บทที่ 33 พี่ชายในความทรงจำ

สะกิดหัวใจนายขี้เก๊ก

จากนั้นณิชากับยายก็ขึ้นรถไปด้วยกัน ผ่านม่านน้ำตา เธอมองเห็นพี่ชายคนนั้นนั่งอยู่เบาะหน้า เขาไม่พูดอะไร ริมฝีปากปิดแน่นสนิท ดูเย็นชาไม่ต่างจากอากาศข้างนอก

แต่ตอนที่พี่ชายดึงเธอขึ้น ฝ่ามือของเขาอบอุ่น หัวใจของเขาก็ต้องอบอุ่นแน่นอน

ก็เหมือนกับความรู้สึกอบอุ่นเมื่อครู่…

ณัฐณิชาอดไม่ได้ที่จะเอาแก้มถูฝ่ามือของธราเทพ เหมือนลูกแมวน้อยน่ารัก

เมื่อฝ่ามือได้สัมผัสกับความละเอียดอ่อน ก็ทำให้จิตใจของธราเทพยิ่งอ่อนยวบ “ณัฐณิชา ณิชา”

ในที่สุดเธอก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับน้ำตา มองธราเทพที่อยู่ตรงหน้า

พี่ชายในความทรงจำ ค่อยๆ ทับซ้อนกับคนที่อยู่ตรงหน้า

เธอลุกขึ้นนั่งฉับพลัน โผเข้าหาอ้อมแขนของธราเทพ กอดรอบคอเขาไว้แน่น

“ขอบคุณคุณมาก…”

วันนั้นเธอกับคุณยายต่างปลอดภัย แต่เธอกลับไม่ได้เจอพี่ชายคนนั้นอีกเลย และเพราะว่าเธอยังเด็กเกินไป สับสนงุนงงเกินไป ถึงขั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกขอบคุณ

แต่ธราเทพไม่รู้ว่าณัฐณิชาฝันอะไร และไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เธอก็พูดขอบคุณ ยังคิดว่าขอบคุณเพราะเขามาช่วยเธอเมื่อครู่

เขาใช้มือลูบแผ่นหลังของหญิงสาวในอ้อมแขนเบาๆ “กับสามีของตัวเอง ยังต้องพูดขอบคุณด้วยเหรอ”

ณัฐณิชาชะงักไป ก่อนจะดึงตัวเองออกจากความฝันอันยุ่งเหยิงได้โดยสิ้นเชิง

รีบเช็ดน้ำตาแล้วปล่อยธราเทพ

“ฉัน…ฉันฝันไปน่ะ”

“ฝันถึงอะไร” ธราเทพจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอ

อันที่จริงเมื่อครู่ที่ได้ยินคำว่า “พี่ชาย” เขายังแอบอารมณ์เสียไปครู่หนึ่ง แต่เนื่องจากเห็นว่าสาวน้อยคนนี้ได้รับความไม่เป็นธรรมมา แถมยังมีอาการป่วยร่วมด้วย จึงไม่ได้เริ่มตั้งคำถามเอาเรื่องในทันที

ณัฐณิชากำลังจะเล่าความฝันของตัวเอง แต่เมื่อเห็นหน้าของธราเทพ จู่ๆ ก็ชะงักนิ่งไป

ความจริงสำหรับลักษณะของพี่ชายคนนั้น เธอจำได้ไม่แน่ชัดแล้ว เพราะถึงอย่างไรก็ผ่านมาแล้วหลายปี แต่ความฝันเมื่อครู่เหมือนจะปลุกความทรงจำที่เป็นฝุ่นผงของเธอ

พี่ชายในความทรงจำคนนั้น คล้ายกับธราเทพอยู่หลายส่วนเลย…

“ประมาณสิบสองปีก่อน คุณเคยช่วยชีวิตคุณยายคนหนึ่งในวันที่หิมะตกไหม”

ณัฐณิชาถามจบ ธราเทพก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตา “คุณคือเด็กผู้หญิงในตอนนั้นเหรอ”

เมื่อครู่ณัฐณิชาไม่ได้พูดเลยว่าคุณยายมีหลานสาวด้วย แต่ธราเทพกลับพูดออกมาทันทีว่าเธอคือเด็กผู้หญิงในตอนนั้นใช่ไหม นั่นแสดงว่า พี่ชายในตอนนั้นเป็นเขาจริง!

“ที่แท้ก็เป็นคุณจริงๆ ด้วย”

ธราเทพเองก็ยิ้ม “ดูเหมือนเราจะมีชะตาต้องกันพอสมควรนะ”

ณัฐณิชาหน้าแดง เวลานี้ เธอเองก็รู้สึกเช่นนั้น

แต่ว่านะ ดูเหมือนว่าคนเราต่างเปลี่ยนไป ธราเทพในตอนนั้นอบอุ่นจะตาย!

ส่วนเขาในตอนนี้…

จะว่ายังไงดีล่ะ แม้ว่าจะไม่เลวร้ายนัก เพราะถึงอย่างไรก็ทั้งชวนเธอทานอาหาร ทั้งชวนเธออยู่ในบ้านหลังใหญ่โต แต่ทว่าทุกครั้งที่มีเรื่องขอร้องเขา ก็ล้วนแล้วแต่ถูกเขาสร้างเงื่อนไขขึ้นมามากมาย แถมยังจงใจสั่งให้เธอเอาอาหารไปส่งให้ที่บริษัทอีก ช่างมากเกินไปจริงๆ!

“ทำไม ตื่นเต้นจนไม่รู้จะพูดอะไรเลยเหรอ” ธราเทพถามยิ้มๆ

ธราเทพในตอนนี้อยู่ในอารมณ์ที่ค่อนข้างมีความสุข เพราะสาวน้อยที่เคยช่วยไว้คนนั้น เขายังคงจดจำอยู่ในจิตใจส่วนลึกเช่นเดียวกัน เพราะวันนั้นเขาสอบได้อันดับสองของโรงเรียน ถูกพ่อตำหนิที่พลาดอันดับหนึ่ง

วันนั้นเขาผิดหวังมาก แต่เด็กสาวคนนั้นทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะตอนที่เธอมองเขา ดวงตาส่องแสงระยิบระยับราวกับดวงดาว เป็นความซาบซึ้งและความรักอันบริสุทธิ์ ให้เขาจดจำแววตานั้นมาจนบัดนี้

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมตัวเองถึงได้รู้สึกพิเศษต่อณัฐณิชามากนัก อาจเป็นเพราะแววตาคู่นั้นของเธอที่แสนคุ้นเคย

“ฉันไม่ได้ตื่นเต้น! ฉันคิดถึงที่ว่ากันว่าคนเราต่างเปลี่ยนไป คำพูดประโยคนี้ไม่ปลอมเลยสักนิด!”

ธราเทพหรี่ตามอง “คุณจะบอกว่า ผมดีไม่เท่าเมื่อก่อนเหรอ”