บทที่ 186 เผยยวนหึงหวง

เซียวเย่เจ๋อตกตะลึง เอ่อ! นี่จะเหมือนเผยยวนเกินไปแล้วกระมัง แม้แต่เสียงก็ยังเหมือน

แม้ว่าเซียวเย่เจ๋อจะเคยเห็นเผยยวนจากระยะไกลที่งานเลี้ยงในวังหลวงเมื่อสองปีก่อน และตอนที่ฝ่าบาทออกจากเมืองหลวงเพื่อต้อนรับเขาด้วยตัวเอง แต่เขาก็สามารถจดจำท่าทางและน้ำเสียงของเผยยวนได้เป็นอย่างดี

แต่ตอนนี้เมื่อตัวจริงมายืนอยู่ตรงหน้า เซียวเย่เจ๋อกลับไม่กล้าจะยอมรับ

ทว่าเผยยวนไม่ให้โอกาสเขาได้ตอบโต้ ก็รับตะกร้าสะพายหลังของจี้จือฮวนมาและเอ่ยกับนาง “ข้าช่วยเจ้าถือดีกว่า”

เซียวเย่เจ๋อเข้าไปพิจารณาเผยยวนใกล้ขึ้นอีกนิด จมูกโด่งได้รูป คิ้วพาดเฉียง ลักษณะท่าทาง รวมถึงรูปลักษณ์ภายนอก เสียง และรูปร่าง ล้วนคล้ายกับเผยยวนในความทรงจำของเขา

ขณะที่เขากำลังวิเคราะห์อย่างละเอียด เผยยวนกลับขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่ารู้สึกรังเกียจที่คนเซ่อซ่าอย่างเซียวเย่เจ๋อเข้ามาใกล้

โดยเฉพาะเมื่อเผยยวนได้ยินประโยคนั้นของเขา ที่บอกว่าจะแต่งกับตน

“เซียวซื่อจื่อ รบกวนถอยห่างจากข้าหน่อยได้หรือไม่?” เผยยวนพยายามสงวนท่าที เพราะฮวนฮวนบอกแล้วว่าคนผู้นี้เป็นแขก ดังนั้นเขาไม่สามารถจัดการกับคนผู้นี้ต่อหน้าฮวนฮวนได้ มิฉะนั้นจะต้องถูกนางหักคะแนนเป็นแน่

ดวงตาของเซียวเย่เจ๋อเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายก็จ้องเขม็งราวกับจะให้ดอกไม้ปรากฏขึ้นบนหน้าของเผยยวนให้ได้

“เผย…เผยยวน!? ท่านคือเผยยวนจริงหรือ!!” เซียวเย่เจ๋อตื่นเต้นจนใบหน้าแดงก่ำ จากนั้นก็รับตะกร้าในมือของเผยยวนไป “มือของท่านจะมาถือของเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ข้าถือให้ท่านเอง!”

เผยยวน “…”

จี้จือฮวน “…”

หย่งหนิงปิดหน้าเอาไว้ น่าขายหน้าจริง ๆ!

เซียวเย่เจ๋อสะพายตะกร้าอย่างมีความสุข ก่อนจะเบียดอยู่ตรงกลางระหว่างจี้จือฮวนและเผยยวน พลางยิ้มออกมาราวกับคนโง่เขลา “แม่ทัพเผย เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลเฉินได้เล่า?”

“จะว่าไปแล้วเรื่องมันยาว” เผยยวนเริ่มรู้สึกทนกับความกระดี๊กระด๊าของเขาไม่ไหว

สุดท้ายไม่ว่าเขาจะขยับไปที่ใด เซียวเย่เจ๋อก็ตามติดไม่ห่าง

“ท่านไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ท่านป่วยข้าเป็นห่วงท่านมาก จี้จือฮวน เจ้าทำดีกับแม่ทัพเผยหน่อยสิ แม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้าก็ไม่มี” เซียวเย่เจ๋อเอ่ยจบก็หันไปพูดกับเผยยวน “นี่เป็นอดีตคู่หมั้นที่ข้าถอนหมั้นไปก่อนหน้านี้ หากว่านางล่วงเกินอะไรแม่ทัพเผย ท่านก็อย่าได้ถือสานางเลยนะขอรับ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเผยยวนค่อย ๆ เลือนหายไป ก่อนจะแย่งตะกร้าสะพายหลังกลับมา

เซียวเย่เจ๋อ “???”

เผยยวนขี้เกียจจะสนใจเซียวเย่เจ๋ออีก เขาจึงดึงจี้จือฮวนและเดินนำไปทันที พร้อมทั้งจับท่านหญิงหย่งหนิงยัดเข้าไปในตะกร้า มองดูไกล ๆ ราวกับพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างไรอย่างนั้น

เซียวเย่เจ๋อกะพริบตาปริบ ๆ หืม? เขาพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ เหตุใดจู่ ๆ แม่ทัพเผยถึงได้โมโหเช่นนั้นกัน?

อีกอย่าง เหตุใดเขาต้องจูงมือจี้จือฮวนด้วย!!!

นี่เป็นครั้งแรกที่จี้จือฮวนถูกเผยยวนเป็นฝ่ายจับมือและเดินไปพร้อมกันเช่นนี้ เมื่อมองไปที่สันกรามที่ขบแน่นของเขา ก็รู้ได้ว่าเวลานี้เจ้าสุนัขตัวใหญ่กำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่

จี้จือฮวนจึงเอ่ยเสียงเบาขึ้นมา “ก้าวช้า ๆ หน่อย ข้าตามไม่ทัน”

ก่อนที่นางจะทะลุมิติมา นางสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร แต่ความสูงของเจ้าของร่างเดิมเทียบกับขายาว ๆ ของเผยยวนแล้ว ไม่ได้ห่างกันแค่เล็กน้อยเสียเมื่อไร

เผยยวนราวกับเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังลากจี้จือฮวนอยู่อย่างไรอย่างนั้น พริบตาต่อมาเขาก็ชะงักฝีเท้าลง หย่งหนิงที่อยู่ในตะกร้าไม่ทันสังเกตถึงบรรยากาศที่อึมครึมระหว่างคนทั้งสอง เพราะนางกำลังอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับทุกสิ่งในหมู่บ้านตระกูลเฉิน จึงเบิกตากว้างมองไปซ้ายทีขวาที

“เจ้าโมโหอย่างนั้นหรือ?” จี้จือฮวนเห็นเขาไม่ยอมปล่อยมือจึงเอ่ยถามออกมา

เผยยวนเม้มริมฝีปาก “อืม”

เสียงฟังดูก็รู้ว่าอึดอัดใจ “เขาบอกว่าเจ้าเป็นคู่หมั้นของเขา”

“ถอนหมั้นแล้ว”

“เช่นนั้น…เช่นนั้นก็ไม่ได้” เผยยวนได้ยินประโยคนี้ก็รู้สึกกลัดกลุ้มทันที

“เขามีอะไรน่าหึงกัน เทียบกันแล้ว เขาชอบเจ้ามากกว่าข้าเสียอีก”

“…” เผยยวนใบหน้าแดงก่ำไปหมด เมื่อครู่เขาควรเตะเซียวเย่เจ๋อผู้นั้นให้ตายไปซะ!

“เอาล่ะ ข้าจะไปต้มไข่ไก่สักสองใบ เจ้าเดินไปทั่วพร้อมใบหน้าเช่นนี้อย่างนั้นหรือ? ไม่กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะหรืออย่างไร” จี้จือฮวนอุ้มหย่งหนิงออกมาจากตะกร้า พลางชำเลืองมองเผยยวนเล็กน้อย

เผยยวนมองริมฝีปากของนาง คิดถึงเรื่องเมื่อคืนก็เกาศีรษะและเอ่ยขึ้น “ข้าสมควรโดนแล้ว”

จี้จือฮวนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทหารกลุ่มหนึ่งที่เดินผ่านมาก็เอ่ยหยอกล้อขึ้นมาเสียก่อน “ฮูหยิน อย่าด่าท่านแม่ทัพของเราเลยขอรับ”

“ใช่แล้วขอรับ!”

จี้จือฮวนช่วยเผยยวนพับแขนเสื้อขึ้น “ไปทำงานเถอะ อีกเดี๋ยวกลับบ้านไปกินข้าว”

เผยยวนมองหน้านาง ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้นางอย่างหาญกล้าและพูดขึ้นมา “เช่นนั้นเจ้าไม่โกรธข้าจะได้หรือไม่?

เมื่อเช้าพวกเขาพากันหัวเราะเยาะข้าตั้งนาน บอกว่าเป็นเพราะข้าเมา จึงทำให้เจ้าไม่สบาย…”

จี้จือฮวน ประโยคนี้เหตุใดฟังดูวาบหวิวอย่างไรชอบกล

“เอาล่ะ เลิกทำท่าทางน่าสงสารได้แล้ว รีบทำงานให้เสร็จ กลับมาข้ามีเรื่องจะปรึกษาเจ้า”

เผยยวนยืดตัวตรงทันที “ขอรับ! ฮูหยิน”

จี้จือฮวนผงะไปครู่หนึ่ง ทว่าเขากลับถอยหลังไปสองก้าวและวิ่งจากไปแล้ว แต่ยังหันกลับมามองนางเป็นครั้งคราว พลางยกยิ้มจนเห็นฟันขาว ดวงตาโค้งลง ปอยผมที่หน้าผากพลิ้วไปมาภายใต้แสงอาทิตย์ตามการเคลื่อนไหวของเขา จี้จือฮวนมองเขาที่วิ่งไปไกลแล้วจึงได้สติกลับมา

เสียงหัวใจเต้นของนางเมื่อครู่ เร็วเกินไปหรือไม่?

ไกลออกมา เซียวเย่เจ๋อมองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง เหตุใดเขาถึงไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้เลยเล่า!?

ขณะที่เขาเตรียมที่จะไปถามจี้จือฮวน ก็เห็นไท่ซ่างหวงที่มีผมขาวโพลน สวมชุดคลุมตัวใหญ่ ในมือถือไม้ไผ่หนึ่งลำกำลังต้อนเป็ดอย่างไม่เร่งรีบ…

นั่นคงเป็นไท่ซ่างหวงกระมัง! คนแก่สมัยนี้ล้วนมีหน้าตาเหมือนกันอย่างนั้นหรือ?

เซียวเย่เจ๋อหันไปมอง

คนที่กำลังเรียนรู้วิธีขุดดินและตัดหญ้าในนา เหตุใดถึงดูเหมือนฮูหยินสาม คุณหนูแปด และจี้กั๋วกงของจวนจี้กั๋วกงล่ะนี่!?

คนของจวนจี้กั๋วกงเองก็เห็นเซียวเย่เจ๋อเช่นกัน แต่เซียวเย่เจ๋อมาจะมีประโยชน์อะไร? มีไท่ซ่างหวงคุมอยู่ พวกเขาจึงทำได้แค่เพียงปิดหน้า และหันหลังกลับไปทำงานต่อ หวังว่าเซียวเย่เจ๋อจะไม่เห็นพวกเขา

“เอ๊ะ เหตุใดถึงเป็นเจ้า?” ฟางจวิ่นเหมยเพิ่งกลับมาจากการซักผ้าให้ทหารพอดี เมื่อเห็นเซียวเย่เจ๋อยืนอยู่บนคันนาเหมือนกวางโง่ตัวหนึ่ง ก็รีบเอ่ยทักทาย

เซียวเย่เจ๋อลืมหน้าฟางจวิ่นเหมยไปนานแล้ว แต่กว่าจะเจอคนที่ยอมคุยกับเขาได้ จึงเอ่ยถามนางขึ้นมา “คนเหล่านี้มาจากที่ใดกัน? ข้ามาครั้งก่อนยังไม่เห็นเลยนี่นา”

ฟางจวิ่นเหมยทำเสียงจิ๊ปากออกมา “เจ้าทำการค้ากับฮวนฮวนของเราไม่ใช่หรือ คนพวกนี้เจ้าไม่รู้ว่าเป็นใครอย่างนั้นหรือ? พวกนี้ล้วนมาจากจวนจี้กั๋วกง”

เซียวเย่เจ๋อตกตะลึง เป็นคนจากจวนจี้กั๋วกงจริง ๆ ด้วย

“พวกเจ้าเสียสติไปแล้วหรือ? เขาเป็นถึงกั๋วกงเชียวนะ พวกเจ้าอยากตายทั้งหมู่บ้านหรืออย่างไร”

คำพูดนี้ฟางจวิ่นเหมยไม่อยากฟังอย่างมาก “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน ใครจะกล้าฆ่าพวกเรา กองทัพทหารเกราะเหล็กก็อยู่ที่นี่ด้วย คนของจวนจี้กั๋วกงทำเรื่องชั่วช้า พวกเราตั้งใจจับกลับมาเลยนะจะบอกให้”

“เช่นนั้น…ท่านปู่คนนั้นเล่า!” เซียวเย่เจ๋อชี้ไปทางไท่ซ่างหวงที่กำลังต้อนเป็ดอยู่ด้วยมือสั่นเทา

ฟางจวิ่นเหมยไม่กล้าบอกฐานะของเขา “บอกไม่ได้”

เซียวเย่เจ๋อเดินตามนางไป “เช่นนั้นเจ้าบอกมาสิว่าจวนจี้กั๋วกงเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่”

ฟางจวิ่นเหมยเลือกพูดเฉพาะเรื่องที่สำคัญ แต่เซียวเย่เจ๋อกลับรู้สึกว่าตอนนี้เขาเหมือนโดนผีหลอกเข้าทุกที เขามีโอกาสได้เห็นเผยยวนและกองทัพทหารเกราะเหล็กปรากฏตัวที่หมู่บ้านตระกูลเฉินพร้อมกัน

แต่เรื่องที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าก็คือ สามีที่นอนเป็นผักของจี้จือฮวนผู้นั้นก็คือเผยยวนที่เขาเคารพเลื่อมใส!