บทที่ 195-2 ได้เวลาจับรางวัล (2)
แม้ว่าไป๋เยี่ยจะเชี่ยวชาญด้านโรคประสาทและสมอง แต่เขาก็ต้องมีความรู้ด้านสูตินรีเวชและกุมารเวชด้วย ซึ่งนี่คือความรู้พื้นฐานที่แพทย์ควรมี
นี่คือจุดประสงค์ของการเวียนฝึกงานในแต่ละแผนก ซึ่งก็เป็นหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมประเทศจึงมีนโยบายอบรมแพทย์
แผนกศัลยกรรมที่ไป๋เยี่ยจะได้เข้าไปฝึกด้วยมีแค่สองแผนก คือแผนกศัลยกรรมทวารหนักและแผนกศัลยกรรมกระดูก
ทันใดนั้นเหอเสี่ยวหมิงก็เอ่ยขึ้นมา “ไป๋เยี่ย เราอยู่แผนกเดียวกันนี่นา”
ไป๋เยี่ยเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าทั้งเขาและเหอเสี่ยวหมิงต่างก็อยู่ในแผนกทวารหนักตั้งแต่เดือนกันยายนถึงตุลาคมทั้งคู่ ไป๋เยี่ยจึงส่งยิ้มบางๆ ให้ “บังเอิญจริงๆ ดูเหมือนว่าฉันจะมีเพื่อนแล้วละ”
เหอเสี่ยวหมิงถอนหายใจ “ระหว่างแผนกเต้านมกับทวารหนักก็เลือกได้แค่แผนกเดียวแหละนะ แล้วทำไมฉันจะอยากไปแผนกทวารหนักล่ะ…ถ้าเลือกได้ก็คงไปแผนกเต้านมแล้ว!”
หยางเผิงเหว่ยยิ้มอย่างมีเลศนัย “มาดูเรื่องโรคแผลหนอนแมลงวันกันดีกว่า”
จู่ๆ เหอเสี่ยวหมิงก็ถามขึ้น “หยางเฉา นายเคยอยากกลับไปทำงานที่เดิมบ้างไหม”
หยางเฉายิ้ม เขาตั้งใจลาออกมาเรียนต่อเพราะว่าที่ทำงานของเขาไม่ค่อยดี “กลับไปทำไม ใครจะไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อล่ะ ที่นี่เป็นโรง’บาลชั้นนำในเมืองหลวงเลยนะ ถ้ามีโอกาสใครบ้างจะไม่อยากอยู่”
เหอเสี่ยวหมิงพูดต่อ “คิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ มีสักกี่คนที่ทนอยู่ไหว แต่…ฉันว่าไป๋เยี่ยมีโอกาสที่ดีนะ อยู่ในสังกัดของผอ.หลิว แถมยังเป็นศิษย์เอกของโรง’บาลผู่เจ๋ออีก”
ทุกคนหันไปทางไป๋เยี่ย เขาจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ “ฉันว่าจะเรียนป.เอกต่อน่ะ”
เขาเลือกที่จะบอกไปว่าจะเรียนปริญญาเอกต่อ แทนที่จะอธิบายให้อีกฝ่ายฟังดฮณ๊ฯดฯฌซ,
เหอเสี่ยวหมิงได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจราวกับว่ารู้สึกโล่งใจ ถ้าไป๋เยี่ยเลือกอยู่ต่อจะต้องกลายเป็นคู่แข่งของเขาอย่างแน่นอน เพราะโควต้าก็มีจำกัดเช่นกัน
เหอเสี่ยวหมิงยิ้ม “เรียนหมอไม่พอยังเรียนต่อป.เอกอีก! แถมป.เอกน่ะ ใครๆ ก็แย่งกันเข้า แต่ฉันว่าคนเขียนธีสิสอย่างนายน่ะเรียนได้อยู่แล้วแหละ”
ไป๋เยี่ยยิ้มและไม่พูดอะไร เขานั่งบนเก้าอี้ก่อนจะเปิดหน้าจอโปร่งแสงขึ้นมา เขายังมีโอกาสจับรางวัลและยังเหลือค่าประสบการณ์ที่ยังไม่ได้ใช้อีกเยอะ
เขาได้รับโอกาสจับรางวัลห้าดาวจากภารกิจมิตรภาพของจางฮั่นหลินและได้รับโอกาสรับรางวัลสามดาวและสี่ดาวจากภารกิจของอาจารย์
ส่วนค่าประสบการณ์วิชาพื้นฐาน เขามีอยู่ห้าหมื่นแต้ม ค่าประสบการณ์ทักษะงานวิจัยอีกหนึ่งหมื่นสามพันแต้ม แต่เขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร เขาค่อยรอใช้ตอนที่ต้องเร่งเลเวลทักษะต่างๆ ตอนฉุกเฉินก็ได้
ช่วงฝึกงานใกล้เข้ามาทุกที ไป๋เยี่ยยังคงรู้สึกว่าเขาต้องพัฒนาทักษะภาคปฏิบัติให้มากขึ้น เขารู้ตัวว่าตนเองยังบกพร่องด้านทักษะภาคปฏิบัติอยู่และเขาก็ควรมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงทักษะเหล่านั้นมากกว่า
ไป๋เยี่ยคิดได้ดังนั้นก็จับรางวัลแบบเลือกหมวดหมู่ก่อน
เขาจึงเลือกจับรางวัลหมวดทักษะภาคปฏิบัติก่อน
ภาพทักษะภาคปฏิบัติปรากฏขึ้นบนจานหมุนขนาดใหญ่ก่อนที่มันจะเริ่มหมุนอย่างบ้าคลั่งและค่อยๆ หยุดลง ปรากฏภาพบางอย่างขึ้นมาช้าๆ
ไป๋เยี่ยผงะ อะไรเนี่ย
นี่เหรอ ทักษะภาคปฏิบัติ
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี คุณได้รับทักษะศัลยกรรมใหม่: การเย็บลำไส้! แจ้งเตือน: นี่เป็นเทคนิคการเย็บลำไส้รูปแบบใหม่ซึ่งมีผลต่อการฟื้นตัวของลำไส้มาก]
ไป๋เยี่ยรับมันมาดู ตรงหน้าของเขามีคำว่า ‘เย็บลำไส้’ เขียนอยู่ตัวเป้งๆ ทำให้เขาถึงกับตัวสั่นเทา
ไป๋เยี่ยแทบร้องไม่ออก นี่เราต้องเดินต่อไปในเส้นทางผ่าตัดทวารหนักจริงเหรอ ขอร้องล่ะ!
การเย็บลำไส้ครอบคลุมทั้งเทคนิคการเย็บเยื่อบุลำไส้ เส้นประสาท และหลอดเลือด
ไป๋เยี่ยคิดได้ดังนั้นก็รีบลุกขึ้นหยิบสบู่เข้าไปในห้องน้ำ เขาใช้เวลาล้างมืออยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้อง
รู้สึกมือไม่ขึ้นเท่าไหร่แฮะ นี่เราเป็นหมออายุรกรรมนะ ช่วยสุ่มทักษะอายุรกรรมมาให้บ้างได้ไหม…
จะให้ทักษะศัลยกรรมมาก็ได้นะ แต่ดูวิธีเย็บแผลพวกนี้สิ…นี่มันบ้าอะไรกัน
ไป๋เยี่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกดสุ่มรางวัลสี่ดาวต่อ โดยเลือกหมวดทักษะภาคปฏิบัติ艾琳小說
ไป๋เยี่ยจ้องมองไปยังจานหมุนขนาดใหญ่ที่หมุนอย่างบ้าคลั่งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง!
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี คุณได้รับทักษะเทคโนโลยีฉายแสง: เลเวล 4 แจ้งเตือน: นี่เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการวินิจฉัยโรคผ่านการฉายแสง]
[เงื่อนไขการเปิดใช้งาน:
พื้นฐานวิชาฉายแสง: เลเวล 4
กายวิภาคศาสตร์ของมนุษย์: เลเวล 4]
ไป๋เยี่ยดีใจมาก นี่แหละของดีที่เข้ากับสถานะของเขาในตอนนี้มาก
ดูเหมือนว่าการล้างมือจะช่วยจริงๆ!
เพราะว่าโรคทางระบบประสาทหลายโรคต้องได้รับการรักษาผ่านการฉายรังสีทั้งซีที เอ็มอาร์ไอ และเอ็มอาร์เอ ซึ่งเป็นวิธีการวินิฉัยทั่วๆ ไป
จังหวะมาถึงแล้ว!
จับรางวัลห้าดาวบ้างซิ
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี คุณได้รับทักษะจัดกระดูก: เลเวล 5]
[เงื่อนไขการเปิดใช้งาน:
พื้นฐานวิชาศัลยกรรมกระดูก: เลเวล 5
กายวิภาคศาสตร์ของมนุษย์: เลเวล 5]
การจัดกระดูกเป็นทักษะที่ใช้กันมากที่สุดในสาขาศัลยกรรมกระดูก และถือเป็นทักษะที่ท้าทายที่สุดของแพทย์ โดยจะใช้ข้อมูลการฉายแสงร่วมกับดูสภาพของผู้ป่วยเพื่อรักษากระดูกที่หักหรือเคลื่อนโดยไม่ต้องใช้การผ่าตัด
นี่แหละแก่นแท้ของแพทย์ศัลยกรรมกระดูก!
การจัดกระดูกกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน กระดูกเคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งเดิมได้โดยไม่ต้องผ่าตัด จากนั้นจึงทำการบำบัดและรักษาจนหาย
ก็เหมือนกับคำถามที่ว่าทำไมการผ่าตัดผ่านกล้องจึงเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน
เป็นเพราะแผลผ่าตัดมีขนาดเล็กไม่ใช่หรือ
การจัดกระดูกก็เช่นกัน
ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี…
แม้ว่าทักษะเหล่านี้จะมีเงื่อนไขการเปิดใช้งานมากมาย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับไป๋เยี่ย เพราะเขาไม่มีความกังวลใดๆ กับการพัฒนาทักษะวิชาพื้นฐานเลย