บทที่ 158 แพ้ไม่เป็น

การแข่งขันแบบทีมยังคงดำเนินต่อไป การเข่นฆ่าระหว่างทีมก็ยังคงดุเดือดมากเช่นเคย

ด้านล่างเวทีมีแฟนคลับมากมายตะโกนร้องเชียร์ ให้กำลังทีมทั้งสอง

เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เหมือนกับได้ย้อนกลับไปตอนที่ถวนจื่อเข้าแข่งขันครั้งแรก

ตอนนั้นเธอไม่รู้ถึงทักษะด้านเกมของถวนจื่อเลย แต่ถวนจื่อมีพรสวรรค์ด้านนี้ คิดไม่ถึงว่าเขายิ่งอยู่ก็ยิ่งประสบความสำเร็จในด้านนี้

“ฉันรู้สึกว่า รอบนี้ทีม AY ไม่ค่อยได้เปรียบเท่าไหร่แล้ว” ด้านล่างเวที มีเสียงคนเริ่มวิจารณ์ขึ้น

“จริงด้วย ดูท่าแล้ว ถึงแม้อีกทีมจะไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร แต่ความเก่งกาจก็น่าดูมากทีเดียว” อีกคนก็พูดเสริมขึ้นมา

ในสนามแข่งยังมีคนอีกไม่น้อยที่เป็นแฟนคลับของทีม AY มาดูการแข่งขัน เมื่อได้ยินคนพูดแบบนี้ ก็เริ่มไม่ยอม

ทันใดนั้น สถานการณ์ในเกมก็พลิกผัน

ทีม AY ได้ใช้ทีมงานมืออาชีพใช้กลอุบายฆ่าเพื่อนร่วมทีมของถวนจื่อ

หลังจากต่อสู้กันอย่างชุลมุน ทางด้านถวนจื่อก็เหลือเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ทีม AY ยังคงเหลืออีกสี่คน

ดูถึงตอนนี้ คนที่อยู่ด้านล่างเวทีเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา

“โห คิดไม่ถึงเลยว่าทีม AY จะใช้วิธีแบบนี้……ตามหลักแล้ว กลอุบายแบบนี้พวกเขาไม่น่าจะเอามาใช้” มีคนหนึ่งเอ่ยพูดขึ้นมาเบา ๆ

อีกคนก็รีบพยักหน้า : “จริงด้วย แต่ว่า……ถ้าเป็นแบบนี้ ทีมฝ่ายตรงข้ามก็คงไม่มีหวังที่จะชนะแล้วสิ?”

ถึงแม้พวกเขาจะยอมรับในความทักษะความสามารถของถวนจื่อ แต่ว่า ตอนนี้ในทีมเหลือถวนจื่อเพียงคนเดียว จำเป็นต้องใช้ทักษะความสามารถทั้งหมดที่มีต่อสู้กับทีม AY อย่างโดดเดี่ยว ไม่ว่าจะคิดยังไง……

ก็แทบจะไม่มีโอกาสชนะได้เลย

พูดตามความจริงแล้ว ถวนจื่อเป็นมือใหม่ที่มีศักยภาพมากจริง ๆ แต่ว่า……ครั้งนี้ไม่รู้จะยังมีโอกาสได้แสดงออกมาอีกไหม

ขณะที่ทุกคนต่างพากันรู้สึกเสียดายแทนถวนจื่อ แต่ถวนจื่อกลับแสดงความสามารถให้ทุกคนตกตะลึง

ไม่มีใครคิดว่า ตอนที่พวกเขาคิดว่าถวนจื่อกำลังจะพ่ายแพ้ ถวนจื่อกลับต่อสู้จนทั้งสี่คนแพ้ไป ในที่สุดก็ฆ่าคนในทีม AY ตายจนเกลี้ยง และได้เข้ายึดหอคอยของพวกเขาไว้ได้

หลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลง ถวนจื่อก็วิ่งลงจากเวทีด้วยความตื่นเต้นดีใจ วิ่งไปหาเจียงหยุนเอ๋อ

เมื่อเห็นถวนจื่อแสดงความสามารถออกมาอย่างนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกดีใจมาก

เธออุ้มถวนจื่อขึ้น หอมแก้มของเขาไม่หยุด : “ถวนจื่อ ลูกเก่งที่สุดเลย!”

เพื่อนร่วมทีมเหล่านั้นของถวนจื่อก็ดีใจกันมาก ทุกคนได้มาล้อมถวนจื่อเอาไว้

“ถวนจื่อ นายเก่งมากจริง ๆ พวกเราผิดพลาดกันไปเยอะ โชคดีที่สุดท้ายนายเล่นได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ทำให้สถานการณ์พลิกกลับมาชนะได้” หนึ่งในเพื่อนร่วมทีมเอ่ยชื่นชมถวนจื่อ

ที่จริงตอนที่จับฉลากเสร็จ เมื่อรู้ว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขาคือทีม AY หลายคนรู้สึกถอดใจ

ถึงแม้พวกเขาล้วนเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม แต่ด้วยชื่อเสียงของทีม AY ทำให้พวกเขาไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองกันนัก

ก่อนที่จะเริ่มการแข่งขัน เพื่อนร่วมทีมหลายคนต่างพากันให้กำลังใจกัน นอกจากถวนจื่อแล้วคนอื่นต่างคิดว่าการมาร่วมการแข่งขันนี้เพื่อมาเรียนรู้

แต่ทว่า ทีม AY ทำให้มองการแข่งขันต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง

เมื่อลงจากสนามแข่ง โค้ชของทีม AY ก็ได้ตำหนิผู้เล่นในทีมของตัวเองยกใหญ่

“ตกลงพวกแกแข่งขันกันเป็นหรือเปล่า? เมื่อกี้ทำอะไรลงไป? ทั้ง ๆ ที่ได้เปรียบขนาดนั้น แต่ผลที่ออกมาเป็นไงล่ะ? สุดท้ายถูกพวกมันตีจนแพ้!” โค้ชคนนั้นพูดด้วยสีหน้าดุดัน

ผู้เล่นแต่ละคนได้แต่ก้มหน้าลง

ตอนแรกที่โค้ชใช้ให้พวกเขาเล่นด้วยวิธีร้ายกาจแบบนั้น ที่จริงพวกเขาไม่เต็มใจกันเลยสักนิด

แต่ผลที่ออกมา……สุดท้ายก็ยังแพ้อยู่ดี แถมแพ้แบบหนึ่งต่อสี่อีกต่างหาก พ่ายแพ้แบบนี้น่าอายเหลือเกิน

“โค้ชครับ ขอโทษครับ!” ผู้เล่นหลายคนรู้สึกผิด ขณะเดียวกันก็รู้สึกกลัว

ยังไงก็แล้วแต่ ถึงแม้ว่าทักษะของถวนจื่อจะเก่งกาจแค่ไหน แต่ก็ไม่ควรจะถูกคนเพียงคนเดียวทำให้พ่ายแพ้ได้อย่างนี้

“พวกแกดูพวกแกสิ ไม่ต่างอะไรกับขยะเลยสักนิด!” โค้ชสีหน้าถมึงทึง ยังคงตำหนิผู้เล่นต่อไป

ผู้เล่นหลายคนถูกโค้ชด่าจนร้องไห้ ถวนจื่อเห็นสภาพอย่างนั้น ในใจก็รู้สึกไม่ดี

ถึงแม้ว่าผู้เล่นพวกนั้นจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเอง แต่ยังไง ก็เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่รักในการเล่นเกมเหมือนกัน เขาไม่อยากให้คนพวกนั้นรู้สึกแย่แบบนั้น

คิดอยู่ครู่หนึ่ง ถวนจื่อก็เอาตัวออกจากอ้อมกอดของเจียงหยุนเอ๋อ เดินไปตรงหน้าโค้ชทีม AY

สีหน้าของโค้ชเดิมทีก็ดูแย่มากอยู่แล้ว เมื่อเห็นถวนจื่อเดินเข้ามา ก็กลอกตามองเขาทันที : “แกมาทำอะไร? เห็นเป็นเรื่องตลกเหรอ? ไสหัวไปเดี๋ยวนี้นะ”

เจียงหยุนเอ๋อเห็นท่าทีที่หยาบคายของโค้ช ก็อยากรีบเข้าไปว่าเขาทันที แต่เมื่อเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินสุขุมของถวนจื่อดังขึ้น

“คุณไม่ควรว่าพวกเขาแบบนี้นะ พวกเขาเป็นผู้เล่นที่พยายามมาก คุณพูดแบบนี้มันเกินไปนะ”

แววตาของถวนจื่อมุ่งมั่นมาก เผชิญหน้ากับโค้ชที่รูปร่างสูงใหญ่ เขาไม่ได้มีท่าทางเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

แต่โค้ชไม่ฟังคำพูดถวนจื่อเลยสักนิด กลับยิ้มแสยะออกมา แล้วแสดงท่าทีไม่พอใจอย่างมากกับคำพูดของเขา : “เหอะ แล้วแกเป็นบ้าอะไร ฉันกำลังสั่งสอนผู้เล่นในทีมของฉัน แกอย่ามาสะเออะยุ่ง ได้ไหม?”

ทันใดนั้นเอง เจียงหยุนเอ๋อก็เดินมาถึงพอดี กลัวว่าโค้ชนั่นจะทำอะไรเกินกว่าเหตุ จึงรีบเอาถวนจื่อไปอยู่ด้านหลังตัวเอง

เจียงหยุนเอ๋อรับไม่ได้กับพฤติกรรมของโค้ช ยิ่งเห็นเขาพูดแบบนี้กับถวนจื่อ ใจเจียงหยุนเอ๋อยิ่งลุกเป็นไฟ

“พวกเขายังเด็กกันอยู่เลย เล่นได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว คุณทำแบบนี้ก็เกินไปหน่อยนะ ศักยภาพของเด็ก ๆ เดี๋ยวก็พัฒนาดีขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้คุณอย่าด่าพวกเขาด้วยถ้อยคำไม่น่าฟังแบบนั้นเลย”

เจียงหยุนเอ๋อพยายามพูดคุยกับโค้ชคนนั้นอย่างใจเย็น

แต่น่าเสียดาย ที่โค้ชนั่นแล้งน้ำใจเหลือเกิน เขาด่าว่าเจียงหยุนเอ๋อกับถวนจื่อไม่หยุด

เสียงดังของด้านนี้ทำให้คนไม่น้อยต่างพากันสนใจ เมื่อได้รู้ว่าทีม AY พ่ายแพ้อย่างไม่น่าเชื่อ คนจำนวนไม่น้อยก็รู้สึกประหลาดใจ

ยิ่งตอนนี้โค้ชของทีม AY มีท่าทีแบบนี้อีก ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยในมารยาทของทีม AY แล้ว

“โค้ชคนนี้ทำไมน่ากลัวอย่างนี้? แข่งแพ้ก็แพ้สิ ยังมาด่าว่าคนอื่นไม่จบไม่สิ้นทำไมอีก?”

“จริงด้วย คงแพ้ไม่เป็นสินะ? ทีม AY ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มารยาททรามขนาดนี้เลยเหรอ?”

“โธ่ สงสัยความสามารถของอีกฝ่ายทำได้ดีเกินไป ใจเลยไม่เป็นสุขเป็นธรรมดาสินะ?”

ได้ยินเสียงผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ สีหน้าของโค้ชยิ่งบึ้งตึงมากขึ้นไปอีก