สีผิวของหญิงสาวผู้นั้นเดิมทีค่อนข้างขาว แต่มือคู่นี้กลับดูแห้งเหี่ยวและแตกกร้านเป็นรอยยาว ฝ่ามือล้วนเต็มไปด้วยหนังด้านสีขาว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลังมือที่ดำคล้ำแทบจะทุกส่วน
เถ้าแก่หลิวหันไปมองเหยาซู เมื่อเห็นนางพยักหน้าจึงพูดกับหญิงสาวผู้นั้นว่า “ฮูหยิน หลังตู้นั้นคือคุณหนูร้านขายผ้าเหยาจี้ของเรา ท่านไปหานางดีกว่า”
เหยาซูเดินออกมาจากหลังตู้นั้นรุดไปหาหญิงสาวผู้นั้น ก่อนจะกล่าวทักทาย “ท่านมีนามว่าอย่างไรเจ้าคะ?”
หญิงสาวผู้นั้นเห็นว่าคนที่พูดกับตัวเองคือหญิงสาวที่มีรูปโฉมงดงามผู้หนึ่ง แม้ว่าการเกล้าผมจะบ่งบอกว่าเป็นหญิงสาวที่แต่งงานแล้ว ทว่ายังดูเหมือนหญิงสาววัยยี่สิบแปดที่ยังอ่อนเยาว์ เมื่อย้อนมองตัวเองก็ให้รู้สึกกระดาก แต่กลับไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
นางเผยรอยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น หญิงสาวไหวตัวเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “ข้าน้อยมีแซ่ตามสามีว่า ‘หลิน’…”
เหยาซูเห็นว่านางมีอายุยังไม่มาก แต่ดวงตาคู่นั้นกลับดูหม่นหมองราวกับได้รับความทรมานจากชีวิตที่แสนลำเค็ญ ในใจจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป
นางยิ้มและพูดว่า “ที่แท้ก็ฮูหยินหลินนี่เอง ช่างบังเอิญยิ่งนัก ตระกูลสามีของข้าก็แซ่หลินเช่นกัน”
บางทีอาจเป็นเพราะรอยยิ้มบนใบหน้าของเหยาซูนั้นจริงใจไม่เสแสร้ง หญิงสาวที่ค่อนข้างระมัดระวังตัวจึงค่อย ๆ ผ่อนคลายลง กระทั่งได้ยินเหยาซูถามว่า “ฮูหยินหลินรู้ได้อย่างไรว่าร้านของเรามีไขบำรุงมือ? ได้ยินมาจากสหายหรือ?”
หญิงสาวพยักหน้า นิ้วมือขยำชายเสื้อที่ถูกซักจนสะอาดจนยับยู่ยี่พลางพูดว่า “อื้อ… พี่สาวของเพื่อนบ้านพูดกัน ว่าสินค้าทดลองของที่นี่ไม่ต้องจ่ายเงิน…”
เหยาซูพาฮูหยินหลินเดินมายังตู้ในร้าน จากนั้นก็หยิบกล่องไขบำรุงมือขนาดเล็กใบหนึ่งออกมา ก่อนจะแนะนำให้นางฟังอย่างละเอียด “นี่คือสินค้าตัวใหม่ในฤดูใบไม้ผลิของปีนี้ มันหมูและน้ำผึ้งที่ผสมอยู่ในนั้นต่างให้คุณสมบัติเรื่องความชุ่มชื้นและกักเก็บความชุ่มชื้น สามารถแก้ไขปัญหาในเรื่องของผิวหนังหลุดลอกและแตกระแหงได้ อีกทั้งในนั้นมีส่วนผสมของดอกอิ๋งชุน หลังจากทาแล้วจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ค่อนข้างติดทนนาน”
ในขณะที่พูด นางได้ใช้นิ้วมือปาดไขสีขาวน้ำนมปริมาณเล็กน้อย จากนั้นก็ยื่นไปทางหญิงสาว “ฮูหยินหลิน ท่านคงไม่ถือสาหรอกนะเจ้าคะ?”
หญิงสาวผู้นั้นเพิ่งตระหนักได้ว่าเหยาซูต้องทามือให้ตนเอง ตึงรีบยื่นมือมือทั้งสองข้างออกไป “ไม่ ไม่ถือสา”
ฝ่ามือของเหยาซูนั้นค่อนข้างอุ่น ทำให้ไขที่แตะขึ้นมาละลายอย่างรวดเร็ว หญิงสาวใช้นิ้วที่เรียวยาวและเนียนละเอียดถูลงบนหลังมือที่ดำคล้ำและแตกระแหงของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา กลิ่นหอมบางเบาของดอกอิ๋งชุนลอยอบอวล
ความแตกต่างของสีที่ดูสว่างนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ
เหยาซูทำเหมือนเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ขณะเดียวกันก็ใช้มือคู่นั้นค่อย ๆ ทาไขบำรุงมือวนเป็นวงกลมอยู่บนหลังมือของอีกฝ่าย ก่อนจะพูดอย่างแผ่วเบาว่า “มือของท่านบางส่วนแห้งแตกเล็กน้อย หากเจ็บก็บอกข้าได้เลยนะ”
หญิงสาวไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บ กลับกันการกระทำอันอ่อนโยนของหญิงสาว ทำให้นางตระหนักได้ถึงความรู้สึกของการได้รับการทะนุถนอมและดูแลเอาอกเอาใจใส่ที่ตัวเองหลงลืมไปเนิ่นนานแล้ว
หญิงสาวพูดขึ้นด้วยเสียงเบา “ไม่เจ็บ”
กระทั่งเหยาซูทาขี้ผึ้งบำรุงมือให้ฮูหยินจนเสร็จ มือที่แตกระแหงคู่นั้นของนางนอกจากจะดูไม่ได้แห้งกร้านมากถึงเพียงนั้นแล้ว ก็ไม่ได้ดูแตกต่างไปมากมายนัก
ไขบำรุงมือเป็นแค่ของที่ช่วยบำรุงรักษา ต่อให้ดีเพียงใด ก็ไม่มีทางลบร่องรอยแห่งความเหนื่อยยากที่สะสมมาแรมปีให้กลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิมได้
แต่ในใจของหญิงสาวหลังได้รับการสัมผัส กลับมีบางอย่างที่แตกต่างออกไป
หญิงสาวเริ่มสองจิตสองใจ ลังเลอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน กระทั่งเอ่ยปากถามขึ้น “น้องสาว ของ ของชิ้นมีราคาแพงมากใช่หรือไม่?”
เหยาซูไม่ได้หลอกนาง เพียงพูดอย่างอ่อนโยนว่า “มีราคาแพงเล็กน้อย แต่เห็นแก่หน้าของพี่สาว ทั้งยังมีแซ่เดียวกับสามีของข้า ถือว่าเรามีโชคชะตาร่วมกัน ต่อไปหากท่านมีเวลา มาทดลองใช้ของร้านที่อยู่ถัดไปของเราก็พอ ตัวทดลองของเรามีอีกมากมาย”
เถ้าแก่หลิวที่สังเกตการเคลื่อนไหวของทั้งสองคนตลอดเวลาก็ได้เบี่ยงสายตาไปทางอื่น จากนั้นก็มองไปทางเหยาซูแวบหนึ่ง
กระทั่งได้ยินคุณหนูของตนพูดกับหญิงสาวผู้นั้นว่า “ข้าเห็นว่าริมฝีปากของท่านก็แห้งผากไม่น้อย สู้ลองทาสีผึ้งทาปากของเราดีหรือไม่?”
หญิงสาวผู้นั้นโบกมือไปมา “ไม่ ไม่ดีกว่า? ข้าไม่ซื้อ… รบกวนเจ้าเกินไปแล้ว”
เหยาซูยิ้มพร้อมกับพานางไปยังตู้อีกด้านและพูดว่า “รบกวนอะไรกันเจ้าคะ! ตัวทดลองเดิมทีก็มีไว้ให้ผู้อื่นลองใช้อยู่แล้ว”
หญิงสาวผู้นั้นแสดงสีหน้าซาบซึ้ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายหยิบแปรงขนาดเล็กที่คล้ายกับพู่กันจากด้านข้าง ล้างด้วยน้ำสะอาด จากนั้นก็ใช้ผ้าสะอาดซับน้ำจนแห้ง ก่อนจะป้ายเนื้อสีผึ้งขึ้นมา และตั้งใจเกลี่ยลงบนริมฝีปากของอีกฝ่าย
เนื้อสีผึ้งนั้นมีสีชมพูอ่อนระเรื่อ เมื่อทาลงบนปากของหญิงสาวผู้นั้น พริบตาเดียวก็มีสีสันสดใสมากขึ้น
หญิงสาวเผยรอยยิ้มขลาดอาย “ดูดีหรือไม่?”
เหยาซูยิ้มพร้อมกับพยักหน้า และตอบกลับว่า “อื้อ ดูดีมากเจ้าค่ะ”
หลังจากที่หญิงสาวจากไป ลูกค้าคนอื่น ๆ ภายในร้านก็ล้อมเข้ามา สอบถามวิธีการใช้ไขทามือและสีผึ้งทาปากกับเหยาซูกันยกใหญ่
เหยาซูอธิบายว่า “ทุกครั้งที่ล้างมือเสร็จแล้วสามารถทาไขบำรุงมือต่อได้เลย อีกอย่างจะต้องใช้อย่างสม่ำเสมอถึงจะได้ประสิทธิภาพที่ชัดเจน …ส่วนสีผึ้งทาปาก ในตอนที่อากาศค่อนข้างแห้ง หรือรู้สึกว่าริมฝีปากค่อนข้างแห้งก็สามารถใช้ได้”
กระทั่งมีคนถามขึ้นว่า “น้องสาว หากใช้ไขบำรุงมืออย่างสม่ำเสมอ จะทำให้มือขาวและเนียนใสเหมือนกับมือของเจ้าใช่หรือไม่?”
ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่เหยาซูกลายเป็นจุดขายของร้านไปเสียแล้ว
แต่หากจะพูดเช่นนั้นก็สมเหตุสมผล มือคู่นั้นของนางได้รับการบำรุงอย่างดี ยิ่งนิ้วมือทั้งสิบที่ดูเรียวยาวนั้นไม่ต้องพูดถึง ทั้งยังขาวเนียนละเอียดมากเป็นพิเศษ ดูแล้วคล้ายกับงานศิลปะอย่างไรอย่างนั้น บรรดาสตรีที่ทำงานบ้านมาตลอดทั้งปีผู้ใดบ้างที่จะไม่อิจฉา?
หญิงสาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นอกจากจะทาไขบำรุงมือแล้ว พยายามอย่าแช่มือในน้ำยาทำความสะอาดจำพวกผงสบู่นานเกินไป ให้ความใส่ใจมันสักเล็กน้อย ก็ไม่มีปัญหาแล้วเจ้าค่ะ”
สาวน้อยสาวใหญ่ที่อยู่ในร้านต่างพากันพยักหน้า หลังจากที่เหยาซูหยิบขี้ผึ้งบำรุงมือออกมา ก็ต่างพากันยื้อแย่งที่จะลองเป็นคนแรก สุดท้ายก็ติดใจคนแล้วคนเล่าไม่ยอมวางมือ
“ทาแล้วมือนุ่มขึ้นจริง ๆ ด้วย!”
“ใช่ อีกทั้งยังหอมอีกด้วย”
“แล้วจะเปิดขายเมื่อใดเล่า? เราต่างต้องใช้ทุกวัน มือจะได้ขาวเนียนขึ้น!”
เหยาซูไม่เคยแสดงสีหน้าอึดอัดหมดความอดทน แต่กลับตอบคำถามของทุกคนอย่างละเอียด สุดท้ายก็เอ่ยแนะนำร้านใหม่ของตนเอง “ร้านข้าง ๆ ก็เป็นร้านของเราเช่นกัน อีกสองวันทุกท่านสามารถไปเยี่ยมชมและสามารถซื้อสินค้าใหม่ของเราได้ และยังได้ซื้อเสื้อผ้าและวัสดุผ้าราคาถูกในร้านขายผ้าอีกด้วย”
หลังจากส่งลูกค้ากลุ่มหนึ่งกลับไป เถ้าแก่หลิวก็เดินสาวเท้าเข้ามาฉับไวพร้อมรอยยิ้ม และพูดอย่างทอดถอนใจว่า “สมแล้วที่เป็นคุณหนู ความสามารถในการเชิญชวนลูกค้าเก่งกาจกว่าเราไม่น้อยเลยขอรับ”
เหยาซูยิ้มเล็กน้อย “เถ้าแก่หลิวก็กล่าวเกินไป”
หลังจากที่เถ้าแก่หลิวได้ปฏิสัมพันธ์กับเหยาซูมากขึ้น ก็ยิ่งชื่นชมในนิสัยใจคอของหญิงสาว ก่อนจะพูดขึ้นว่า “หญิงสาวเมื่อครู่คนนั้น ดูแล้วน่าจะไม่มีเงินซื้อสิ่งของเหล่านี้ คุณหนูกลับใจดี อนุญาตให้นางเข้ามาลองสินค้าได้ตามใจชอบ…”
เมื่อเอ่ยถึงฮูหยินหลินผู้นั้น เหยาซูก็ยิ่งรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ หญิงสาวนึกถึงเจ้าของร่างเดิม หากไม่ใช่เพราะตนข้ามเวลามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเจ้าของร่างเดิม นางก็คงไม่ต่างกับผู้หญิงคนนั้นที่ยังอยู่ในวัยที่งดงามราวกับดอกไม้ แต่กลับได้รับความทรมานจนความมีชีวิตชีวาในตัวแทบไม่มีเหลือ
หญิงสาวทำเพียงส่ายหน้า และพูดเสียงต่ำ “ข้าไม่มีความสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวนางได้ สู้ช่วยนางให้ใช้ชีวิตราบรื่นขึ้น ให้ทางร้านช่วยปรับสภาพจิตใจของนางให้ดีขึ้น ถือว่าเป็นสถานที่ปลอบประโลมนางสักแห่งแล้วกัน”
การค้าก็ส่วนการค้า น้ำใจก็ส่วนน้ำใจ เหยาซูไม่ได้ใจแคบ เพราะในใจตนเองเห็นลูกค้าเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมเสมอ
เถ้าแก่หลิวพยักหน้าชื่นชม “คุณหนูทำเช่นนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว เราเองก็เปิดร้านทำการค้าขาย เห็นใครน่าสงสารแล้วให้ของไปโดยไม่เก็บเงินไม่ได้ นั่นเป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับคุณหนูแล้ว”
ไม่นานภายในร้านค้าก็มีคนเข้ามา เหยาซูส่งยิ้มให้เถ้าแก่หลิว โดยไม่พูดสิ่งใดอีก
………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
บางทีการได้ดูแลตัวเองให้สวยขึ้นก็ถือว่าเป็นการปลอบประโลมจิตใจอย่างหนึ่งนะคะ ไม่ได้ทำเพื่อจะให้ใครมอง แต่ทำเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีเท่านั้น
ไหหม่า(海馬)