คนขับที่ก่อเหตุถูกตำรวจพาตัวไปอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะว่าอยู่ในสนามบิน ดังนั้นเมื่อหลานเสี่ยวถางโทร 120 เรียกรถพยาบาล รถพยาบาลที่สนามบินก็ขับรถมาออกมาอย่างรวดเร็ว
แพทย์หลายคนรีบกระโดดลงจากรถ และเดินตรงไปที่ข้าง ๆเฉียวโยวโยวอย่างรวดเร็ว
ฟู้เจียนปอตกใจอย่างมาก เขามองไปที่ศีรษะของเฉียวโยวโยวที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด และต้องการไปกดห้ามเลือด แต่เขารู้ตัวเองดีว่าตัวเองนั้นไม่รู้วิธีการห้ามเลือดเลย กลับยิ่งทำให้วุ่นวายไปอีก
“คุณหมอครับ รีบช่วยแฟนของผมด้วยนะครับ!” น้ำเสียงของเขาบ่งบอกว่าเขานั้นกลัวจะเสียผู้หญิงตรงหน้านี้ขนาดไหน
“เร็ว คีมห้ามเลือด” แพทย์สั่ง: “ฆ่าเชื้อ ยกเปลลงมา!”
ในขณะนี้หลานเสี่ยวถางยืนอยู่นอกฝูงชน และเฝ้าดูการดำเนินการอย่างต่อเนื่องของแพทย์ เธอเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองนั้นสั่นอย่างรุนแรง และเธอไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยสักนิด
น้ำตาของเธอยังคงร่วงหล่น และหัวใจของเธอก็เต้นแรงถี่ขึ้นเรื่อยๆ ในหัวของเธอล้วนเต็มไปด้วยภาพที่เฉียวโยวโยวช่วยชีวิตเธอ ทั้งๆที่รถจะชนเธอ แต่เฉียวโยวโยวผลักเธอออก
เป็นเพราะเฉียวโยวโยวได้ช่วยชีวิตของเธอไว้ โดยไม่คำนึงถึงอันตรายใด ๆเลย……
ในเวลานี้ฟู้เจียนปอเดินเข้าไปข้าง ๆเธอ และจับไหล่ของหลานเสี่ยวถาง: “เสี่ยวถาง โยวโยวต้องไม่เป็นอะไร ใช่ไหม?”
เมื่อเห็นว่าหลานเสี่ยวถางร้องไห้ตลอดเวลา ริมฝีปากของเขาสั่นและไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ เขาจึงเพิ่มแรงขึ้นเพื่อโอบไหล่ของเธอ: “เสี่ยวถาง คุณคิดแบบนี้เหมือนกันไหม โยวโยวสัญญากับผมแล้วว่าจะแต่งงานกับผม หลังจากที่ผมสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอหรอกใช่ไหม?”
ความเจ็บปวดบนไหล่ทำให้หลานเสี่ยวถางได้สติคืนทันที เธอพยักหน้า ราวกับว่าเขากำลังให้ความหวังที่จะโน้มน้าวตัวเองยังไงยังงั้น:“ใช่ โยวโยวจะต้องไม่เป็นอะไร เธอจะต้องไม่เป็นอะไร!”
“ผมรู้จักโยวโยวมา 20 กว่าปีแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่เข็มแข็ง เธอจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน?” ในขณะที่ฟู้เจียนปอพูดอยู่นั้นก็จ้องมองหลานเสี่ยวถางไปด้วย: “เสี่ยวถาง คุณหยุดร้องไห้ได้แล้ว เราต้องสงบสติอารมณ์ อีกสักพักโยวโยวฟื้นขึ้นมาเรายังต้องดูแลเธออีกนะ!”
“ใช่ คุณพูดถูก!” หลานเสี่ยวถางรีบพยักหน้าอย่างไว: “ฉันจะไม่ร้องไห้ ฉันต้องการรอให้โยวโยวฟื้นคืนมา!”
ในเวลานี้แพทย์ได้ทำการรักษาบาดแผลเบื้องต้น จากนั้นยกเฉียวโยวโยวขึ้นรถพยาบาลทันที
พยาบาลรีบไปหาหลานเสี่ยวถางและพูดกับทั้งสองคนว่า:“ใครคือญาติของผู้บาดเจ็บคะ?”
หลานเสี่ยวถางและฟู้เจียนปอพูดพร้อมกัน: “ฉันเอง ผมเอง!”
“รบกวนคุณสองคนตามขึ้นไปบนรถด้วยค่ะ” คุณหมอพูดว่า:“นั่งในหลังรถพยาบาลเลย”
ด้านหลังของรถพยาบาลสูงเล็กน้อย หลานเสี่ยวถางตกใจมากจนเข่าอ่อนและไม่สามารถก้าวขึ้นไปในรถได้ เนื่องจากขาอ่อนแรง ฟู้เจียนปอยื่นมือให้เธอ หลานเสี่ยวถางเพิ่งสังเกตเห็นว่าฝ่ามือของฟู้เจียนปอเต็มไปด้วยเหงื่อที่เย็นเฉียบ ทั้งสองคนกำลังมีเหงื่อออกมาเต็มฝ่ามือ
ในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของหลานเสี่ยวถางสั่นอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเธอกดรับสาย โทรศัพท์มือถือไม่ได้ถูกถืออย่างแน่นหนาและมันตกลงบนพื้นรถ
เมื่อเธอเก็บมันขึ้นมา โชคดีที่โทรศัพท์ไม่ได้ถูกตัดการเชื่อมต่อ เมื่อเธอรับสาย เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า:“ฮัลโหล?”
“เสี่ยวถาง คุณจะไปโรงพยาบาลที่อยู่ข้างสนามบินแห่งนั้นใช่ไหม?” เสียงของสือมูเฉินดังขึ้น: “ผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ ผมได้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมที่ดีที่สุดเอาไว้แล้ว และพวกเขาก็รีบตามไปที่นั่นด้วยเช่นกัน”
ความกังวลในหัวใจสงบลงมาก เธอสั่งน้ำมูกไปด้วยแล้วพูดไปด้วยว่า :“มูเฉิน โยวโยวจะฟื้นขึ้นมาใช่ไหมคะ?”
“อืม เสี่ยวถางคุณไม่ต้องกังวลนะ เธอจะฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน เชื่อผมสิ” เสียงของสือมูเฉินนั้นดูสงบฟังแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหลานเสี่ยวถางถึงเชื่อโดยสัญชาตญาณ เขาพูดว่าเฉียวโยวโยวจะต้องฟื้น ก็จะต้องฟื้นอย่างแน่นอน!
หลานเสี่ยวถางและฟู้เจียนปอกำลังนั่งอยู่ในรถ และเห็นว่าเฉียวโยวโยวถูกแทงด้วยเข็มฉีดยา และได้รับการถ่ายเลือด เธอนอนแน่นิ่ง อยู่บนเตียงในรถพยาบาลอย่างไร้ชีวิตชีวา ซึ่งทำให้ผู้คนนั้นจากที่รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยแล้วก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมาอีกครั้ง . . .
โชคดีที่โรงพยาบาลนั้นอยู่ไม่ไกล หลานเสี่ยวถางและฟู้เจียนปอทั้งสองกระโดดออกจากรถก่อน และเฉียวโยวโยวค่อยถูกยกตามลงมาและถูกส่งเข้าไปในห้องผ่าตัดฉุกเฉิน มีคนเดินเข้ามาและถามว่า :“ขอโทษนะบนเปลหามนั้นใช่คุณเฉียวโยวโยวหรือเปล่า?”
หลานเสี่ยวถางและฟู้เจียนปอทั้งสองพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และในทันทีคน ๆนั้นก็ชี้ไปที่ห้องผ่าตัดด้านข้าง: “เตรียมตัวสักครู่ ผู้เชี่ยวชาญจะมาในไม่ช้า และจะดำเนินการผ่าตัดให้คุณเฉียวด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเอง”
“ขอบคุณค่ะ!” แม้ว่าหลานเสี่ยวถางจะรู้ว่าสือมูเฉินเป็นคนจัดการไว้ แต่ในเวลานี้เธอก็หลั่งน้ำตาด้วยความตื้นตันใจสุด ๆ
เฉียวโยวโยวถูกส่งตัวเข้าไปด้านในห้องผ่าตัด หลานเสี่ยวถางยืนอยู่ที่ทางเดิน เห็นประตูที่ถูกปิดอยู่ และไม่หยุดนับเวลา
ไม่นานแพทย์หลายคนในชุดขาวก็เดินมา พวกเขารีบผลักประตูห้องผ่าตัดทันที ฟู้เจียนปอวิ่งไล่ตามหลังและพูดอย่างน้ำเสียงสั่นเครือ: “คุณหมอครับ ขอความกรุณาพวกคุณต้องช่วยชีวิตเฉียวโยวโยวให้ได้นะครับ!”
“ไม่ต้องห่วง เป็นหน้าที่ของแพทย์ที่จะต้องช่วยชีวิตคนและรักษาผู้บาดเจ็บ” หนึ่งในนั้นรีบเดินรีบพูดแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องผ่าตัดทันที แล้วประตูก็ปิดลงอีกครั้ง
ไม่กี่นาทีต่อมา ไฟที่ประตูหน้าห้องผ่าตัดก็เปิดขึ้น และคำว่า ‘กำลังดำเนินการผ่าตัด’ ก็สะดุดตาและเห็นได้อย่างชัดเจน
ทั้งหลานเสี่ยวถางและฟู้เจียนปอนั้นไม่ได้นั่ง พวกเขาทั้งสองยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู และเดินวนไปวนมาหน้าประตูซ้ำ ๆ โดยไม่พูดไม่จา
ในทางเดินนั้นบรรยากาศอึมครึมและน่าหดหู่
ประมาณสิบนาทีต่อมามีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่ง หลานเสี่ยวถางหันศีรษะและเห็นสือมูเฉินกำลังเดินมาพร้อมกับฟู่สีเกอ
ดูเหมือนเธอกำลังจะมองเห็นกำลังใจสำคัญ เมื่อสือมูเฉินเพิ่งเดินมาถึงที่หัวมุม เธอก็รีบพุ่งเข้าไปจับเสื้อของสือมูเฉินแน่น: “มูเฉิน โยวโยวได้รับการผ่าตัดแล้ว ……”
“อืม ผมรู้” สือมูเฉินตบที่ไหล่หลานเสี่ยวถาง: “เสี่ยวถางคุณไม่ต้องกังวล แพทย์ที่มาทำการรักษานี้เป็นศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญอย่างมาก”
“มูเฉิน ดังนั้นโยวโยวต้องไม่เป็นอะไร ใช่ไหมคะ?” หลานเสี่ยวถางพูดย้ำอีกครั้ง เธอยืนสั่นทั้งตัว มองไปที่สือมูเฉินอย่างคาดหวัง
“ใช่” แววตาของสือมูเฉินมองอย่างมั่นใจและแน่วแน่ “เสี่ยวถาง อย่าตื่นตระหนกไปเลย ไหนเล่าให้ผมฟังสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
หลานเสี่ยวถางพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง และอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา: “มูเฉิน โยวโยวได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นเพราะช่วยชีวิตฉัน และถ้าไม่ใช่เพราะเธอ คนที่นอนอยู่ในห้องผ่าตัดคงต้องเป็นฉัน!”
เธอได้แต่โทษตัวเองและรู้สึกผิด: “มูเฉิน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับโยวโยว ฉันคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วเช่นกัน”
ในเวลานี้เสียงผู้ชายน้ำเสียงแผ่วเบาดังมาจากด้านข้าง: “เสี่ยวถาง พูดแบบนี้ต่อหน้าสามีของคุณได้อย่างไร บอกว่าคุณไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากหญิงอื่น มันง่ายที่จะทำให้คนอื่นคิดไปไกลนะ!”
เมื่อหลานเสี่ยวถางหันหน้าไปมอง เธอก็เห็นฟู่สีเกอมองเธอด้วยสีหน้าการหยอกล้อเล็กน้อย
เธอยังน้ำตาคลอเบ้า จ้องมองไปที่ฟู่สีเกอ: “ฉันเป็นห่วงโยวโยวมันแปลกตรงไหน? ตรงกันข้าม คุณนั่นแหละ รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนของฉันอยู่ในช่วงความเป็นความตายแบบนี้ คุณยังมีอารมณ์ที่จะล้อเล่นอยู่อีก !”
หลานเสี่ยวถางพูดด้วยน้ำเสียงอย่างก้าวร้าวเป็นครั้งแรก โดยมองไปที่ฟู่สีเกออย่างตำหนิเล็กน้อย
“ต่อให้คุณร้องไห้ไม่หยุด มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้” ฟู่สีเกอเลิกล้อเล่นแล้วพูดอย่างจริงจัง: “ก่อนหน้านั้นผมได้ยินมาว่าครอบครัวของเธอไม่ได้อยู่ที่หนิงเฉิง คุณคิดหรือเปล่าว่า อุบัติเหตุครั้งนี้คุณจะแจ้งข่าวให้ครอบครัวของเธอทราบไหม? หากมีอะไรเกิดขึ้นมาจริง ๆ คุณแจ้งให้พวกเขาทราบทีหลังกับคุณแจ้งข่าวให้พวกเขาทราบตอนนี้ ผลลัพธ์มันต่างกัน!”
หลานเสี่ยวถางเข้าใจความหมายของฟู่สีเกอทั้งหมดในทันที
เขากำลังพูดว่า ในกรณีที่เฉียวโยวโยวอาการแย่ ถ้าหลานเสี่ยวถางแจ้งข่าวให้ทราบตอนนี้ เป็นไปได้ว่าทางครอบครัวของเธออาจจะมีโอกาสมาดูเธอเป็นครั้งสุดท้าย!
ไฟในหัวใจของหลานเสี่ยวถางถูกกระตุ้นให้สงบเย็นลง! แม้ว่าเธอจะรู้ว่าในสิ่งที่ฟู่สีเกอพูดมานั้นควรจะพิจารณาดู แต่เธอก็เห็นเขาพูดถึงชีวิตและความตายของเพื่อนสนิทของเธออย่างเฉยเมย เธอรู้สึกว่าถ้าเฉียวโยวโยวเป็นอะไรไปจริง ๆ เป็นเพราะคำสาปแช่งฟู่สีเกอ!
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่หลานเสี่ยวถางจะโต้ตอบกลับ เมื่อฟู้เจียนปอที่อยู่ด้านข้างได้ยินเช่นนั้น เขาก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ได้
เขาหันกลับมาและยืนอยู่ตรงหน้าฟู่สีเกอ โดยมีเส้นเลือดบนหน้าผากเริ่มกระตุกเล็กน้อย: “คุณหมายความว่าอย่างไร? โยวโยวของผมจะต้องไม่เป็นอะไร!”
“คุณเป็นใคร” ฟู่ซีเกอถามอย่างเรียบเฉย
“ผมเป็นแฟนของโยวโยว แล้วคุณล่ะเป็นใคร?” ฟู้เจียนปอกำหมัดแน่น
“ผมเป็นเพื่อนของสามีเสี่ยวถาง” ฟู่สีเกอกล่าว และชายตามองฟู้เจียนปอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย: “โอ้ ที่แท้คุณก็คือคนที่เรียกกันว่าแฟนหนุ่มของเธอนะเหรอ?”
เดิมทีฟู้เจียนปอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อเขาได้ยินน้ำเสียงของฟู่สีเกอ อารมณ์ความโกรธก็ลุกพล่านขึ้นมาทันที: “คุณหมายความว่าอย่างไร? อะไรคือ‘ที่เรียกกันว่า’ ?! ผมรู้จักกับโยวโยวมาตั้งแต่เด็กแล้ว เราอยู่ด้วยกันมานานหลายปีแล้ว!”
“แล้วไงล่ะ” ฟู่สีเกอเลิกคิ้ว ดวงตาดูยั่วยวนเพราะกลัวว่าจะไม่ได้มีเรื่องยังไงยังงั้นแหละ
“ดังนั้น คุณเป็นเพื่อนของเสี่ยวถาง ผมก็ต้องให้เกียรติเธอและเคารพคุณด้วย” ฟู้เจียนปอพยายามระงับความโกรธของเขาลง: “แต่อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับโยวโยว คนอื่นไม่สามารถมาพูดจาดูถูกหรือสงสัยได้!”
“โอ้ -” ฟู่สีเกอดูเหมือนว่าเพิ่งจะฟังเข้าใจ เมื่อทุกคนคิดว่า ‘การทะเลาะวิวาท’ ในครั้งนี้น่าจะหยุดลง เขาก็ค่อย ๆ เสริมว่า: “แต่พวกคุยังไม่ได้แต่งงานกันนี่?และแม้ว่าพวกคุณจะแต่งงานแล้วก็ตาม แต่ก็สามารถหย่าร้างได้นี่ อย่าว่าแต่ยังไม่ได้แต่งงานกันเลย! นี่ไอ้น้อง ระวังสังคมที่ซับซ้อนหน่อยเถอะ เพราะแฟนของคุณอาจถูกคนอื่นแย่งไป!”
อันที่จริงฟู่สีเกอไม่ชอบขี้หน้าฟู้เจียนปอสักเท่าไหร่นัก และจริง ๆแล้วไม่ใช่เพราะเขามีความรู้สึกพิเศษใด ๆ ต่อเฉียวโยวโยวหรอกนะ แต่เพราะว่าวันนั้นเขาจำได้ว่าเฉียวโยวโยวดื่มมากเกินไป และเล่าเรื่องระหว่างเธอกับเขาออกมา ในใจของเขาก็รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับฟู้เจียนปอ
นี่นอกใจกี่เดือนแล้วล่ะ แม้ว่าจะเป็นเพราะความต้องการทางร่างกายล้วน ๆ ตอนนี้กลับประเทศมานึกว่าจะตัดขาดกันแล้ว แต่ในเมื่อมันเกิดเรื่องขึ้นแล้วก็ไม่สามารถมันลบออกไปได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทำไมฟู้เจียนปอถึงพูดว่าเฉียวโยวโยวเป็นของเขา? เขามีสิทธิ์อะไรทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้นว่าในอนาคตพวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้? !
กล่าวโดยสรุปสั้น ๆก็คือฟู่สีเกอไม่พอใจเมื่อได้ยินน้ำเสียงของฟู้เจียนปอ ก็คือไม่พอใจและโกรธแทนเฉียวโยวโยว
ยิ่งกว่านั้น เขายังเติบโตขึ้นมาบนกองเงินกองทอง ซึ่งครอบครัวของเขาถือนั้นรักและทะนุทนอมเขามาเป็นอย่างดี และการที่เขาไม่ชอบเขาก็จะแสดงมันออกมาโดยตรง ดังนั้นเขาจะไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น!
หลังจากที่ฟู้เจียนปอได้ยินสิ่งที่ฟู่สีเกอพูด ไฟที่เพิ่งถูกระงับก็ไม่สามารถดับได้อีกต่อไป เขากำหมัดและชกไปทางฟู่สีเกอ: “อะไรที่เรียกว่าการถูกแย่งชิงไป! คุณพูดแบบนี้ คุณคิดอะไรกับโยวโยวใช่ไหม?”
หลานเสี่ยวถางคาดไม่ถึงว่าฟู้เจียนปอและฟู่สีเกอที่มีชื่อนามสกุลออกเสียงคล้ายกันขนาดนี้ แต่เมื่อทั้งสองเจอหน้ากัน ทำไมถึงไม่ลงรอยกันนะ ขณะที่เธอกำลังตื่นตระหนกตกใจอยู่นั้น ก็เห็นสือมูเฉินได้ยื่นมือออกไปคว้าแขนของฟู้เจียนปอทันที
สือมูเฉินขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเขาดูดุดันและทำให้คนที่ฟังรู้สึกกดดัน: “ที่นี้มันในโรงพยาบาลนะ แฟนของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดอยู่ มันเหมาะสมไหมที่คุณจะลงมือชกต่อยกับคนอื่นแบบนี้?!”
จู่ ๆ ฟู้เจียนปอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจ้องมองไปที่ฟู่สีเกออย่างคาดโทษ จากนั้นเขาก็ดึงแขนออกจากฝ่ามือของสือมือเฉิน เม้มริมฝีปากแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดันว่า: “คุณคือคุณสือสินะ? ขอบคุณที่ช่วยติดต่อหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยชีวิตของโยวโยว ขอบคุณคุณมากจริง ๆ!”
“ไม่เป็นไรครับ” สือมูเฉินไม่มีสีหน้าท่าทีใดๆ: “โยวโยวเป็นเพื่อนของภรรยาผม การที่ผมหาแพทย์มาช่วยนั้นมันก็ถูกต้องแล้ว”