

พูดจบเขาก็เดินไปที่ห้องตรวจทันที “ปกติเราจะล้างแผลให้ผู้ป่วยในตอนเช้า จากนั้นค่อยตรวจอีกที ผู้ป่วยในแผนกของเราส่วนใหญ่มักจะเป็นโรคริดสีดวงทวาร ฝีคัณฑสูตร ฝีบริเวณทวารหนัก และแผลปริบริเวณทวารหนัก แต่บางครั้งก็มีเคสที่ร้ายแรงกว่านั้นอย่างมะเร็งทวารหนักด้วย”

“เราจะล้างแผลให้ผู้ป่วยทุกวัน แต่หลังจากออกจากโรง’ บาลแล้วก็ไม่ต้องล้างแผลทุกวันก็ได้ วันนี้คุณเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ก็มาช่วยผมก่อนแล้วกันนะ สัปดาห์หน้าคุณค่อยลองลงมือทำเอง จริงๆ มันก็ไม่ยากหรอก แต่คุณเพิ่งมาที่นี่ วันนี้ก็เน้นทำอะไรที่ปลอดเชื้อไปก่อนแล้วกันนะ”

การล้างแผลในตอนเช้าถือเป็นกิจวัตรอย่างหนึ่ง ซึ่งผู้ป่วยแต่ละคนก็เตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี หลังจากที่ซ่งเจี๋ยทักทายผู้ป่วยแล้ว เขาก็ตรงเข้าไปในห้องตรวจและขอให้ไป๋เยี่ยปิดประตู

เขาหยิบชุดล้างแผลออกมาจากตู้พร้อมหันไปทางไป๋เยี่ย “จำไว้ว่าก่อนที่จะใช้ชุดล้างแผล คุณควรดูวันหมดอายุก่อน ยาพวกนี้ก็มีวันหมดอายุเหมือนกับอาหารนั่นแหละ…ด้านนอกคือบริเวณที่ไม่ปลอดเชื้อ คุณจะใช้มือสัมผัสด้านนอกได้เท่านั้น ส่วนด้านในจะเป็นบริเวณปลอดเชื้อ ห้ามใช้มือสัมผัสโดยตรงเด็ดขาด แต่สัมผัสผ่านถุงมือได้ หยิบผ้าก๊อซมาให้ผมที เราจะไปล้างแผลให้ผู้ป่วยกัน”艾琳小說

ไป๋เยี่ยฟังซ่งเจี๋ยอย่างตั้งใจและจดจำไว้ แม้ว่าทักษะแผนกทวารหนักของเขาจะอยู่ที่เลเวลสาม แต่เขาก็ยังต้องฟังคำสอนของอาจารย์แพทย์อยู่ เพราะแพทย์แต่ละคนก็มีประสบการณ์ในวอร์ดที่ต่างกันไป

ตอนนี้ซ่งเจี๋ยมีผู้ป่วยสิบคน เป็นริดสีดวงทวารเจ็ดคน ฝีคัณฑสูตรสองคน และอีกคนเป็นฝีบริเวณทวารหนัก

ซึ่งทุกคนต้องได้รับการล้างแผลหลังผ่าตัด

ซ่งเจี๋ยใช้โอกาสนี้อธิบายให้ไป๋เยี่ยฟัง “ริดสีดวงทวารเป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดในแผนกของเรา แบ่งออกเป็นริดสีดวงทวารภายในและริดสีดวงทวารภายนอก ความแตกต่างไม่ใช่แค่ภายในหรือภายนอกเท่านั้น ตรงนี้จะมีเส้นประสาทอยู่ ถ้าเกิดเหนือเส้นประสาทจะเรียกว่าริดสีดวงทวารภายใน แต่ถ้าเกิดใต้เส้นประสาทจะเรียกว่าริดสีดวงทวารภายนอก”

“ริดสีดวงทวารไม่ใช่ติ่งเนื้อ แต่เป็นเส้นเลือดขอด เหนือเส้นประสาทจะมีเยื่อเมือกของทวารหนักและด้านล่างเป็นผิวทวารหนัก เยื่อเมือกของทวารหนักจะกดเส้นประสาททำให้เกิดความรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ ส่วนผิวหนังด้านล่างเต็มไปด้วยเส้นประสาท ซึ่งจะกระตุ้นความรู้สึกต่างๆ ได้มากกว่า…”

ไป๋เยี่ยตกตะลึง…ใช่แล้ว เมื่อมองดูระบบประสาทตรงหน้าจะพบว่า บริเวณทวารหนักนั้นได้รับกระแสประสาทจากเส้นประสาท…ซึ่งเส้นประสาทบริเวณนั้นจะส่งความรู้สึกได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

จากนั้น…จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็นึกถึงหนังจากแถบยุโรป อเมริกา และประเทศที่เป็นเกาะ…ที่แท้ทั้งหมดนั่นก็เป็นเรื่องโกหกนี่นา จริงๆ ตรงนั้นมันควรจะรู้สึกแค่นิดเดียวไม่ใช่เหรอ!

ไป๋เยี่ยถอนหายใจ เขารู้สึกว่าการไม่ได้รับการศึกษาเป็นเรื่องแย่มาก แค่ดูหนังก็อาจจะถูกหลอกได้แล้ว

โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคบริเวณทวารหนักที่มีคนเป็นมากกว่าแปดสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์ ไม่แปลกใจที่มีคำพูดที่ว่าเก้าในสิบคนจะเป็นโรคริดสีดวงทวาร ซึ่งมีผู้หญิงเป็นโรคนี้มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะหญิงที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตรเพราะหลอดเลือดดำถูกบีบ ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวารได้ง่าย

ไป๋เยี่ยสวมหน้ากากและยื่นผ้าก๊อซ กรรไกร และอุปกรณ์ต่างๆ ให้ซ่งเจี๋ยอย่างชำนาญมาก

เมื่อดูเคสทั้งหมดก็พบว่าในผู้ป่วยโรคริดสีดวงทวารทั้งเจ็ดคนนั้น มีห้าคนที่เป็นผู้หญิงที่มีอายุราวๆ สี่สิบปี มีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่ยังมีอายุแค่สามสิบสี่สามสิบห้าปี ทว่าอยู่ในช่วงกำลังตั้งครรภ์

ซ่งเจี๋ยมีประสบการณ์มากมาย เขาล้างแผลให้คนไข้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมีเสียงครวญครางดังออกมาจากห้องตรวจเป็นบางคราวก็ตาม

ระหว่างที่เปลี่ยนผ้าก๊อซ ซ่งเจี๋ยก็อธิบายให้ไป๋เยี่ยฟังว่า “จริงๆ แล้วการแพทย์แผนจีนมีจุดแข็งในเรื่องของการรักษาบริเวณทวารหนัก เรารู้จักโรคริดสีดวงทวารและวิธีรักษาทั่วไปตั้งแต่สมัยโบราณอยู่แล้ว รวมถึงวิธีการรักษาแบบใช้ยางรัด[1]ในปัจจุบันซึ่งใช้ในการควบคุมทิศทางการไหลของเลือด ทำให้ริดสีดวงค่อยๆ ก่อตัวเป็นก้อนเนื้อเยื่อนั่นเอง…”

[1] วิธีการรักษาแบบใช้ยางรัด คือ การนำยางมารัดบริเวณฐานของก้อนริดสีดวงทวาร ทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงก้อนริดสีดวงไม่ได้