บทที่ 69: คาราวะ!

ในห้องควบคุม ผู้อํานวยการเหออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาด้วยความยินดี เขาพูดกับฝูเทียนเต่าและฉินหานหยวนว่า “ นี่คือผู้เข้าสอบที่พวกคุณพูดถึงใช่ไหม?”

เทียนเต่าและฉินหานหยวนเพียงแค่ยิ้มให้เขาอย่างคลุมเครือ สีหน้าของพวกเขา แสดงออกเป็นคําตอบเดียวกัน เดาสิ!

เราจะไม่บอกคุณหรอก!

ผู้อํานวยการเหอรู้สึกหงุดหงิด เขารู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่สามารถยั่วโมโหทั้งสองได้ เขาก็คงจะด่ากราดไปแล้ว

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็เป็นคนที่มีอํานาจอย่างแท้จริงในตงไห่

ในตงไห้ทุกคนต่างก็ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ แต่น่าเสียดายที่เมื่อพูดถึงฝูเทียนเต่ําและหานหยวนแล้ว พวกเขาก็เป็นข้อยกเว้น

และสิ่งนี้ก็ทําให้ผู้อํานวยการเหอรู้สึกหงุดหงิดมาก!

แต่ถึงแม้เขาจะหงุดหงิดยังไง เขาก็ยังคงมั่นใจ 90% ว่าคนที่ทั้งสองพูดถึงก่อนหน้านี้นั้นจะต้องเป็นหวังเต็งคนนี้อย่างแน่นอนศิษย์นักสู้ชั้นยอด?

ฮีม เขาจะต้องเป็นนักสู้อย่างแน่นอน!

คะแนนที่หวังเต็งแสดงออกมานั้นเป็นเสิ่งที่ใกล้เคียงคะแนนของนักสู้จริงๆ ซึ่งมันก็สามารถพูดได้ว่าเขาอาจจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในรรดาผู้เข้าสอบ อย่างไรก็ตาม มันก็มีสิ่งที่ผิดปกติอยู่อย่างหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คอการแสดงออกของหวังเต็ง เขาดูสบายเกินไปราวกับว่าเขายัง ไม่ได้ทุ่มแรงทั้งหมดของเขาลงไป

ดังนั้นถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด หวังเต็งก็จะต้องเป็นนักสู้อย่างแน่นอน

ความโกลาหลในสถานที่สอบเริ่มคลี่คลายลง ในที่สุดผู้เข้าสอบที่เหลือก็กลับไปทํางานที่ตนเองกําลังทําอยู่และมุ่งความสนใจไปที่การเตรียมพร้อมสําหรับการตรวจสอบ

นี้เป็นส่วนสําคัญของการสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ แม้ว่าผลการตรวจสอบของหวังเต็งจะทําให้ทุกคนรู้สึกกดดันแต่พวกเขาก็จําเป็นต้องปรับความคิดและดําเนินการสอบต่อไป

นอกจากนี้ แม้ว่าผลการตรวจสอบของหวังเต็งจะทําให้เหล่านักเรียนรู้สึกกดดันก็จริง แต่มันก็เป็นสิ่งกระตุ้นให้พวกเขาทํางานหนักขึ้นไปในตัวเช่นกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับศิษย์นักสู้ชั้นสูงจากโรงเรียนมัธยมชั้นนําหลายแห่ง พวกเขากําลังเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อม เห็นได้ชัดว่าพวกเขากําลังพยายามดึงเอาความสามารถที่ตนเองมีทั้งหมดออกมา และสิ่งนี้ก็ทําให้คะแนนของพวกเขาออกมาดีกว่าปกติเล็กน้อย

สําหรับคนที่จิตใจอ่อนแอ พวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันได้ และนั่นก็ส่งผลกระทบในแง่ร้ายต่อการสอบของพวกเขา ท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถตําหนิใครได้

และมันก็ไม่มีใครตําหนิพวกเขาเช่นกัน

หากพวกเขาไม่สามารถรับมือกับความเครียดเพียงเล็กน้อยเช่นนี้ได้ พวกเขาจะยังควรอยู่บนเส้นทางแห่งศิลปะการต่อสู้ต่ออีกหรอ? ท้ายที่สุดแล้วเส้นทางนี้ก็มีแต่จะยากขึ้นและยากขึ้นเท่านั้นในอนาคตการสอบดําเนินต่อไป

ทันใดนั้นผลการตรวจสอบหนึ่งก็ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย

“ เหอม่านหรง ความแข็งแกร่ง 834 ความเร็ว 4.2 วินาที ร่างกาย 86 ผ่าน!”

เหอม่านหรงเป็นหนึ่งในห้าศิษย์นักสู้ขั้นสูงจากโรงเรียนมัธยมตงไห่ ผู้เข้าสอบหลายคนจากโรงเรียนมัธยมตงไห่และโรงเรียนมัธยมอื่นๆต่างก็เคยได้ยินเกี่ยวกับเธอมาก่อน

ทุกคนจ้องมองไปที่ร่างของเธอ

ความประทับใจแรกของพวกเขาคือความสวยของเธอ

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ความสนใจส่วนใหญ่ของพวกเขาก็กําลังจดจ่ออยู่ที่ผลการตรวจสอบของเธอศิษย์นักสู้ขึ้นสูง!

ความสามารถของเธอเป็นสิ่งที่ไม่สามารถประมาทได้!

การตรวจสอบยังไม่สิ้นสุด ดังนั้นผู้เข้าสอบจึงยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากสถานที่สอบหวังเต็งยืนอยู่ในบริเวณสถานที่สอบและเมื่อเขาได้ยินเสียงประกาศของเธอ เขาก็หันไปมองเธออย่างอยากรู้อยากเห็น

เขายังคงจําได้ว่าในตอนที่เขามาถึงโลกแห่งนี้เป็นครั้งแรก ศิษย์นักสู้คนแรกที่เขาพบก็คือเหอม่านหรง

อืม… ตอนนั้นเขาทําได้แค่มองเธอจากระยะไกล ดังนั้นอีกฝ่ายจึงไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร

ในช่วงเวลานั้นหวังเต็งก็ยังเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น และเขาก็ยังรู้สึกว่าเหอม่านหรงนั้นทรงพลังมาก อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาก็เป็นนักสู้แล้ว

ถ้าเขาต้องปะทะกับเหอม่านหรงในระหว่างการสอบ ยืม- เขาก็น่าจะเอาชนะเธอได้ด้วยมือข้างเดียว

เวลาผ่านไป ผู้เข้าสอบได้ดําเนินการตรวจสอบไปเรื่อยๆ และในเวลาเดียวกัน ผู้คนจํานวนมากก็ถูกคัดออกไปเรื่อยๆ

ในตอนแรก หวังเต็งก็ไม่ได้สนใจการตรวจสอบมากนัก พวกเขาทั้งหมดเป็นศิษย์นักสู้ ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะพยายามให้ตายยังไงพวกเขาก็จะไม่สามารถคุกคามเขาได้

อย่างไรก็ตาม การประกาศนี้ก็ทําให้เขาเลิกคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัว จากนั้นรอยยิ้มซุกซนก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

“ หลี่หรงเฉิง ความแข็งแกร่ง 812 ความเร็ว 4.8 เมตร ร่างกาย 83 ผ่าน!”

หรงเฉิงประกาศผลแล้ว!

จากข้อมูล มันก็สามารถผ่านเกณฑ์ของศิษย์นักสู้ขั้นสูงได้

อย่างไรก็ตาม หวังเต็งก็รู้ว่านั่นมันไม่ใช่ศักยภาพสูงสุดของมัน

แรงกดดันที่หวังเต็งมอบให้มันนั้นมากเกินไป ทั้งสองคนมีความแค้นกันอยู่แล้ว และยิ่งหวังเต็งทําผลงานได้ดีมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งต้องการแซงเขามากขึ้นเท่านั้น

ในท้ายที่สุด ไม่เพียงแต่มันจะไม่สามารถแซงหน้าเขาได้เท่านั้น แต่มันยังไม่สามารถปลดปล่อยศักยภาพของมันได้อย่างเต็มที่อีกต่างหาก

“ ไอ้เวรเอ้ย!”

หลี่หรงเฉิงต้องไปในทิศทางของหวังเต็ง ตั้งแต่มันได้พบกับเขา มันก็ไม่เคยโชคดีเลย

หวังเต็งหัวเราะอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อเขาได้ยินผลลัพธ์นี้ เขาเคยต่อสู้กับหลี่หรงเฉิงมาก่อนดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าความสามารถที่แท้จริงของมันนั้นแข็งแกร่งกว่านี้

เห็นได้ชัดว่าเขาปลดปล่อยศักยภาพได้ไม่ดีในครั้งนี้

“ นายไม่สามารถตําหนิฉันในเรื่องนี้ได้หรอกนะ” หวังเต็งพึมพํากับตัวเอง

เมื่อพูดถึงหลี่หรงเฉิง ในชีวิตที่แล้ว ก่อนที่ตระกูลของเขาจะล้มละลาย เขาก็ไม่เคยมีความบาดหมางอะไรกับหลี่หรงเฉิงมาก่อน

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตระกูลของเขาลเมละลาย หลี่หรงเฉิงก็อาศัยโอกาสนี้ในการกดขี่และ เยาะเย้ยเขา

ไม่เพียงแต่มันจะเคยทุบตีเขาเท่านั้น แต่มันยังทําให้เขาต้องอับอายอยู่บ่อยครั้ง

ในช่วงเวลาที่หวังเต็งต้องเผชิญหน้ากับความยากลําบาก เขาก็ต้องดิ้นรนทํางานหาเลี้ยงตน อย่างไรก็ตาม เมื่อหลี่หรงเฉิงได้มาพบกับเจขา นอกจากมันจะทําให้เขาต้องอับอายต่อหน้าผู้คน แต่มันยังใส่ร้ายเขาและทําให้เขาต้อวตกงานในที่สุด

นี่คือสิ่งที่ทําให้หวังเต็งรู้สึกเกลียดชังมันจนถึงสุดขั้วกระดูก

และแม้ว่าในชีวิตนี้หลี่หรงเฉิงจะยังไม่ได้ทําอะไรเขา แต่เขาก็จะทําให้มันต้องชดใช้ ในที่มันเคยทํากับเขาในชีวิตที่แล้วอยู่ดี

และนี่ก็เป็นสาเหตุว่าทําไมหวังเต็งถึงมีอคติต่อหลี่หรงเฉิง

ทุกครั้งที่หวังเต็งเห็นว่าหลี่หรงเฉิงเกลียดเขามากแค่ไหนแต่ทําอะไรไม่ได้ เขาก็จะนึกถึงชีวิตของเขาในอดีต นี่คือสิ่งที่เขารู้สึกในตอนนั้น

เขาไม่สนใจว่าชีวิตในอดีตของเขาจะมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตนี้หรือไม่ นอกจากนี้เขา ก็ยังไม่สนใจว่าหลี่หรงเฉิงจะกลั่นแกล้งเขาในช่วงชีวิตนี้หรือไม่ เพราะท้ายที่สุดที่เขาทําทั้งหมดนี้ลงไปมันก็เป็นเพราะเขาไม่ชอบหลี่หรงเฉิง!

“ ดังนั้นนี่ก็คือโชคร้ายของแก หลี่หรงเฉิง!”

หวังเต็งคนใจแคบ!

เมื่อเขาหวนนึกถึงอดีตอันน่าเจ็บปวดของเขา การตรวจสอบก็ค่อ

และในที่สุดข้อมูลของหลินซัวหานก็ถูกประกาศศออกมา อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของเธอนั้นก็ค่อนข้างอันตราย

ความแข็งแกร่ง 323 ความเร็ว 6.8 วินาที ร่างกาย 55!

หวังเต็งไม่รู้จะพูดอะไรเกี่ยวกับผลลัพธ์ของเธอ เขาไม่เคยจินตนาการมาก่อนว่าหลินชั่วหานนักเรียนที่เหมือนพระเจ้าคนนี้จะมีช่วงเวลาเช่นนี้

แย่มาก ผลลัพธ์ของเธอมันแย่เกินไป!

ฮ่าๆๆๆ!

หลินซัวหานมองไปที่หวังเต็ง เห็นได้ชัดว่าเขากําลังกลั้นหัวเราะอยู่ เธอกลอกตาอย่างควบ คุมไม่ได้ “ หัวเราะสิถ้านายต้องการ ยังไงซะผลลัพธ์ของฉันมันก็ไม่ได้บ้าเท่ากับของนายนี่!”

“ ฉันไม่ได้หัวเราะนะ ฉันพูดจริง” หวังเต็งรีบปฏิเสธ

หลังจากนั้นไม่นาน หยางเจี้ยนก็เสร็จสิ้นการตรวจสอบของเขา เขาเองก็ผ่านมาได้เช่นกัน

ที่สุดแล้วชายคนนี้ก็มีลุงทํางานอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ ดังนั้นเขาจึงได้รับข่าววงในก่อนนักเรียนคนอื่นๆนานมาก และมันก็ทําให้เขามีเวลาเหลือเฟือในการเตรียมตัว ซึ่งมันก็จะไม่สมเหตุสมผลเลยถ้าเขาสอบไม่ผ่าน

เขาเดินไปมาเหมือนกําลังมองหาบางสิ่งและเมื่อเขาเห็นหวังเต็ง เขาก็รีบวิ่งเข้ามาและเริ่มตะโกนว่า “ นายน้อยหวัง ฉันจะไปคาราวะคุณเดี๋ยวนี้แหละ!”

หวังเต็งรู้สึกเหวอไปชั่วขณะ

“ เขาหมายความว่ายังไง?” เขาหันไปมองหลินซัวหาน เขาต้องการให้เธอแปลให้เขาฟังอีกที

* เขาคงจะอยากคุกเข่าทําความเคารพนายล่ะมั้ง?” หลินซัวหานรู้สึกพูดไม่ออกขณะที่เธอตอบ

หยางเจี้ยนพยักหน้าอย่าบ้าคลั่งอยู่ข้างๆ “ นายน้อยหวังผู้น่าเคารพ ฉันยินดีที่จะก้มลงกราบคุณฉันไม่รู้มาก่อนว่าคุณจะน่าประทับใจมากขนาดนี้! นายน้อย ได้โปรดรับการคาราวะของฉันด้วย!”

“ ไปให้พ้น!” หวังเต็งพูดไม่ออก ชายคนนี้จะต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!