“อาสาม ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ฉัน…ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่ช่วยฉัน”
เฉินฮวนฮวนกล่าวอย่างจริงจัง
“ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงฉันเลย”เฟิงหานชวนไม่ได้มองไปที่เธอตรงๆ เขาหลีกเลี่ยงที่จะสบตากับเฉินฮวนฮวน เพราะว่ามันทำให้หัวใจของเขารู้สึกอ่อนแออย่างอธิบายไม่ได้
ดวงตาของผู้หญิงคนนี้ดูมีเสน่ห์เฉพาะตัว เขาแค่รู้สึกว่าถ้าเขาจ้องเธอแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเขาคงจะถูกดึงดูดด้วยสายตาที่สุดแสนจะล้ำลึกในดวงตาของเธอแน่ๆ
ใบหน้าของเฉินฮวนฮวนเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย เธอก้มหน้าลงเพราะเขินเกินกว่าที่จะมองไปที่เฟิงหานชวนโดยตรง เธอเดินออกไปข้างๆแทน
“อยู่ห่างฉันขนาดนั้น กลัวว่าฉันจะกินเธอหรือไง?” คำพูดของเขาโพล่งออกมาทันทีเมื่อเห็นเฉินฮวนฮวนเดินออกไปเพื่อรักษาระยะห่างจากเขาแบบนี้
เฉินฮวนฮวนโบกมือปฏิเสธเขาอย่างรวดเร็วและพูดออกไปอย่างกังวลว่า: “ไม่ใช่นะ อาสาม ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันคิดว่าคุณน่าจะไม่ค่อยชอบฉันสักเท่าไหร่ ฉันเลยเดินออกมา”
เธอพูดแบบอ้อมค้อม ในความคิดของเธอคิดว่าความจริงแล้วเฟิงหานชวนไม่เพียงแต่จะไม่ชอบเธอแต่น่าจะเกลียดเธอเสียมากกว่า
อย่างไรก็ตามถ้าหากเฟิงหานชวนไม่ได้ช่วยเธอไว้ในวันนี้ เธอไม่อยากจะคิดถึงเหตุการณ์ที่จะตามมาเลย
แม้ว่าเธอจะหนีเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่เร็วเท่าชายโรคจิตนั่นแน่นอนและเธออาจถูกเขาจับได้อีกครั้ง
เฟินหานชวนเป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้
“ไม่ค่อยชอบเธองั้นเหรอ?”เฟิงหานชวนขมวดคิ้ว เขาคิดในใจว่าเฉินฮวนฮวนเป็นคนที่ค่อนข้างที่จะดึงดูดเพศตรงข้าม
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นเธอคุยกับผู้ชายในชั้นเรียนเดียวกันตอนนั้น และถ้าเธอไม่รับดอกกุหลาบมา เขาก็คงไม่ทิ้งเธอไว้หรอก
บางทีเขาอาจจะไปส่งเธอก่อนแล้วค่อยไปที่บลูส์คลับ
“อาสาม คุณ …คุณอย่าเกลียดฉันได้ไหม?”มือทั้งสองข้างของเฉินฮวนฮวนอยู่ไม่สุขในขณะที่เธอพูดประโยคนี้ เธอก้มหน้าลง น้ําเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกังวลใจ
กระทั่งฝ่ามือของเธอก็ยังมีเหงื่อไหลออกมาเต็มไปหมด
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับพวกเขา แต่เฟิงหานชวนก็ช่วยเธอไว้ เธออยากให้ความสัมพันธ์ของเขาดีขึ้น
เฟิงหานชวนที่กำลังนึกถึงเรื่องของเฉินฮวนฮวนและเฉิงโม่อยู่จึงไม่ทันได้ยินที่เธอพูด เขาขมวดคิ้วและถามเธอว่า: “คุณพูดว่าอะไรนะ?”
เฉินฮวนฮวนกัดริมฝีปากของเธอแน่น
เธอคิดว่าสิ่งที่เธอขอเฟิงหานชวนไป และคำถามที่เขาถามกลับมาน่าจะเป็นคำตอบ และเธอเชื่อว่าประโยคนี้เป็นการปฏิเสธของเฟิงหานชวน
เฉินฮวนฮวนหน้าเสียและไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก เฟิงหานชวนก้าวไปข้างหน้าและต้องการที่จะถามให้ชัดเจนกว่านี้
แต่จู่ๆเสียงแตรของรถตำรวจก็ดังขึ้นเสียก่อน
พวกเขาสองคนมองไปที่รถตำรวจที่หยุดที่ด้านหลังรถของเฟิงหานชวน
ในไม่ช้าชายโรคจิตก็ถูกตำรวจนำตัวไป เนื่องจากเส้นสายของเฟิงหานชวน ทั้งสองคนจึงไม่ต้องไปที่สถานีตำรวจเพื่อให้คำให้การ
เฉินฮวนฮวนขึ้นรถของเฟิงหานชวนและกลับไปที่บ้านตระกูลเฟิง
และแล้วรถก็มาจอดอยู่ในโรงรถ ซึ่งตอนนี้ภายในรถยังคงเงียบกริบ
เฉินฮวนฮวนกำลังอยากที่จะเปิดประตูลงจากรถ แต่ทันใดนั้นเสียง “โครก” ก็ดังก้องไปทั่วรถ
แม้ว่าเธอจะนั่งอยู่ที่เบาะหลัง แต่เฟิงหานชวนในที่นั่งคนขับก็ยังได้ยินเสียงมันอย่างชัดเจน
เฉินฮวนฮวนหน้าแดงและเอามือกุมท้องของเธออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปิดประตูและลงจากรถทันที
เฟิงหานชวนรีบลงจากรถตามไปขวางเฉินฮวนฮวน
“เฉินฮวนฮวน กินข้าวเสร็จแล้วค่อยขึ้นไปข้างบน”เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม
เฉินฮวนฮวนมองไปที่นาฬิกาของเธอโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็หันมาถามด้วยความประหลาดใจ: “อาสาม นี่มันเกือบๆจะเที่ยงคืนแล้ว ยังมีอาหารมื้อดึกอยู่อีกหรอ?”
“มี บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไง”
สิบนาทีต่อมา
ห้องรับประทานอาหารของบ้านตระกูลเฟิง เฉินฮวนฮวนและเฟิงหานชวนนั่งตรงข้ามกัน
ข้างหน้าทั้งสองคนมีชามบะหมี่เนื้อตุ๋นวางอยู่คนละถ้วย
“อาสาม ไม่คิดเลยว่าคุณจะชอบกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วย ปกติคุณกินมื้อดึกไหม?”พอเห็นว่าเริ่มเงียบ เฉินฮวนฮวนทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามเพื่อทำลายบรรยากาศเงียบๆนี้
“เปล่า”เฟิงหานชวนตอบอย่างเย็นชา
“งั้น……งั้นทำไมวันนี้ถึงกินมื้อดึกล่ะ หรือเพราะว่า … “เฉินฮวนฮวนมองเขาอย่างเงียบ ๆ
หรือพราะเขาอยากกินมื้อดึกกับเธอ?
“ก็หิวเหมือนเธอไง”น้ำเสียงยังคงเย็นชาเหมือนเดิม
เฉินฮวนฮวนเกาหัวของเธออย่างอึดอัด เธอแกล้งทำเป็นว่าเข้าใจและพยักหน้า
เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนก็ยังเป็นคนที่เข้าใจได้ยากอยู่ดี
แต่เธอไม่ได้เกลียดเขา เพราะอย่างน้อยเขาก็ช่วยเธอไว้
ไม่ว่าจะตอนที่ฝังศพยาย หรือช่วยเธอจากชายโรคจิต ทั้งหมดเธอรู้สึกขอบคุณเขามาก
ภายในห้องรับประทานอาหารยังคงเงียบมาก มีเพียงแค่เสียงของการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้น
หลังจากกินเสร็จแล้วทั้งสองก็กลับไปที่ห้องของพวกเขา
ทันทีที่เฉินฮวนฮวนออกมาจากห้องอาบน้ำเธอก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
“ใคร?”
“ฉันเอง เฟิงหานชวน”
“อาสาม?”เฉินฮวนฮวนเดินไปที่ประตูทันทีและเปิดประตู เธอถามอย่างสงสัยว่า: “อาสาม คุณมีอะไรหรือเปล่า?”
เฟิงหานชวนมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้า ผมของเธอพันด้วยผ้าขนหนูและเธอยังคงสวมชุดนอนแบบเดิม เห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งสระผมมา
“ห้องรับรองแขก….ฝักบัวในห้องของฉันเสีย จะขอยืมห้องน้ำ สะดวกไหม? “เฟิงหานชวนยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“แน่นอน แน่นอนว่าได้”ตอนแรกเฉินฮวนฮวนยังตกใจอยู่นิดหน่อย แต่สักพักเธอก็พยักหน้าตอบกลับไป
จู่ๆคืนนี้เฟิงหานชวนก็ดูสุภาพขึ้นหรือเป็นเพราะสัญญาที่เธอขอเขาไว้
ใช่แล้ว พอพูดถึงคำสัญญา เธอยังไม่มีเวลาไปจัดเสื้อผ้าของเฟิงหานชวนเลย
เมื่อเห็นว่าเฉินฮวนฮวนยอมให้เขาเข้าไป เฟิงหานชวนจึงเดินไปที่ห้องน้ำ แต่เฉินฮวนฮวนก็หยุดเขาเอาไว้ก่อน
“อาสาม เอ่อ…บอกฉันก่อนได้ไหมว่าเสื้อผ้าของคุณมีอะไรบ้าง? ฉันจะได้จัดการแล้วเอาไปไว้ที่ห้องของคุณ “เฉินฮวนฮวนชี้นิ้วไปที่ตู้เสื้อผ้าและถามเขาอย่างระมัดระวัง
ใบหน้าของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไปทันที ผู้หญิงคนนี้ไม่ต้องการพบเขาเลยหรือไง? ไม่อยากให้เขามาที่ห้องนี้อีกแล้วเหรอ?
ยิ่งคิดเท่าไหร่เฟิงหานชวนก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเท่านั้น
เธอเต็มใจที่จะคุยกับเด็กผู้ชายใส่แว่นโง่ๆคนนั้น แต่เธอไม่คิดอยากจะยั่วเขาบ้างเลยหรืออย่างไร?
เขาไม่มีสเน่ห์ขนาดนั้นเลยเหรอ?
“ชุดสามชุดทางขวาสุดและชุดกีฬาสามชุด”เฟิงหานชวนพูดจบก็เดินตรงเข้าไปในห้องน้ำทันที
ไม่นานเสียงน้ำก็ดังออกมาจากห้องน้ำ
เฉินฮวนฮวนไม่มีเวลาเป่าผมแล้วในตอนนี้เพราะเธอต้องไปจัดเสื้อให้เขาก่อน เธอเปิดตู้เสื้อผ้าและจัดเตรียมเสื้อผ้าของเฟิงหานชวนเพื่อเอาไปไว้ไปที่ห้องของเขา
แต่เธอสังเกตเห็นสิ่งที่แปลกมากๆคือเสื้อผ้าทางขวาสุด ซึ่งดูๆแล้วขนาดของมันก็เท่ากับเสื้อผ้าตัวอื่นๆด้วย
แต่ร่างกายของเฟิงเฉินเหยี่ยนไม่ได้สูงและสมส่วนเหมือนกับเฟิงหานชวน และเฟิงเฉินเหยี่ยนก็น่าจะผอมกว่าเขา ถ้าดูตามข่าวต่างๆแล้วเขาน่าจะเป็นคนตัวเล็ก
เธอเคยเห็นเขาอยู่สองครั้งบวกกับรูปถ่ายในข่าวต่างๆ สไตล์การแต่งตัวของเฟิงเฉินเหยี่ยนนั้นค่อนข้างแตกต่างจากเสื้อผ้าภายในตู้นี้
ดังนั้นเสื้อผ้าในตู้น่าจะไม่ใช่ของเฟิงเฉินเหยี่ยน
มันคือของเฟิงหานชวนทั้งหมด!
ทำไมเสื้อผ้าของเฟิงหานชวนถึงอยู่ในตู้เสื้อผ้าในห้องหอของเฟิงเฉินเหยี่ยนล่ะ?