บทที่ 197 ผู้ปกครองเทศมณฑลกัว

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 197 ผู้ปกครองเทศมณฑลกัว

บทที่ 197 ผู้ปกครองเทศมณฑลกัว

“พวกเจ้าไปจัดการทำความสะอาดพื้นที่” อู๋ฝานนำกลุ่มคนกลับมายังจวนของตนเอง แล้วจัดแจงหน้าที่ให้พวกเขาไปทำงาน

กลุ่มคนที่เพิ่งถูกซื้อตัวมา เมื่อได้ยินคำพูดของอู๋ฝาน พวกเขาก็รีบแยกย้ายกันไปทำความสะอาดจวน มือเท้าขยับไปมาขยันขันแข็ง พวกเขาเหล่านี้ยากจน ดังนั้นงานเหล่านี้จึงไม่ใช่งานแปลกใหม่ นี่เป็นคำสั่งแรกของเจ้านายใหม่ ทั้งยังกำลังถูกจับตามอง จึงไม่มีใครในพวกเขากล้าเกียจคร้าน ไม่เช่นนั้นแล้วอาจถูกละทิ้ง จนสุดท้ายต้องไปหิวโซอดตายอยู่ข้างถนน

“หัวหน้า ทั้งหมดนี่เป็นคนรับใช้ที่ท่านซื้อมาหรือ?” หนิวเอ้อที่ตัวเต็มไปด้วยฝุ่นเดินเข้ามา

“ใช่” อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ ถัดจากนั้นจึงบอกกับหนิวเอ้อ “ข้าจะฝากที่นี่เอาไว้กับพวกเขา พวกเจ้าไปที่ค่ายนำพี่น้องสามคนนั้นกลับมา ข้ารับปากพวกเขาเอาไว้แล้วว่าพวกเขาสามารถอยู่ที่นี่ได้ เพื่อคอยช่วยดูแลจวน แล้วก็ซื้ออาหารกลับมาด้วย เย็นวันนี้จะได้ฉลองกันที่นี่”

“ขอรับ” หนิวเอ้อตอบรับด้วยสีหน้ายินดี “หัวหน้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ!”

หลังจากนั้นหนิวเอ้อกับพรรคพวกในหน่วยจึงมุ่งหน้าออกไปพร้อมเงินที่อู๋ฝานให้ไปจับจ่ายใช้สอย

อู๋ฝานยิ้ม ทว่าไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

ณ สำนักปกครองแห่งเทศมณฑลชิงหยวน

กัวจื่อหมิงวางพู่กันในมือ สายตามองภาพคัดลายมือที่ตนเองเพิ่งลงพู่กัน สีหน้าแสดงออกถึงความพึงพอใจในผลงานของตน

“ระดับภาพงานคัดลายมือของนายท่านนับวันยิ่งสูงส่ง ในความเห็นของข้า ต่อให้นักปราชญ์หวังอวิ๋นจื่อแห่งราชวงศ์ก่อนกลับชาติมาเกิด ก็คงไม่อาจทำได้ดีเทียบเท่า” พ่อบ้านที่ยืนรับชมอยู่เคียงข้าง รีบสวมชุดคลุมให้แก่ผู้ปกครองเทศมณฑลกัว พร้อมกับอ้าปากเอ่ยคำชมยกยอ

“ข้ายังไกลห่างจากปราชญ์หวังมากนัก เทียบกันไม่ได้หรอก! เทียบกันไม่ได้!” กัวจื่อหมิงโบกมือตอบรับ เพียงแต่ท่าทีพึงพอใจในผลงานของตนเอง ยิ่งมาก็ยิ่งเด่นชัด

“นายท่านถ่อมตัวแล้ว” พ่อบ้านตอบคำกลับ

“หยุดพูดถึงเรื่องนี้ก่อนจะดีกว่า” กัวจื่อหมิงเอ่ยคำขึ้น “ที่ขอให้เจ้าไปส่งมอบจวน้ให้กับคนแซ่อู๋อะไรนั่น เรียบร้อยแล้วหรือ?”

“เรียบร้อยแล้วขอรับ” พ่อบ้านตอบรับ “นายท่าน เขามีนามว่าอู๋ฝาน”

“ใช่ อู๋ฝาน” กัวจื่อหมิงรับคำด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ซึ่งความขุ่นเคือง “ข้าล่ะไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดทางราชสำนักต้องให้คนที่เป็นเพียงทหารได้เป็นถึงหนานเจี๋ย มันไม่เหมาะสมกับตำแหน่งขุนนางแม้แต่น้อย อ่านออกเขียนได้หรือเปล่าก็ยังไม่ทราบ หรืออ่านได้ คิดว่าจะอ่านได้สักกี่ตัว? จะเขียนคัดลายมือได้สักกี่คำกัน? บทกวีเล่าจะสามารถแต่งได้หรือไม่? เป็นคนที่ไม่รู้เรื่องราวทางโลกอะไรด้วยซ้ำ! เพียงแค่โชคดีบังเอิญจัดการกับกองทัพกบฏได้ จึงได้รับรางวัลอย่างงาม ทั้งยังได้รับบรรดาศักดิ์เสียด้วย”

กัวจื่อหมิงเผยน้ำเสียงที่ค่อนข้างขื่นขม

ในฐานะบัณฑิตคนหนึ่ง เขาคือคนที่ศึกษาเล่าเรียนมานับสิบปี เดินทางยาวนานหลายปี จนกระทั่งมาถึงจุดที่ได้รับมอบหมายตำแหน่งผู้ปกครองเทศมณฑลได้ด้วยวัยสี่สิบ ตลอดมาหยามเหยียดบรรดาผู้ใฝ่ในแนวทางการทหาร พวกเขาใช้เพียงแต่กำลัง ทำได้เพียงทำร้ายอาณาจักรเหยียนเฟิง เป็นกลุ่มคนที่ทราบเพียงแค่การสู้รบฆ่าฟัน ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งบรรดาศักดิ์อันสูงส่งเลยสักนิด

ทว่ายามนี้ทางราชสำนักถึงขั้นให้ทหารคนหนึ่งได้เป็นถึงหนานเจี๋ย มันยิ่งทำให้ตัวเขายากที่จะยอมรับ บรรดาศักดิ์เป็นที่ใฝ่ฝันของบัณฑิตนับไม่ถ้วนแล้ว พวกเขาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะประสบผลสำเร็จดังกล่าว ทว่าเพียงแค่ตำแหน่งทางการปกครองก็ยากจะไต่เต้าไปถึงแล้ว นับประสาอะไรกับบรรดาศักดิ์ที่ยิ่งยากไขว่คว้า เว้นก็เพียงลูกหลานผู้สูงศักดิ์ที่ได้ตำแหน่งตั้งแต่ยังเยาว์ แต่ปัจจุบันก็มีน้อยคนที่จะได้รับบรรดาศักดิ์

ทว่าตอนนี้นายทหารคนหนึ่งถึงขั้นได้เป็นหนานเจี๋ย แม้ว่าจะเป็นบรรดาศักดิ์ต่ำต้อยที่สุด แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็คือบรรดาศักดิ์ เป็นขุนนางคนหนึ่ง เป็นสิ่งที่กัวจื่อหมิงเฝ้าฝันปรารถนา เขาพยายามทำงานหนักหนาหลายปียังไม่ได้รับ แต่คนที่ไม่รู้อะไรกลับได้รับ ไม่แปลกหากว่าจะเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นอยู่ภายในใจ

ดังนั้นกัวจื่อหมิงที่ไม่เคยใส่ใจบรรดาผู้ฝักใฝ่ในแนวทางทหาร ยามนี้จึงยิ่งมองอู๋ฝานประหนึ่งหนามยอกอก

ดังนั้นตอนที่ได้รับมอบหมายให้จัดเตรียมจวนแก่อู๋ฝานเป็นรางวัลที่เบื้องบนกำหนดลงมา เขาจึงเลือกจวนซึ่งถูกทิ้งร้างยาวนานหลายปี กระทั่งว่าทรุดโทรมไปหลายส่วนแล้ว และที่สำคัญยิ่งกว่า คือการที่อดีตเจ้าของจวนหลังนั้นเคยก่ออาชญากรรม จนสุดท้ายจวนถูกทิ้งร้างนับตั้งแต่เกิดเรื่อง ผู้มีอำนาจในเทศมณฑลมองว่าจวนหลังนั้นไม่น่าอภิรมย์มาโดยตลอด ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดเข้าไปข้องเกี่ยวกับจวนหลังดังกล่าว ทว่าตอนนี้กัวจื่อหมิงกลับมอบให้แก่อู๋ฝานอย่างง่ายดาย

อย่างไรเบื้องบนก็บอกเพียงว่าให้มอบจวนหลังหนึ่งแก่อู๋ฝาน ไม่ได้ระบุความต้องการที่แน่ชัด อย่างนั้นก็เท่ากับตามแต่เขาจะตัดสินใจไม่ใช่หรือ?

หากเป็นบัณฑิตที่ได้ขึ้นเป็นหนานเจี๋ย ผู้ปกครองเทศมณฑลกัวคงปฏิบัติแตกต่างไปจากที่เป็นตอนนี้ กระทั่งส่งมอบของกำนัล รวมถึงข้ารับใช้เพื่อช่วยเหลืออีกฝ่ายจัดการเรื่องราวให้เสร็จเรียบร้อยโดยเร็วเสียด้วยซ้ำ

แต่สำหรับอู๋ฝาน เขาไม่มีแม้เศษเสี้ยวของความคิดเหล่านั้น ในความเห็นของเขา การคบค้ากับคนเช่นอีกฝ่ายมีแต่จะทำให้ตัวเขาตกต่ำลง

“นายท่าน พวกเราควรสร้างปัญหาให้เขาหน่อยหรือไม่ขอรับ?” พ่อบ้านเอ่ยคำถาม

กัวจื่อหมิงครุ่นคิด ก่อนจะตอบรับ “ตอนนี้ยังก่อน ไม่ยุ่งเกี่ยวจะดีที่สุด ทำเหมือนไม่มีตัวตนจะยิ่งดีกว่า กับทหารเช่นนั้น หัวมีแต่ขี้โคลนอัดแน่น เหตุผลไม่อาจใช้งานกับคนเหล่านี้ได้ การยั่วยุพวกมัน มีแต่จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาตามมา เพียงแค่ดูพวกมันจากที่นี่ ทว่าหากพวกมันทำอะไรเกินเลย ก็ทำให้พวกมันได้ทราบเสีย ว่าใครคือผู้ปกครองเทศมณฑลชิงหยวน!”

“ขอรับนายท่าน ข้าน้อยทราบแล้ว” พ่อบ้านกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

กัวจื่อหมิงไม่คิดข้องเกี่ยวหรือพบเจอกับอู๋ฝาน ในความเห็นของเขา อีกฝ่ายเป็นคนที่ไม่ควรคบค้า ไม่ควรค่าให้ผูกมิตร ทว่าก็ไม่จำเป็นถึงขนาดต้องไปหาเรื่อง ไม่ข้องเกี่ยวกันจึงถือว่าดีที่สุดแล้ว!

แต่หากอู๋ฝานคิดท้าทายตำแหน่งของเขาในเทศมณฑลชิงหยวน กัวจื่อหมิงย่อมไม่คิดมากมารยาทด้วยอีกอย่างแน่นอน

ต้องกล่าวว่าหลายคนร่วมแรงย่อมเป็นเรื่องดี จวนของอู๋ฝานใหญ่โต มีหลายสถานที่ต้องสะสางทำความสะอาด แต่ด้วยคนรับใช้ถึงสี่สิบคน เพียงเวลาไม่ถึงครึ่งวัน ทุกซอกมุมจึงได้รับการทำความสะอาด ทั้งจวนกลายเป็นใหม่เอี่ยม แม้ว่าจะยังมีบางส่วนต้องซ่อมแซม แต่โดยภาพรวมตอนนี้ก็ดูเยี่ยมแล้ว ส่วนเรื่องการซ่อมแซม ก็ค่อยจัดการกันไปตามเวลาที่มี

ในช่วงเย็นเสี่ยวลิ่วกลับมาพร้อมสองพี่น้อง ส่วนพวกหนิวเอ้อที่ไปรับสามคนซึ่งได้รับบาดเจ็บหนัก ขณะนี้กลับมาพร้อมอาหารมากมาย รวมถึงเสบียงสำหรับใช้อยู่อาศัยในบ้าน อีกทั้งยังซื้อหาป้ายไม้ที่เขียนคำว่า “จวนอู๋” กลับมาด้วย ทันทีที่กลับมาถึง พวกเขาก็แขวนป้ายไว้หน้าประตูหลัก ทำให้บริเวณสวนด้านหน้านั้นดูมีพลังและอำนาจขึ้นมา

เมื่อทุกคนกลับมาถึง จวนของอู๋ฝานจึงคึกคักขึ้นมา

ขณะฝูงชนฉลองดื่มกับอาหารมื้อแรกที่นี่ อู๋ฝานก็กลับไปยังห้องของตนเอง พร้อมบอกว่าห้ามใครรบกวน ทว่าแท้จริงแล้วเขากำลังจะกลับสู่โลกความเป็นจริง

พฤติกรรมเช่นนี้ของอู๋ฝาน ทุกคนต่างไม่สงสัยใด ๆ ชายหนุ่มตอนนี้คือหัวหน้าครอบครัว เขาไม่ต้องการดื่มกินกับผู้ใต้บังคับบัญชา นับว่าเป็นเรื่องปกติ และผู้ใต้บังคับบัญชาตามปกติย่อมไม่ไปรบกวนหัวหน้าครอบครัวอยู่แล้ว

มันเป็นกฎที่พวกเขาเข้าใจโดยทั่วกัน