ตอนที่ 191 กว่าร้อยอาเบะจากโลกใต้ดิน

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

191 กว่าร้อยคนจากโลกใต้ดิน

 

“――เนีย・ลิสตันใช่ไหม?”

 

โอ้ ในที่สุดก็มากัน

 

ระห่างทางกลับจากโรงเรียนทหารจักรกล วันนี้เองฉันก็ต้องพัวพันกับผู้ชายอีกครั้ง

ช่วงนี้ฉันจะโดนเข้ามาพัวพันอย่างน้อยหนึ่งครั้งทุก ๆ สามวัน ดังนั้นฉันจึงรู้ว่าพวกเขากำลังจะมาในไม่ช้า

 

แต่ยังไงก็ตาม มาก็คือมา แต่วันนี้แตกต่างไปจากปกติ

 

“ใช่ค่ะ ฉันคือเนีย・ลิสตัน คุณต้องการอะไรจากฉันหรือค่ะ สารวัตรทหารซัง?”

 

ในที่สุดขั้นต่อไปก็มาถึง

สารวัตรทหารล่ะ

 

 

 

สารวัตรทหารสองนายที่แต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบสีดำ ดูเหมือนจะไม่ดูถูกฉันในฐานะเด็กต่างชาติ แต่กลับมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ตื่นตัว และเข้มงวด

 

“มีเรื่องอยากจะถามสักหน่อย กรุณาตอบตามความจริง”

 

“ค่ะ อะไรเหรอคะ?”

 

“――ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ที่เธอเริ่มอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์หลังนั้น มีผู้คนหายตัวไปมากกว่าห้าสิบในบริเวณนี้ รู้อะไรไหม?”

 

ในที่สุดรู้สึกเหมือนพวกเขามาถึงแล้วจริง ๆ

 

“กำลังรอยู่เลยค่ะ”

 

“หืม?”

 

“อยู่กับทางนี้ มีผู้ชายมากกว่าร้อยคน ไม่ใช่แค่ห้าสิบคน ฉันอยากให้พวกคุณมารับให้เร็วกว่านี้ด้วยซ้ำ”

 

“………….”

 

ดูเหมือนว่าสารวัตรทหารจะไม่สามารถหาคำพูดมาตอบสนองต่อคำสารภาพที่ไม่คาดฝันเช่นนี้ได้ จึงได้แต่มองหน้ากันด้วยสีหน้าสงสัย

 

ขุนนาง……..อย่างน้อยก็บนเอกสาร ฉันควรจะได้รับการปฏิบัติเหมือนกับเป็นขุนนางในประเทศนี้

 

เพราะท้ายที่สุดก็เป็นราชาของที่นี้ที่ทรงตอบรับคำขอของราชาของฉันให้สามารถมาศึกษาต่อต่างประเทศได้ ความรับผิดชอบสูงสุดจึงอยู่ที่ราชาของประเทศนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าการเป็นชาวต่างชาติก็ทำให้ซับซ้อนนิดหน่อยเช่นกัน

 

พูดตรง ๆ เมื่อมีข้อสงสัย หรือข้อกล่าวหาต่อฉัน ก็ไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ในที่สาธารณะได้ เว้นแต่จะมีหลักฐานที่ชัดเจน จนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยมีการมาซักถามเลย

 

พูดอีกอย่างก็คือ การที่สารวัตรทหารมาแบบนี้ หมายความว่ามีข้อพิสูจน์แล้ว

ฉันไม่รู้ว่าพวกเขารู้มากแค่ไหน แต่คนที่หายไปกำลังได้รับการดูแลอยู่ในคฤหาสน์ของฉัน ดังนั้นพวกเขาต้องมีหลักฐานบางอย่าง

 

คฤหาสน์แห่งนี้ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีร่องรอยของพวกผู้ชายเหล่านั้นที่เข้าไปในคฤหาสน์ว่าออกมาทั้งกลางวันหรือกลางคืน ฉันจึงเดาว่าต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน

 

อย่างเช่น มีสารวัตรทหาร และทหารแกล้งทำตัวเป็นอันธพาลในหมู่คนที่มาก่อนเรื่องยุ่งวุ่นวาย

และหากว่าที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่คนของประเทศหายตัวไป นั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลเพียงพอในการขุดและตรวจสอบ

 

――ยังไงก็แล้วแต่ ฉันคิดอย่างจริงจังว่าพวกเขาจะมาเร็วกว่านี้

 

ไม่รู้ว่าพวกสารวัตรทหารไร้ความสามารถ หรือจงใจมองข้ามความจริงที่ว่ามีโจรมากมายที่แอบเข้าไปในคฤหาสน์ของฉัน

นี่หมายความว่าพวกเขาไม่มีความตั้งใจที่จะปกป้องชาวต่างชาติสินะ

 

ไม่ว่ากรณีใด ๆ หากมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต ฉันก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องคิดทางเลือกอย่างพึ่งพาพวกสารวัตรทหารอีกต่อไป ม๊า ฉันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรแต่แรกอยู่แล้ว

 

“แล้ว จะทำยังไงดีคะ? จะตามฉันไปทั้ง ๆ แบบนี้เลยได้ไหม? ฉันอยากให้พวกคุณรับตัวพวกเขาไปโดยเร็วที่สุด”

 

――เพียงเท่านี้ ผู้ชายมากกว่าร้อยคนที่อัดแน่นอยู่ในห้องใต้ดินก็จะถูกนำตัวออกไปพร้อมกัน

 

ดีดี โล่งอกไปที

เพราะตอนนี้มันแน่นมากจนแทบไม่มีที่ว่างมากพอให้ทุกคนสามารถนอนพร้อมกันในคราวเดียวได้แล้ว ฉันก็คิดว่าน่าสงสารอยู่เหมือนกัน แต่เรื่องที่ช่วยไม่ได้ก็คือช่วยไม่ได้

 

 

 

ขณะที่กำลังเสริมของสารวัตรทหารกำลังวิ่งเข้ามาสมทบ ผู้ชายเปลือยพร้อมเชือกก็ออกมาจากห้องใต้ดินทีละคน

 

ช่วงเวลาสุดท้ายของการถูกจองจำมาถึงแล้ว และเหล่าผู้ชายที่ได้มาเยือนคฤหาสน์อยู่นานก็พ่นคำสาปแช่งพร้อมกับโดนสารวัตรทหารลากตัวไป พวกหัวโบราณ? ถ้าเป็นฉันจะจากไปโดยไม่มอง

 

“โปรดกลับมาเยี่ยมเราอีกครั้งเน๊ะ ฉันจะรอ หรือทางนี้ควรไปเยี่ยมเองดี? โฮร่า มองหน้าฉันแล้วบอกลาหน่อยได้ไหม? จำไว้ด้วยนะคะ”

 

ฉันพูดแบบนั้นกับพวกเขาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นพวกเขาก็ก้มหน้า แล้วเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ ดีดี ตราบใดที่คุณคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนก็จะไม่เป็นไร อย่ามาอีกน่ะ ครั้งหน้าฉันจะลงโทษพวกคุณให้หนักขึ้นอีกหน่อย

 

“อ้า……..เนีย・ลิสตันซัง?”

 

ขณะที่ฉันกำลังมองดูเหล่าผู้ชายที่ออกจากห้องใต้ดินทีละคนตรงประตูทางเข้า เจ้าหน้าที่สารวัตรทหารชายสูงวัยที่มีลำตัวกลม และดวงตาแคบก็เรียกฉันด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ

 

“ฉันชื่อว่า โซเบล เป็นหัวหน้าสารวัตรทหารหน่วยที่หก”

 

จะว่าไปแล้ว นับตั้งแต่ที่ฉันมาที่มาเวเลียก็ยังไม่เคยพบกับสารวัตรทหารเลว ๆ สักคนเลย ฉันรู้สึกว่าพวกเขามีลักษณบุคลิกที่สงบนื่ง ไม่มีความเกลียดชัง 

 

“สวัสดีค่ะ เนีย・ลิสตันค่ะ”

 

“ฝากตัวด้วย

แล้ว เอ๋โตะ บอกเผื่อไว้ จะไมมีการสืบสวนใด ๆ ทั้งสิ้น ปกตินี้จะต้องคุยกับหัวหน้าตระกูล แต่ก็ไม่ป็นไร เธอเป็นผู้นำตระกูลที่นี่ใช่ไหม?”

 

“ค่ะ เป็นฉันเอง แต่ถึงจะพูดแบบนั้น ฉันก็พูดอะไรได้ไม่มากหรอกนะคะ ――ริโนกิสเตรียมชาที”

 

ฉันบอกริโนกิสที่กำลังรออยู่ใก้ล ๆ ก่อนพาโซเบลเดินผ่านห้องรับแขก

 

 

 

“――ม๊า ก็จะว่ายังไงดีเนี่ย”

 

พวกผู้ชายที่แอบเข้ามาในคฤหาสน์ก่อนถูกจับและขังไว้ มีจำนวนคนรวมแล้วเกินร้อยคน

นั่นคือทั้งหมดที่ฉันบอกโซเบล

 

“เสื้อผ้า ทรัพย์สิน และกระเป๋าสตางค์ของผู้ชายที่ถูกเปลื้องผ้าเปลือยเปล่าไม่ได้ถูกแตะต้อง พวกมันถูกเก็บรักษาไว้เพียงเท่านั้น จากมุมมองนี้ ก็แปลว่าไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อชิงทรัพย์สินแต่อย่างใด เมื่อดูสภาพของพวกเขาแล้ว ก็ไม่มีร่องรอยของการถูกทรมานแม้แต่น้อย ตั้งแต่แรกแล้วก็มีคนแปลกหน้าหลายคนที่ไม่ควรมาอยู่ในเขตชนชั้นสูงได้แต่แรกแล้ว เดาว่าทางเราจะสามารถเชื่อคำให้การของเธอได้ล่ะนะ”

 

อืม ก็ไม่มีอะไรอื่นแล้วจริง ๆ

 

“ฉันจะถูกตั้งข้อหาอะไรหรือเปล่าคะ?”

 

“ไม่หรอก ยังไงก็เป็นการป้องกันตัวโดยถูกต้องอยู่แล้ว ประการแรก ขุนนางมีสิทธิที่จะตัดสินอาชญากรรม และอาชญากรที่เกิดขึ้นในดินแดนของตนเองได้ แล้วเนื่องจากไม่มีผู้เสียชีวิต จึงไม่จำเป็นต้องมีการสอบสวนคดีอาชญากรรม”

 

ฟุมุ

 

“ฉลาดใช่ไหมล่ะคะ?”

 

“หืม?”

 

“อย่าแตะต้องสิ่งใดนอกบริเวณคฤหาสน์ นี่คือที่ฉันสั่งอย่างถี่ถ้วนคะ”

 

อย่ารู้สึกผิดในเวลาเช่นนี้ นี่เป็นเรื่องของการคำนวณ

 

“ฮ่าๆๆๆ ทั้งที่ยังเด็ก แต่ก็เฉลียดฉลาดมาก ข้าล่ะอยากให้ลูกของตัวเองเติบโตขึ้นมาฉลาดเหมือนเธอเลย”

 

…………

 

ฉันเดาผิดสินะ

หรือบางทีเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารที่สบาย ๆ และสุภาพอ่อนโยนคนนี้ค่อนข้างจะฉลาด

 

ฉันไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของเขา แต่ผู้ชายคนนี้อยู่นอกแถว

 

“เกี่ยวกับเรื่องนี้? ไม่มีอะไรที่จะรับประกันได้ว่าเรื่องอันตรายแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต ทำไมไม่จ้างคนเฝ้าประตูล่ะ? ถ้ายังไงข้าจะช่วยหาให้เอาไหม”

 

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ”

 

“……….อย่างงั้นสินะ แต่เผื่อไว้ ต่อจากนี้ไปจะรวมพื้นที่นี้ไว้ในเส้นทางลาดตระเวนของสารวัตรทหารด้วยแล้วกัน”

 

“นั่นเยี่ยมไปเลยค่ะ แต่คุณรู้เหตุผลว่าทำไมอยู่แล้วจริงไหมคะ?”

 

“………..ฮะฮ่า……..ยุ่งยากเลยน๊า”

 

“ล้อเล่นหรอกค่ะ สิ่งที่ยุ่งยากคือการตอบสนองของประเทศนี้มากกว่าค่ะ”

 

――โดยสรุป เรื่องมีอยู่ว่า「สารวัตรทหารของมาเวเลียเชื่อถือไม่ได้」เหนืออื่นใดคือสื่อสารกันได้อย่างถูกต้อง

 

 

 

สารวัตรทหารได้นำตัวคนที่ถูกขังออกไปจนหมด และโซเบลก็กลับไปแล้ว

เนื่องจากเรื่องนี้ดูจะดึงดูดความสนใจ ฉันจึงขอให้พวกเด็ก ๆ กลับเข้าไปในห้องของตัวเอง สามารถเรียกได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว

 

“คาดเดาผิดสินะคะ”

 

ฉันพยักหน้าและตอบว่า「ใช่」 ในขณะทีริโนกิสกำลังทำความสะอาดถ้วยและจานของโซเบล หลังจากที่เราให้เขาได้ดื่มชาและขนมหวานดี ๆ สักถ้วยแล้ว

 

“คิดว่าจะส่งพวกสารวัตรทหารไร้มารยาทมาจริง ๆ ซะอีก”

 

ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันจะต่อยเขาทันที เพื่อไล่กลับไป และฉันก็จะตั้งตารอที่จะได้เห็นว่าส่วนกลางของมาเวเลียจะเคลื่อนไหวยังไงหลังจากนั้น

แต่เมื่อคนที่มามีท่าทีถ่อมตัวอย่างโซเบล ฉันก็ไม่สามารถแสดงนิสัยเถื่อนได้

 

――นี่เป็นเพียงเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย หากฉันลงมือกลับไป ผลที่ตามมาจะมากเกินไป

 

หากฉันไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์นี้ ฉันจะได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นอาชญากรและกบฎในคราวเดียว ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด อาจจะถูกบังคับให้กลับอาร์ตัวร์ทันที

 

แค่ต้องใช้เวล ใช้เวลาเท่านั้น

จะต้องเป็น「ความรุนแรงแบบมีเหตุผล」เพียงเท่านั้น

 

มิฉะนั้นความเกลียดชังจะเติบโตอย่างรวดเร็ว

ไม่มีประโยชน์ที่จะรีบเร่งต่อสู้กับทั้งประเทศ หากลงมือทำเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล หรือเข้าใจผิด คนที่ไม่คาดคิด และไม่เกี่ยวข้องอาจจะประสบปัญหาเดือดร้อนได้

 

“แล้วตัวบอสที่อยู่เบื้องหลังจะเอายังไงดีคะ?”

 

พูดตามตรง หลังจากที่ฉันส่งคนส่งสารไปแล้ว ก็ไม่มีใครมารับฉันนานเกินกว่าสองสัปดาห์ ฉันจึงรู้สึกว่าตัวบอสคงไม่คิดที่จะติดต่อกลับมาอีกแล้ว ฉันเลยเปลี่ยนมารอเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารแทน

 

ผลลัพธ์นี้เรียกได้ว่าเป็นไปตามคาด

ทว่า การปล่อยให้คาราคาซังอยู่แบบนี้ก็ค่อนข้างเป็นปัญหา

 

“ฉันคงต้องเข้าไปหาในเร็ว ๆ นี้แล้วล่ะมั้ง”

 

เนื่องจากแรงกดดันจากบอสของโลกใต้ดิน ยังไงคนที่ถูกขังก็ต้องถูกปล่อยตัวในไม่ช้า ในสักทางหนึ่ง

ฉันไม่สามารถเชื่อใจสารวัตรทหารที่มาช้าขนาดนี้ได้ ทั้งในแง่ความสามารถ และในแง่การแบ่งแยกเชื้อชาติ มั่นใจเลยว่าพวกเขาจะได้รับการปล่อยตัวในไม่ช้านี้ด้วยความกดดันหรือการติดสินบนหรืออะไรทำนองนั้น

 

ฉันอยากจะไปทักทายพวกผู้ชายทันทีที่พวกเขากลับถึงรังจัง

 

ฉันอยากจะไปหาคำตอบว่าทำไมถึงได้มายุ่งกับฉัน――ส่วนจะทำลายในทันทีไหม ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ สมบูรณ์แบบ

 

“ฟังดูน่าสนุกนะคะ คุณหนู”

 

“ใช่ น่าสนุกมาก ความรุนแรง ดีใช่ไหมล่ะ เพียงแค่หมัดเดียว ปัญหาทั้งหมดก็จะหมดไป ฉันชอบแบบนี้ที่สุดเลย”

 

“อย่างงั้นเหรอคะ เหนืออื่นใดคือสนุกสินะคะ”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ช่วงนี้เริ่มช่วยที่บ้านขายของหน้าโรงเรียนตอนเช้า-เย็น มีหลาย ๆ อย่างต้องทำ เลยทำให้แปลช้าลงมาก แถมมีปัญหาปวดหัวกับการเตือนอะไรก็ไม่ฟัง เลยช้าลงอีก