“ อื้มๆ ” หลานเสี่ยวถางรู้สึกลังเลอยู่สักแป๊บ แล้วก็ถามเรื่องที่อยากจะรู้มาโดยมตลอด : “ ถ้าเกิดว่าฉันถามอะไรบางอย่างกับคุณจริงๆแล้ว คุณจะไปบอกเขาทันทีไหม ?”
Jarvis ก็ส่งอิโมจิมาในทันที : “ ผู้ชายไม่ได้ปากโป้งเหมือนกับที่พวกคุณคิดหรอกนะ ”
หลานเสี่ยวถางก็รีบอธิบาย : “ ขอโทษนะคะ ฉันก็คิดว่าคุณไม่ทำแบบนั้น !”
Jarvis : “ วันหลังคุยกับผม ไม่ต้องสุภาพขาดนี้ก็ได้ ผมโตกว่าสือมูเฉินไม่กี่ปีเอง ก็เหมือนกับเป็นพี่ใหญ่ของเขา คุณก็เป็นน้องสะใภ้ของผล ไม่ต้องถือว่าเป็นคนนอก ”
“ โอเคค่ะ !” หลานเสี่ยวถางตอบกลับ : “ เมื่อก่อนฉันเคารพยำเกรงคุณมาโดยตลอด ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคุณจะเป็นคนที่เข้าถึงง่ายขนาดนี้ ยิ่งคิดไม่ถึงเลยว่า จะมีวันนี้ที่ได้คุยกับคุณในวีแชทอีก พอถึงตอนนี้ รู้สึกว่าเหลือเชื่อมาก !”
คราวนี้ รอสักแป๊บ Jarvis ถึงจะตอบกลับมา : “ สาวน้อย ไม่ต้องเหลือเชื่อ ผมเองก็เป็นคน ก็แค่ไม่ชอบสื่อหรือออกงานสังคมก็แค่นั้น อย่าเหมือนกับคนที่อยู่โลกภายนอก คิดว่าผมเป็นคนที่ลึกลับมาก แล้วก็มีอิทธิฤทธิ์มาก ”
“ ฮ่าๆ คุณนี่ตลกจริงๆ !” หลานเสี่ยวถาง
ผ่านไปสักพัก หลานเสี่ยวถางก็ไม่ได้ข้อความตอบกลับของ Jarvis พอเธอดูเวลา ประมาณเวลาคร่าวๆของสหรัฐอเมริกาน่าจะอยู่ในช่วงเวลากลางคืน ดังนั้นเธอก็เลยส่งข้อความไปอีกว่า : “ คุณ Jarvis ฝันดีนะคะ !”
เธอเก็บโทรศัพท์ จากนั้นสือมูเฉินก็เดินมา ก็เลยพูดกับเขาว่า : “ มูเฉิน คุณหิวไหม รีบมากินอะไรสักหน่อย ?”
“ มีเรื่องอะไรทำไมถึงได้หัวเราะมีความสุขขนาดนี้ ?” สือมูเฉินมองลงไปยังหลานเสี่ยวถาง
“ เปล่าไม่มีอะไร จู่ๆก็แค่รู้สึกว่า โลกนี่มันมหัศจรรย์จริงๆ !” หลานเสี่ยวถางบิดตัวขี้เกียจ
สือมูเฉินก็เปลี่ยนเรื่อง และพูดอย่างจริงจัง : “ โครงการใหม่ของ Latitude คุณจะไปหรือไม่ไป ?”
หลานเสี่ยวถางเดาความคิดของสือมูเฉินไม่ได้ ก็เลยบอกว่า : “ แล้วคุณว่ายังไง ? ฉันฟังคุณ ”
“ เสี่ยวถาง นี่เป็นการพัฒนากิจการงานของคุณนะ อยู่คุณตัดสินใจเองเลย ” สายตาของสือมูเฉินก็ล่องลอยไปทางหันจื่ออี้ที่อยู่ไกลๆ ผ่านไปสักครู่ก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า : “ ผมไม่มีทางที่จะเอาปัญหาที่เกิดจากความรู้สึกส่วนตัว เอามันเกี่ยวข้องกับการพัฒนาในด้านของคุณ เพราะฉะนั้น ทั้งหมดนี้คุณตัดสินเองเลย ผมก็จะให้ช่วงว่างระหว่างคุณอย่าเต็มที่ เนื่องจากคุณเป็นภรรยาของผม ไม่ใช่ลูกสาวของผม คุณมีอำนาจที่จะตัดสินใจในชีวิตของตัวเอง ”
แววตาของหลานเสี่ยวถางก็เป็นประกาย ในใจก็รู้ซึ้งใจขึ้นมา : “ มูเฉิน ขอบคุณคุณนะ ”
“ ดังนั้น คุณตัดสินใจว่า ?” สือมูเฉินมองไปยังเธอ
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า : “ ในรายละเอียดฉันยังไม่ค่อยชัดเจน ยังคงต้องไปดูโครงการแนะนำของพวกเขาเพื่อจะสามารถตัดใจได้ ”
“ โอเค ไม่ว่าจะตัดสินใจยังไง ผมก็จะสนับสนุนคุณ ” สือมูเฉินก็เลิกขมวดคิ้ว สายตาก็ดูสนุกขึ้นมา : “ นอกจากนี้ ความมั่นใจแค่นี้สามีของคุณก็มีอยู่แล้ว !”
หลานเสี่ยวอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองสือมูเฉินอยู่หลายครั้ง พอพูดถึงเรื่องนี้ เมื่อวานคนที่ขี้หึงคนนั้น ทำไมดูเหมือนเปลี่ยนไปจากเดิน ?
เป็นไปได้ไหมว่า เมื่อคืนเธอรุกมากเกินไป ? หรือว่า เมื่อคืนฉันพูดอะไรที่น้ำเน่า และจนกระทั่งเขารู้สึกว่าเขาติดกับดักทางอารมณ์ของเธอจนออกไปไม่ได้ อย่างนั้นหรอ ?
วันต่อมา สภาพจิตใจของหลานเสี่ยวถางค่อนข้างไม่สบายใจ
แน่นอนว่า สมาชิก DR มาที่หนิงเฉิง คงไม่ใช่แค่มาสนุกที่คฤหาสน์ ในไม่กี่วันข้างหน้า สือมูเฉินได้จัดการท่องเที่ยวเอาไว้ให้พวกเขา
เพราะฉะนั้นในบ่ายวันเดียวกัน ทุกคนก็ได้นั่งรถกลับเข้าเมืองไปด้วยกัน เมื่อแยกจากกัน หันจื่ออี้ก็เหลือบมองหลานเสี่ยวถาง ในที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรและโบกลาเธอ
วันต่อมา หลานเสี่ยวถางกับเฉียวโยวโยวก็ไปสนามบินรับฟู้เจียนปอด้วยกัน
ทั้งสองคนไปทันเวลา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสัมภาระที่โหลดใต้ท้องเครื่องของฟู้เจียนปอยังมาไม่ถึง ดังนั้นทั้งสองคนก็เลยรออยู่ตรงทางออกสักแป๊บ
“ โยวโยว เธอคิดบ้างแล้วหรือยัง ? อีกแป๊บถ้าเขามา แน่นอนว่าคืนนี้ต้องไปพักที่นั่นกับเธอ ” หลานเสี่ยวถางลังเลอยู่สักพัก : “ เธอว่า คืนนี้พวกเธออยู่ในห้องเดียวกัน เธอรู้สึกว่าในใจยังจะรับเขาได้ไหม ?”
เฉียวโยวโยวหลับตาและถอนหายใจ : “ เสี่ยวถาง ฉันก็ไม่รู้ ”
“ โยวโยว เธอไม่ได้มีนิสัยลังใจหรือไม่มีความเด็ดขาดนะ ถ้าเกิดว่าเธอตัดสินใจที่จะให้โอกาสครั้งสุดท้ายกับเขาแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็อย่าไปคิดอะไรให้มันมากเลย ก็คิดสักว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ” หลานเสี่ยวถางถอนหายใจเฮือกใหญ่ : “ ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่ามันรู้สึกทุกข์ใจมาก ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถได้หรือทำไม่ได้ แต่ทว่าโยวโยว เธอจำเอาไว้นะ เลือกสิ่งที่ก้นบึ้งหัวใจของเธออยากจะได้มันจริงๆ ”
“ เสี่ยวถาง ฉัน……” เฉียวโยวโยวที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็เห็นเงาของคนที่คุ้นเคยเดินออกมาแต่ไกล
ฟู้เจียนปอกำลังลากกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ แล้วก็ยังสะพายเป้ขนาดใหญ่อยู่ด้านหลังของเขา ดูแล้วของในกระเป๋าท่าจะมีน้ำหนักพอสมควร และเห็นเขาไม่ได้ลากมาง่ายขนาดนั้น
ทันใดนั้นเฉียวโยวโยวก็นึกขึ้นได้ว่าเธอรู้สึกยังไงในตอนแรกในขณะที่รอฟู้เจียนปออยู่ที่สนามบิน
ในขณะที่เธอยืนอยู่ที่รั้วกั้นตรงทางออก พอเห็นเขามาแต่ไกล ก็โบกมือให้เขา ใบหน้ารูปไข่ที่ยิ้มราวกับดอกไม้
ในตอนนั้น กลุ่มคนจำนวนมากก็เดินออกมาพร้อมกัน แต่ทว่าในสายตาของเธอมีเพียงแค่เขา
จำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นหลานเสี่ยวถางก็อยู่ แต่พอหลังจากที่เธอเห็นฟู้เจียนปอ ก็พูดกับหลานเสี่ยวถางด้วยความตื่นเต้นดีใจ : “ เสี่ยวถาง เจียนปอออกมาแล้ว ! เธอดูสิว่าเขาผอมลงไปใช่หรือเปล่า ? ไม่สิ น่าจะหล่อขึ้นนะ !”
แต่ทว่าในตอนนั้น……
พอเฉียวโยวโยวเห็นว่าฟู้เจียนปอนั้นเห็นเธอแล้ว
พอสบตาซึ้งกันและกัน ความคิดมากมายมันก็แวบเข้ามาในหัวของเธอ แต่ทว่ามุมริมฝีปากกลับไม่สามารถเต็มไปด้วยรอยยิ้มได้
ในชั่วพริบตาที่ฟู้เจียนปอเห็นเธอนั้น ในดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาในทันและก็โบกมือเธอ : “ โยวโยว ผมอยู่นี่ !”
เฉียวโยวโยวก็ฉีกมุมริมฝีปาก ฝืนยิ้มให้กับให้ฟู้เจียนปอสักแป๊บ
เขาเต็มไปความกระตือรือร้น เร่งฝีเท้าเดินผ่านกลุ่มคนมายืนอยู่ตรงหน้าของเฉียวโยวโยว บนแก้มสาดส่องไปด้วยแสงอาทิตย์
เขากางแขนออก แล้วก็จับเฉียวโยวโยวมากอดอยู่ในอ้อมแขน และก้มพูดไปยังริมหูของเธอ : “ โยวโยว ผมคิดถึงคุณมากเลย !”
พอได้ยินประโยคนี้ เฉียวโยวโยวก็รู้สึกแสบจมูกขึ้นมาในทันที
เธออยากที่จะถามเขามาก ก็เห็นชัดอยู่ว่าในใจมีเธออยู่ แต่ทำไมถึงได้ยังทำแบบนี้ ?
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะเสียคุณสมบัติข้อนี้ไปแล้ว
เขาออกนอกลู่นอกทาง และเธอก็ทำเพื่อแก้แค้น ก็เลยออกนอกลู่นอกทางเหมือนกัน
แม้ว่าเขาจะมีมาหลายเดือน ส่วนเธอมีแค่คืนเดียวเท่านั้น แต่ก็ออกนอกลู่นอกทางจริงๆ
ทั้งๆที่คู่รักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทำไมจู่ๆวันหนึ่งถึงได้พัฒนามาเป็นอย่างนี้ได้ ?
รู้สึกได้ว่าเฉียวโยวโยวกำลังร้องไห้ ฟู้เจียนปอก็ตกใจขึ้นมา แล้วเขาก็ดึงเธอออกมาจากอ้อมแขนของเขา แม้จะลุกลี้ลุกลนแต่ก็ค่อยเช็คน้ำตาให้เธอย่างเบาๆ : “ โยวโยว เป็นอะไรไป ? ไม่สบายอะไรตรงไหนหรือเปล่า ?”
เมื่อก่อน ทุกครั้งที่เธอเจอกับเขาใหม่อีกครั้ง มุมริมฝีปากของจะยกขึ้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่วันนี้กลับเกิดอะไรขึ้น ?
“ ไม่เป็นไร ” เฉียวโยวโยวพยายามปรับอารมณ์ของตัวเองให้สงบลง : “ เมื่อกี้จู่ๆฉันก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมา ไม่มีอะไรอะไรหรอก ”
“ โยวโยว ไม่เป็นอะไรแน่นะ ?” ฟู้เจียนปอยังคงรู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย พอเห็นเหมือนกับว่าเฉียวโยวโยวยิ้มขึ้นมา เขาถึงได้รู้สึกวางใจเล็กน้อย
พอหันกลับมา ฟู้เจียนปอก็เพิ่งจะเห็นหลานถาง ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย : “ เอ๋ เสี่ยวถางก็อยู่หรอ ?”
หลานเสี่ยวถางก็เข้าใจความลังเลใจของเฉียวโยวโยวขึ้นมาในทันที
ในตอนนั้น ที่สือเพ่ยหลินเบื่อและหมดความอดทนกับเธอจริงๆ ซึ่งมันแตกต่างกับสถานการณ์ของเฉียวโยวโยวอย่างสิ้นเชิง
ว่ากันว่า ถ้าคุณรักใครซักคนจริงๆ ดวงตาของคุณจะยอมให้มีแค่คนๆนั้นเท่านั้น
เห็นชัดว่าเธอยู่ที่นี่ตลอด แต่ทว่าผ่านไปจะครึ่งวันยู่ละฟู้เจียนปอเพิ่งจะเห็นเธอ ก็ไม่ใช่เพราะว่าในสายตาของเขามีเพียงแค่เฉียวโยวโยวคนเดียว
ถ้าเป็นเธอละก็เธอก็คงจะเลือกอย่างลำบากใจมาก ? หลานเสี่ยวถางก็พยักหน้าให้ฟู้เจียนปอ : “ อื้ม วันนี้ว่างไม่มีอะไรทำ ก็เลยมาเป็นเพื่อนโยวโยว ”
“ อ๋อ !” ฟู้เจียนปอก็ยิ้ม และพูดด้วยความเกรงอกเกรงใจเล็กน้อย : “ ไม่เจอกันนานเลยนะเสี่ยวถาง ยิ่งอยู่ยิ่งสวยนะ !”
“ เสี่ยวถางเดิมทีก็สวยอยู่แล้ว ? ก็แค่เมื่อก่อนเสี่ยวถางบ้านเราเป็นคนเรียบๆง่ายๆไม่ชอบแต่งตัวก็เท่านั้น !” เฉียวโยวโยวก็ตอบกลับมา : “ ไปกันเถอะ ฉันกัลเสี่ยวถางไปเลี้ยงรับคุณที่มาจากแดนไกล กินอาหารดีๆสักมื้อ !”
ดังนั้น ทั้งสามคนจึงเดินออกจากสนามบิน และมาที่รถของหลานเสี่ยวถาง
เฉียวโยวโยวเห็นว่าฟู้เจียนปอยกกระเป๋าขึ้นด้วยความเหนื่อยลำบาก ก็เลยอดไม่ได้ที่จะถาม : “ ในกระเป๋าใส่อะไรไว้อะ ?”
“ ทั้งหมดล้วนเป็นของที่เอามาให้คุณกิน ” ฟู้เจียนปอลูบไปที่ผมของของเฉียวโยวโยว : “ คุณไม่ใช่ว่าชอบกินพูดดิ้งกับเค้กของทางนู้นหรอ ? ผมซื้อวัตถุดิบมาเยอะมาก ก่อนหน้านี้ผมเคยเชี่ยวชาญเกี่ยวกับศิลปะอาหารมาก่อน ไว้กลับไปที่บ้านผมทำให้คุณกินนะ เพราะกลัวว่ามันจะละลายระหว่างทาง ในกระเป๋าเดินทางของผมมีแต่ถุงน้ำแข็งจำนวนมาก มันก็เลยหนักแบบนี้ ”
เฉียวโยวโยวก็ถึงกับตะลึง
มือของเธอที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวก็อดไม่ได้ที่จับเสื้อผ้าไว้แน่น ทันใดนั้นก็นึกถึงภาพและความรู้สึกที่เธอไปเจอกับเขาในวันนั้น
ในตอนนั้น เดิมทีเธอไม่กลัวว่ามันจะหนักเลย เอาของไปเยอะแยะมากมายไป ทั้งหมดล้วนเป็นของที่เขาชอบกิน
เฉียวโยวโยวนึกถึงตอนนั้น ถ้าเกิดว่าในตอนแรก เธอไม่ได้อยากที่จะไปเซอร์ไพรส์เขา ไม่ได้บอกเขาแล้วก็ไปพาเขา ถ้าอย่างนั้น ถึงแม้ตอนนี้เธอจะยังไม่รู้อะไร แต่จะมันรู้สึกมีความสุขมากเป็นพิเศษได้หรือเปล่า ?
หลานเสี่ยวถางปิดท้ายรถและเดินไปยังหน้ารถพร้อมกับเฉียวโยวโยว
เธอที่กำลังจะยื่นมือจะไปประตูรถ ทันใดนั้น รถคันที่อยู่ด้านหลังก็สูญเสียการควบคุม คนขับที่อยู่ด้านในรถก็กรีดร้อง จากนั้นก็พุ่งเข้ามาทางหลานเสี่ยวถาง !
แต่ทว่า หลานเสี่ยวถางเดิมทีก็ยืนอยู่ตรงหัวมุมของรถ จู่ๆเรื่องมันก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหันมา เดิมทีเธอไม่สามารถที่จะหลบได้เลย ในช่วงเวลาที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายนั้น เฉียวโยวโยวที่อยู่ข้างๆก็ดึงตัวเธอเอาไว้ จากนั้นก็ผลักหลานเสี่ยวถางออกไปยังทางอื่น
“ ปัง !” เฉียวโยวโยวที่ถูกรถชนเข้าก็ตัวลอยขึ้นมาและร่วงลงกับพื้น
หลานเสี่ยวถางที่เพิ่งจะยืนนิ่ง พอหันกลับไปมอง ก็เห็นภาพที่เฉียวโยวโยวร่วงลงกับพื้น
ในชั่วขณะ เธอราวกับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ยืนเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น รู้สึกแค่ว่าแข็งเยือกและสั่นกลัวไปทั้งตัว เริ่มจะนิ้วเท้าไปทีละนิ้ว จนกระทั่งแพร่กระจายไปทั่วร่างกายและจิตใจ
“ โยวโยว !” ฟู้เจียนปอที่อยู่อีกด้านหนึ่งของรถ ดังนั้น เดิมทีเมื่อกี้เขาก็เข้ามาไม่ทัน
เมื่อเห็นเฉียวโยวโยวที่ล้มอยู่กองเลือด เขาก็ราวกับว่ามีลมพัดเข้ามาทำให้สั่นไปทั้งตัว : “ โยวโยว ไม่นะ โยวโยว——”
หลานเสี่ยวที่ตัวสั่วราวกับอาการสั่นระริก จนกระทั่ง คนที่อยู่ข้างๆก็เตือนสติ : “ รีบโทรหา 120 เร็วสิ !”
หลานสี่ยวถางกที่รู้สึกตัว มือที่สั่นไม่หยุดก็รีบต่อสายโทรไปยัง 120 แล้วก็บอกตำแหน่ง จากนั้นน้ำตาก็ไหลพร้อมกับโทรไปให้สือมูเฉิน
สือมูเฉินก็ขอให้ฟู่สีเกอนั้นให้ความช่วยเหลือกับสมาชิก DR เมื่อกี้การประชุมสำคัญของเขาเพิ่งจะจบลงแล้วก็มารวมตัวกับทุกคน พอเห็นว่าหลานเสี่ยวถางโทรมา ก็เลยทำให้มุมริมฝีปากยกขึ้นและยิ้ม : “ เสี่ยวถาง ?”
“ มูเฉิน——” หลานเสี่ยวถางร้องไห้และพูด : “ มูเฉิน โยวโยวถูกรถชน พวกเราอยู่สนามบิน ทำยังไงดี ฉันกลัวมากเลย……”
สือมูเฉินก็พูดด้วยความตึงเครียด : “ แล้วคุณละ ?”
“ ฉันไม่เป็นไร ” หลานเสี่ยวถางพร้องไห้และพูดอย่างสะอึกสะอื้น : “ มูเฉิน โยวโยวนองเลือด เป็นเพราะว่าเธอช่วยฉันเอาไว้ก็เลยถกชน……”
“ เสี่ยวถาง ไม่ต้องกลัว ผมจะติดต่อหมอที่ดีที่สุดทันที และผมจะรีบไปทันที ” ในขณะที่สือมูเฉินพูด ก็วางสายโทรศัพท์ไป จากนั้นก็ต่อสายไปยังอีกเบอร์ด้วยความรวดเร็ว
ฟู่สีเกอที่อยู่ข้างก็เห็นใบหน้าที่จริงจังของเขา ก็อดที่จะถามไม่ได้ : “ เกิดอะไรขึ้น ”
“ เฉี่ยวโยวโยวถูกรถชน อาการรุนแรง ฉันกำลังติดต่อหมอ ” ในขณะที่สือมูเฉินกำลังอธิบาย ก็โทรติดพอ ดังนั้นจึงเดินไปยังข้างๆเพื่อคุยกับผู้เชี่ยวชาญ
และในตอนนั้นที่ฟู่สีเกอได้ยินชื่อของเฉียวโยวโยว ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าบนใบหน้าก็แข็งทื่อไปเล็กน้อย