ในทางเดินก็เงียบลงทันที แต่หลังจากผ่านความขัดแย้งไปเมื่อกี้นี้ ความกังวลใจของหลานเสี่ยวถางก็บรรเทาลงบ้าง
เธอถูกสือมูเฉินดึงให้นั่งลง เธอมองขึ้นไปที่ป้ายหน้าประตูห้อง‘กำลังดำเนินการผ่าตัด’ และพูดกับสือมูเฉินว่า:“คุณรู้ไหมว่าการผ่าตัดจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนคะ?”
“ผมก็ไม่รู้ แต่ผมเชื่อว่าพวกเขาจะให้การรักษาที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน” สือมูเฉินกล่าว :“เสี่ยวถาง แม้ว่าสีเกอจะพูดไม่น่าฟังสักเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นความจริง คุณลองพิจารณาดูอีกว่าจะแจ้งข่าวให้ครอบครัวของเธอทราบหรือไม่!”
หลานเสี่ยวถางรู้เรื่องในครอบครัวของเฉียวโยวโยวเป็นอย่างดี
ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของเฉียวโยวโยวทำธุรกิจในเมืองอื่น ในช่วงสองปีที่ผ่านมานั้นมีเวลากลับมาที่หนิงเฉิงน้อยมาก
คุณยายของเฉียวโยวโยวเคยอยู่ที่หนิงเฉิง แต่เนื่องจากลูก ๆ ของเธอไม่อยู่ตลอดทั้งปี ดังนั้นเธอจึงอาศัยอยู่ในชนบท ซึ่งค่อนข้างห่างไกลจากโลกภายนอก
และถ้าหากเธอโทรไปบอกคุณพ่อคุณแม่ของเฉียวโยวโยว และเมื่อทั้งสองรีบออกออกเดินทางมาจากเมืองอื่น คาดว่าการผ่าตัดน่าจะดำเนินการเสร็จแล้ว และทุกอย่างก็คงจะคลี่คลายลง
ดังนั้น หลังจากการผ่าตัดสิ้นสุดลง รอดูอาการของเฉียวโยวโยวค่อยแจ้งข่าวให้ทราบอีกที หรือเคารพการตัดสินใจของเฉียวโยวโยวมันน่าจะดีกว่า
“รอดูสถานการณ์อีกหน่อยเถอะนะ!” หลานเสี่ยวถางกล่าว
“โอเค” สือมูเฉินกุมมือหลานเสี่ยวถางที่เย็นเฉียบ
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ และทั้งสามคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องผ่าตัดก็ไม่พูดอะไรกันอีกเลย ในขณะที่หลานเสี่ยวถางรออย่างกระวนกระวายใจอยู่นั้น คำว่ากำลังดำเนินการผ่าตัดไฟก็ได้ดับลง หลานเสี่ยวถางรีบยืนขึ้นทันที และหัวใจนั้นเต้นแรงถี่ขึ้นเรื่อย ๆจนถึงคอ
ไม่กี่นาทีต่อมา ประตูห้องผ่าตัดก็ถูกเปิดออกจากด้านใน และคุณหมอก็เดินออกมาก่อน
สือมูเฉินตบหลังมือของหลานเสี่ยวถางเพื่อปลอบใจ เธอเดินไปถามคุณหมอ:“ขอโทษนะคะคุณหมอ คนไข้ข้างในเป็นยังไงบ้างคะ?”
หมอถอดหน้ากากออก สีหน้าดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย แต่น้ำเสียงนั่นหนักแน่นมากๆ: “ผู้ป่วยมีการกระทบกระเทือนทางสมองเล็กน้อย บาดแผลอยู่บนศีรษะทั้งหมด และด้านหลังมีรอยถลอกเล็กน้อย การผ่าตัดประสบความสำเร็จ แต่ต้องพักฟื้นตัวสักระยะหนึ่งก่อน”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกโล่งอก เธอเอนตัวพิงลงบนร่างกายของสือมูเฉินด้วยอาการหมดเรี่ยวแรง
“โอเคครับ ขอบคุณคุณหมอมากครับ” สือมูเฉินกล่าว:“เธอฟื้นแล้วหรือยังครับ?”
“คนไข้ไม่ฟื้นครับ เราจะย้ายเธอไปที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วย VIP ผู้ช่วยของผมจะเข็นย้ายเธอไปทันที” แพทย์กล่าว: “การติดตามผลและข้อควรระวังนั้น เราจะอธิบายให้คุณฟังอย่างละเอียดในห้องพักฟื้นคนไข้อีกทีนะครับ”
แน่นอนว่าเฉียวโยวโยวถูกเข็นออกมาอย่างเร็ว หัวของเธอถูกพันด้วยผ้าก๊อซ ใบหน้าของเธอซีดเผือด ริมฝีปากของเธอแห้งกรัง และเธอกำลังนอนอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าเธอกำลังนอนหลับอย่างสบาย
“โยวโยว!” ทันทีที่ฟู้เจียนปอเห็นเธอ น้ำตาก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และจับขอบเตียง: “โยวโยว คุณทำให้ผมตกใจกลัวจริง ๆ……”
พวกเขาเข็นเฉียวโยวโยวเข้าไปในห้องพักฟื้นผู้ป่วย VIP ที่สือมูเฉินได้จัดเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว มันเป็นห้องสองห้อง และห้องรับแขกหนึ่งห้อง เมื่อเฉียวโยวโยวถูกย้ายไปนอนรักษาบนเตียงในห้องผู้ป่วยพร้อมกับอุปกรณ์ ด้านนอกมีห้องรับแขกหนึ่งห้อง และก็มีห้องนอน 2 ห้องเชื่อมต่อกันกับห้องน้ำ แล้วยังมีระเบียงและห้องครัวเรียบง่ายอยู่ด้วย
แพทย์ได้ติดตั้งเครื่องช่วยหายใจออกซิเจนสำหรับเฉียวโยวโยว จากนั้นจึงเดินไปที่ห้องรับแขก และอธิบายข้อควรระวังให้ทุกคนฟัง
หลานเสี่ยวถางตั้งใจฟังรายละเอียดทุกขั้นตอนอย่างดี และจดบันทึกด้วยโทรศัพท์มือถือของเธออีกด้วย
ในที่สุด แพทย์ก็ทำการตรวจเฉียวเฉียวโยวโยวอีกครั้ง จากนั้นมองไปที่ขวดน้ำเกลือ และให้บอกพยาบาลที่อยู่หน้าประตู หลังจากที่เติมน้ำเกลือเสร็จแล้ว แค่เรียกพยาบาลก็พอ
หลังจากที่หมอจากไป ฟู้เจียนปอเดินไปที่เตียงของเฉียวโยวโยว และนั่งลงโดยกุมมืออีกข้างของเธอที่ไม่ได้เติมสายน้ำเกลือ
เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า:“โยวโยว รอคุณตื่นมา เราแต่งงานกันเถอะ! ได้ยินมาว่าตอนนี้โรงแรมนั้นจองยากมาก ดังนั้น อันที่จริงต้นปีของปีนี้ ผมแอบไปจองช่วงปลายปีไว้แล้ว รอคุณออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ พวกเราจะไปจดทะเบียนสมรสกันก่อนนะ จากนั้นค่อยไปลองชุดแต่งงานกัน แต่ว่าเวลาค่อนข้างเร่งรีบ ดังนั้นจึงสั่งตัดไม่ทัน แต่ชุดแต่งงานในร้านเจ้าสาวร้านนั้นสวยมาก ๆ ถ้าคุณใส่แล้วมันต้องสวยอย่างมากแน่นอน ……”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฟู้เจียนปอพูด หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกออกมา
ใช่สิ ถ้าหากหลายเดือนก่อนไม่มีเหตุการณ์การนอกใจเกิดขึ้น ฟู้เจียนปอและเฉียวโยวโยวจะเป็นคู่รักที่น่าอิจฉาที่สุดเชียวล่ะ!
ตอนนี้พวกเขากำลังจะแต่งงานกันแล้ว ดังนั้นเรื่องในอดีตที่มันผ่านไปแล้ว มันจะสามารถถูกเก็บไว้ในความทรงจำจริง ๆเหรอ ตราบใดที่พวกเขาไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาจะลืมมันได้จริง ๆงั้นเหรอ?
ที่บริเวณบนโซฟา สือมูเฉินดื่มน้ำไปหนึ่งแก้ว แล้วกดรับสาย
คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย และน้ำเสียงของเขาก็ดูไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่: “คุณแม่ อืม ผมทราบแล้วครับ……ตอนนี้ผมอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว……ไม่ใช่ครับ เพื่อนของผมป่วยครับ ฉันไม่ได้เป็นอะไร คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะครับ……เสี่ยวถางงานยุ่งมากครับ อาจจะไม่ได้กลับบ้านสักพักนะครับ…… เอ่อ คุณแม่หิวไหมครับ เอาแบบนี้ดีไหมครับผมจะให้เลขาสั่งอาหารกลับบ้านให้คุณแม่นะครับ……อืม……ครับ……”
หลานเสี่ยวถางอยู่ข้าง ๆสือมูเฉิน เมื่อเห็นเขาวางสาย เธอก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย: “คุณแม่ไม่พอใจใช่ไหมคะ?”
“ไม่มีอะไร” สือมูเฉินเทน้ำให้หลานเสี่ยวถางหนึ่งแก้ว: “ผมรู้ว่าถ้าวันนี้ผมให้คุณกลับบ้านคุณต้องไม่เต็มใจกลับอย่างแน่นอน เรื่องอื่นไม่ต้องคิดแล้ว คุณอยู่เป็นเพื่อนโยวโยวที่นี่เถอะ เรื่องในบ้านเดี๋ยวผมจัดการเอง”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า: “มูเฉิน ขอบคุณคุณมากนะคะ!”
ด้านข้าง ฟู่สีเกอลุกขึ้นและพูดว่า:“ผมออกไปทำธุระสักครู่นะ” ในขณะที่เขาพูดอยู่นั้น ก่อนที่ทุกคนจะพยักหน้าตอบกลับ เขาก็เดินออกไปทันที
“วันนี้ ฟู่สีเกอดูอารมณ์เสียมากไปหน่อยนะ!” หลานเสี่ยวถางถอนหายใจ
สือมูเฉินมองไปในทิศทางที่ฟู่สีเกอเดินจากไปพร้อมกับพยักหน้า: “เขาก็เป็นคนแบบนี้แหละ ปล่อยเขาไปเถอะ อย่างไรก็ตาม เขาก็เพิ่งเจอโยวโยวเพียงไม่กี่ครั้งเอง”
“อืม” หลานเสี่ยวถางพยักหน้า
ในขณะนี้ ดวงตาของฟู้เจียนปอสว่างขึ้นทันที และน้ำเสียงของเขาก็ตื่นเต้นเล็กน้อย: “โยวโยว คุณตื่นแล้วเหรอ?!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา หลานเสี่ยวถางรีบลุกขึ้นและเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เฉียวโยวโยวกระพริบตาแล้วค่อย ๆลืมตาขึ้น
บางทีอาจเป็นเพราะอาการปวดหัว ดังนั้นเธอยกมือขึ้นต้องการจับที่หัวโดยไม่รู้ตัว แต่เพราะเธอกำลังจะเคลื่อนไหวก็ถูกฟู้เจียนปอจับไว้ เขาส่ายหัว: “โยวโยว คุณได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ คุณอย่าเพิ่งขยับไปเรื่อย ”
“โอ้—” เฉียวโยวโยวค่อยๆ นึกขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ และอดไม่ได้ที่จะมองดูหลานเสี่ยวถาง: “เสี่ยวถาง เธอเป็นอะไรไหม บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
หลานเสี่ยวถางส่ายหัว ดวงตาของเธอเศร้าเล็กน้อย: “โยวโยว ทำไมเธอถึงโง่ขนาดนี้ด้วยนะ?นี่เธอช่วยชีวิตฉัน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอจริงๆ เธอจะให้ฉันใช้ชีวิตอยู่ในความรู้สึกผิดและโทษตัวเองไปตลอดชีวิตอย่างนั้นเหรอ?”
แก้มของเฉียวโยวโยวดูซีดเล็กน้อย และริมฝีปากของเธอก็แห้งแตกเพราะยิ้มบาง ๆ: “ตอนนั้นฉันไม่ทันได้คิดอะไรเลย!”
ในตอนนั้น เธอไม่ได้คิดอะไรเลยจริง ๆ เธอเห็นรถพุ่งใกล้เข้ามา และกำลังจะพุ่งชนหลานเสี่ยวถางแล้ว ดังนั้นเธอจึงผลักหลานเสี่ยวถางไปอีกฝั่งทันที อย่างไรก็ตามเนื่องจากความเฉื่อยของเธอ เธอกลับไปยืนตำแหน่งทิศทางของรถที่มุ่งชนอย่างแรง!
“มันเป็นเพราะไม่ได้คิดอะไรเลย และทำโดยสัญชาตญาณล้วน ๆ มันจึงดูล้ำค่า” สือมูเฉินพูดอย่างจริงจัง: “โยวโยว ขอบคุณคุณมาก ๆนะครับ”
สือมูเฉินพูดเช่นนี้ทำให้เฉียวโยวโยวรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธอกำลังจะส่ายหัว และตระหนักขึ้นได้ว่าหัวของเธอหนักอึ้ง เธออดไม่ได้ที่จะกระตุกริมฝีปากของเธอ: “การที่ถูกคุณสือชื่นชมเช่นนี้ ความกล้าหาญในครั้งนี้มันคุ้มค่าจริงๆค่ะ!”
เพราะเธอหัวเราะออกมา ดังนั้นเลือดจึงไหลออกมาจากริมฝีปากที่มีรอยแตกอยู่ หลานเสี่ยวถางเห็นเข้าจึงรีบยืนขึ้น: “โยวโยว ฉันจะหาหลอดดูดน้ำให้เธอนะ เธอดื่มน้ำก่อนเถอะ!”
เพียงแต่ว่า เมื่อเธอกำลังจะลุกขึ้นยืนฟู่สีเกอก็เดินเข้ามาจากข้างนอก
ในมือของเขามีสำลีก้านและหลอดอยู่ในมือถุงหนึ่ง เขาเดินไปที่ตู้กดน้ำ หยิบน้ำอุ่นหนึ่งถ้วยแล้วเดินไปพร้อมพูดว่า: “เมื่อออกจากห้องผ่าตัดนั้นจะทำให้ปากแห้งมาก โดยทั่วไปแล้วควรใช้สำลีก้านชุบน้ำเช็ดเพื่อทำให้ริมฝีปากชุ่มชื้นและไม่แห้งกร้าน”
หลานเสี่ยวถางผงะไปครู่หนึ่ง: “สีเกอคุณออกไปซื้อสำลีก้านและหลอดดูดมาเหรอคะ?”
“ไม่งั้นล่ะ?” ฟู่สีเกอพูดอย่างเกียจคร้าน: “ผมเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลขนาดนั้นเลยเหรอ คนที่มีพระคุณช่วยชีวิตคุณกลายเป็นสภาพนี้แล้ว ผมยังจะหันหลังจากไปดื้อ ๆอย่างนั้นเหรอ?”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น เขาก็ได้เดินไปหาเฉียวโยวโยวแล้ว
เมื่อเฉียวโยวโยวเห็นเขา ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้น และใบหน้าของเธอก็ดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย
เพียงแต่ว่าทุกคนนั้นไม่ทันได้สังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ แต่มุ่งเน้นไปที่ร่างกายของฟู่สีเกอ
เมื่อฟู้เจียนปอเห็นฟู่สีเกอถือสำลีก้านที่ชุบน้ำ เขาจึงยกมือขึ้น เขาสบตาเข้ากับฟู่สีเกอโดยตรง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “คุณฟู่ครับ ขอบคุณคุณมากนะครับ เดี๋ยวผมทำเองดีกว่านะครับ ”
ฟู่สีเกอก็ไม่ได้ยืนหยัดที่จะทำต่อ ดังนั้นเขาจึงส่งสำลีก้านไปให้ฟู้เจียนปอทันที
เขามองลงไปที่เฉียวโยวโยว และมุมริมฝีปากของเขาม้วนขึ้น: “เฉียวโยวโยวคาดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญขนาดนี้ นี่ไม่ใช่แค่ภายนอกจริงๆนะเนี่ย นี่ยังกล้าที่จะเอาชีวิตของตัวเองเข้าแลกเพื่อช่วยชีวิตคน เธอนี่ช่างกล้าทำจริงๆเลยนะ!”
หลังจากคืนนั้น เฉียวโยวโยวไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับฟู่สีเกออีกครั้งได้อย่างไร แต่เมื่อได้เห็นการพูดเยาะเย้ยของเขาแล้ว เธอก็รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย เธอยิ้ม: “ไม่เป็นไรหรอก ใครใช้ให้เสี่ยวถางเป็นรักแท้ของฉันด้วยล่ะ!”
“ที่แท้รักแท้ของคุณไม่ใช่แฟนของคุณหรอกเหรอ แต่กลับเป็นเสี่ยวถางนี่เอง!” ฟู่สีเกอมองฟู้เจียนปออย่างมีความหมายแอบแฝง และเห็นมือของเขาแข็งทื่อเล็กน้อยเมื่อกำลังจะช่วยทำให้ริมฝีปากของเฉียวโยวโยวชุ่มชื้นขึ้น
“ล้อเล่น เพื่อเสี่ยวถางแล้วฉันทำได้ทุกอย่างแม้ต้องแลกด้วยชีวิต !” ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเฉียวโยวโยวเคลื่อนไหวไม่สะดวกแล้วก็ เธอคงตบหน้าอกของตัวเองไปแล้ว: “มิตรภาพระหว่างฉันกับเสี่ยวถางนั้นเป็นเรือที่ไม่มีวันคว่ำอย่างแน่นอน!”
ด้านข้าง หลานเสี่ยวถางเมื่อได้ฟังสิ่งที่เธอพูดแล้ว ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง: “จ๊ะ เป็นสิ่งที่ฉันมีความสุขที่สุด นั้นก็เพราะมีเพื่อนอย่างโยวโยวคนนี้ไงจ๊ะ!”
“เอาล่ะ ดูเหมือนจะไม่อะไรเกี่ยวข้องกับผู้ชายอย่างเราทั้งสามคนแล้วล่ะ!” ฟู่สีเกอหัวเราะพร้อมพูดว่า:“อาเฉิน พวกเรารีบไปกันเถอะ จะได้ไม่เป็นการรบกวนภรรยานายและเพื่อนรักของภรรยานายพลอดรักกัน!”
ทุกคนพูดคุยและหัวเราะกันอยู่ครู่หนึ่ง เฉียวโยวโยวดื่มน้ำ และผล็อยหลับไปอีกครั้งเพราะฤทธิ์ของยา
ฟู้เจียนปอคอยดูแลอยู่ข้าง ๆเธอไม่ห่าง เมื่อเห็นเหงื่อที่หน้าผากของเธอเขาก็เช็ดเหงื่อให้กับเธอ
หลังจากเช็ดเหงื่อเสร็จแล้ว เขาขอให้พยาบาลปรับอุณหภูมิในห้องเล็กน้อย แล้วจ้องมองไปที่เฉียวโยวโยว
เขาคิดว่าก่อนหน้านี้เพื่อน ๆ รอบตัวเขาบอกว่าเฉียวโยวโยวเป็นคนสวยและไม่ชอบเขาแน่นอน แม้ว่าเขาจะดูดีแต่ในอดีตก็มีหลายคนที่ไล่ตามจีบเฉียวโยวโหยว ทั้งรวยและหล่อเหลาทั้งนั้น และฐานะทางครอบครัวนั้นก็ดีกว่าเขาอีกด้วย
ดังนั้นเขาจึงตั้งใจเรียนหนักมาตลอด พยายามทำให้ตัวเองโดดเด่น เพื่อที่เธอจะได้เห็นเขาโดดเด่นและมาสนใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขก็คือในที่สุดเธอก็ตกลงที่จะคบกับเขา และในวันนั้นเขาก็ตื่นเต้นและนอนไม่หลับอยู่ทั้งคืน
ฟู้เจียนปอมองไปที่คิ้วและดวงตาของเฉียวโยวโยว เธอไม่ได้มีใบหน้าแบบเน็ตไอดอล ในทางกลับกันแก้มของเธอกลมเล็กน้อยและมีไขมันอยู่นิดหน่อย แต่ยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์
ฟู้เจียนปอค่อยๆ ขยับสายตาของเขามองจากคิ้วของเฉียวโยวโยวลงไปที่จมูกของเธอ และในที่สุดก็มองลงมาที่ริมฝีปากของเธอ
เพราะเธอเพิ่งบำรุงริมฝีปากเมื่อกี้นี้ และดื่มน้ำไปด้วย ดังนั้นริมฝีปากที่อวบอิ่มนั้นก็ชวนให้หลงใหลน่าจูบมาก
จู่ ๆเขาค่อยๆ เคลื่อนเข้าหาริมฝีปากของเฉียวโยวโยวโดยไม่รู้ตัว และในวินาทีต่อมาเขาก็กำลังจะจูบเบาๆ
ในขณะนี้ ฟู่สีเกอกำลังเดินออกจากห้องน้ำและเห็นฉากนี้เข้าพอดี ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่เตียงคนไข้อย่างไว
*คำพูดของผู้เขียน:
ขอบคุณคุณน่าไอเหมิน, C, ชอนิวเสี่ยวเสียงเสียง, ปรบมือ, จวินหย๋าสาวน้อยสำหรับรางวัลของคุณ จุ๊บๆ!
อย่างไรก็ตาม หลังจากอ่านโพลการโหวตในบัญชีแล้ว ฟู่สีเกอเป็นผู้ชนะไปแล้วสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า แต่คะแนนโหวตมีอายุการใช้งานแค่หนึ่งสัปดาห์นะจ๊ะ และยังไม่จบจ๊ะ~ อ้อ อยากรู้จริง ๆว่าใครเป็นคนโหวตให้ฟู้เจียนปอ โหวตให้ตั้งหนึ่งคะแนนโหวตแน่ะ ฮ่าฮ่า~