ตอนที่ 157 ฉันคือเถ้าแก่เนี้ยที่อารยธรรมพื้นเมือง 12

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

“ก็ฉันเป็นคนแบบนี้นี่คะ!” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวออกมา พร้อมกับรอยยิ้ม “โอ้ ไม่ได้เห็นใบหน้าจริง ๆ ของท่านมานานมากเลยนะคะ”

“ท่านคิดว่าแลนเซล็อตจะคิดถึงอาชีพดาราของเขาเมื่อต้องกลับไปที่เมืองของเราไหมคะ?”

“ไม่หรอกมั้งครับ” โอคาซีบีบจมูกเล็ก ๆ ของเธอ “เกมของผมเกือบจะเสร็จแล้ว ตอนนี้ได้เวลาต่อรองราคาแล้วครับ ท่านอยากจะมีส่วนร่วมด้วยไหม?”

“เกือบเสร็จแล้ว?” สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจ “ฉันอยากเข้าร่วมด้วยค่ะ!”

“ตอนนี้คนอื่นเป็นยังไงกันบ้างคะ?”

เพราะอย่างไรพวกเขาก็ติดร่างแห่ไปด้วย และไม่สามารถทำอะไรที่ผิดปกติบนโลกอารยธรรมพื้นเมืองแห่งนี้ได้ใช่ไหม?

“ทั้งหมดสบายดีครับ” โอคาซีมีข้อมูลการติดต่อกับพวกเขาทั้งหมด

“ช่างเทคนิคทั้งหลายได้รับการยอมรับที่ดีเยี่ยมจากสถาบันวิจัย ส่วนคนอื่นก็เป็นที่ยอมรับในสถาบันเหมือนกันครับ หรืออาจจะมาเป็นเหมือนพวกเราที่กำลังมองหางานทำในเมืองของพวกชนชั้นล่าง”

“เจ้าหน้าที่จากทีมแพทย์ที่อยู่ในเมืองใกล้เคียงกับพวกเราเปิดโรงพยาบาลได้สำเร็จแล้ว และกลายเป็นกลุ่มคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง”

“โอ้ พวกเขาทำดีมากเลยค่ะ ดูเหมือนว่าพวกเราจะแย่กว่าหน่อยเมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขา!” สวี่หลิงอวิ๋นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พรุ่งนี้พวกเราควรเริ่มวางขายกุนเชียงได้แล้ว หวังว่าพวกเราจะทำเงินได้จำนวนมหาศาลนะคะ พวกเราจะได้ไปซื้อบ้านหลังใหญ่กันสักที”

“อืม คงต้องทำงานหนักหน่อยนะครับ! สาวน้อยสวี่ผู้มีความสามารถ”

‘สาวน้อยสวี่’ คือชื่อเล่นที่ผู้คนรอบข้างตั้งให้กับเธอ เพราะว่าธุรกิจของเธอนั้นเป็นไปได้ด้วยดี ชนชั้นสูงทั้งหลายถึงกับนั่งเที่ยวบินพิเศษมาซื้อเค้กของเธอโดยเฉพาะ แม้แต่นายกเทศมนตรียังมอบรอยยิ้มและแสดงความนับถือเมื่อเขามาพบกับเธอ

พวกเขาเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งสาวน้อยสวี่คนนี้จะต้องได้รับการยอมรับจากชนชั้นสูง และเป็นเหมือนกับครอบครัวของเทต เธอจะได้ไปอาศัยอยู่ในเมืองชั้นสูง

และแฟนหนุ่มเสี่ยวเอ๋อเหอคนนี้จะกลายเป็นแฟนหนุ่มที่ฝูงชนทั้งหลายรู้สึกสงสาร ทุกคนต่างคิดว่าแฟนหนุ่มเสี่ยวเอ๋อเหอคนนี้จะต้องถูกสาวน้อยสวี่ทอดทิ้งอย่างแน่นอน

ใครกันที่ทำให้เขาตกอยู่ในความเงียบงันทั้งวัน เดิมทีเขาก็ดูน่าสงสารอยู่แล้ว กลายเป็นว่าเขาไม่ยอมพูดอะไร แต่กลับทำงานอย่างหนักอย่างนั้นเหรอ?

ทุกครั้งที่เธอเห็นสายตาที่เศร้าสร้อยของคนที่เกาะกิน สวี่หลิงอวิ๋นก็แอบหัวเราะเป็นเวลานาน

แลนเซล็อตกลายมาเป็นดาราดัง ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน แสงไฟก็มักจะสาดส่องไปทางเขา และทันทีที่เขากล่าวว่าตนเองชอบของหวาน หญิงสาวจากทั่วพื้นภูมิภาคก็จะไล่กวาดซื้อของหวานมาให้กับเขาในทันที โดยไม่ต้องร้องขอออกไปด้วยซ้ำ!

เขามองดูวิดีโอที่กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่สุดเมื่อไม่นานมานี้ มันเกี่ยวกับความรักของป้าและหลานชาย ความรักที่มีช่องว่างระหว่างช่วงอายุได้ดึงดูดความสนใจของชาวเน็ตทั้งหลาย

ดวงตาของเขาสบเข้ากับความดำเมี่ยม ไม่ได้ดูสวยมากนัก ทว่าดวงตาของผู้หญิงคนนั้นช่างดูคุ้นเคยเหลือเกิน

ใช่แล้ว เขาตามหาเธอเจอแล้ว!

ที่ยืนอยู่ข้างโอคาซีนั่นน่ะเหรอ? ฮัลโหล เธอเป็นใครกัน? ฉันไม่รู้เลยมั้ง!

โอคาซี ผู้ชายคนนั้นไม่ยอมบอกที่อยู่ของพวกเขาให้แก่เขา คิดว่าเขาจะตามหาไม่เจอหรือไง? ฮ่า ๆ!

สวี่หลิงอวิ๋นเริ่มวางขายกุนเชียงอย่างเป็นทางการ

กุนเชียงมีราคาถูกกว่าเค้กและเครื่องดื่มเพียงเล็กน้อย ทว่ามันก็ยังคงแพงอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ชื่นชอบกุนเชียงมากกว่าเค้ก และธุรกิจร้านค้านี้ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ

เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ เธอจึงจ้างผู้ช่วยจำนวนมากและขยายหน้าร้านค้า

แก๊งอันธพาลทั้งหลายถูกผูกติดอยู่กับงานล้างทำความสะอาดลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็ก พวกเขารู้สึกเหนื่อยล้าตลอดทั้งวันด้วยอาการปวดหลัง ทว่าพวกเขากลับไม่คาดคิดว่าสวี่หลิงอวิ๋นจะจ่ายค่าแรงให้กับพวกเขา!

แก๊งอันธพาลทั้งหลายเคยได้รับค่าแรงที่ไหน? พวกเขารู้จักแค่การลักขโมยเงินทองของคนอื่นเท่านั้น นอกจากนี้ ต่อให้พวกเขาหางานที่ดีได้ แต่แล้วจะมีใครต้องการพวกเขาไหม?

ใครจะต้องการคนที่ไม่มีฝีมือและไม่เต็มใจอดทนต่อความยากลำบาก?

แก๊งอันธพาลมองดูธนบัตรใหม่เอี่ยมในมือของพวกเขา ตอนนี้พวกเขาได้รับมันมาแล้ว และกลายเป็นว่าพวกเขาสามารถปรับปรุงตัวและมีศักยภาพที่จะเป็นคนดีได้!

เทพคุนมองดูพี่น้องทั้งหลายของเขาที่กำลังรู้สึกซาบซึ้ง ความขุ่นเคืองในใจของเขาก็ยังไม่มลายหายไปไหน

“พวกแกโง่หรือเปล่า? ถ้าพวกเราออกไปเก็บค่าคุ้มครอง เราจะได้เงินจำนวนนี้ในเวลาไม่ถึงสิบวันด้วยซ้ำ พวกแกจะเอาแต่มองดูเศษเงินพวกนี้หรือไง?! เวลาพักก็ไม่มีไม่ใช่เหรอ?!”

น้องชายทั้งหลายอมยิ้มอย่างขมขื่น มองดูเทพคุนและกล่าวว่า “งั้นท่านบอกผมหน่อยสิครับว่าตอนนี้พวกเราควรทำยังไง? พวกเราจะสู้ก็ไม่ได้ วิ่งหนีก็ไม่ได้”

ก็นั่นน่ะสินะ? เมื่อไม่นานมานี้ สวี่หลิงอวิ๋นได้กระจายข่าวว่าแก๊งอันธพาลพวกนี้ได้รับ ‘การว่าจ้าง’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บางครั้งแก๊งอันธพาลพวกนี้พยายามหาโอกาสเพื่อวิ่งหนีออกไป แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้วิ่งหนีออกไป พวกเขากลับโดนฝูงชนล้อมรอบและรายงานให้สวี่หลิงอวิ๋นรู้เสียก่อน และก็ถูกครอบครัวนี้จับตัวกลับมาอีกครั้ง

คุณกำลังพูดถึงการจำกัดเสรีภาพส่วนบุคคลอยู่หรือเปล่า? ไร้สาระ! หลังจากที่นายกเทศมนตรีทราบเรื่องนี้ เขาถึงกับเห็นด้วยและมอบธงที่มีคำว่า ‘นักธุรกิจที่มีมโนธรรม’ ให้แก่เธอ

ใช่แล้ว แก๊งอันธพาลพวกนี้ไม่สามารถหลบหนีไปได้ตลอดกาล

เทพคุนถึงกับนิ่งเงียบ

“ฉันทนนั่งรอความตายต่อไปไม่ไหวแล้ว!” เทพคุนยังคงหวาดกลัวที่เขาถูกสวี่หลิงอวิ๋นทุบตีก่อนหน้านี้ ก่อนจะยิ้มเหยเกด้วยความเจ็บปวด

น้องชายทั้งหลายที่รักษาระยะทางห่างจากเขาตกอยู่ในความเงียบ

ตามจริงที่นี่ก็ดีนะ…

ถึงจะบอกว่าต้องทำงาน แต่อย่างน้อยอาหารก็อร่อย!

มีทั้งเค้ก เครื่องดื่ม ผลไม้ กุนเชียง ข้าวผัดและอาหารอื่น ๆ แม้แต่นายกเทศมนตรียังเทียบไม่ได้กับอาหารเหล่านี้ใช่ไหม?

ว่ากันว่าเค้กชิ้นนี้ขายได้ในราคาหนึ่งพันเหรียญ! มันเป็นเพียงเค้กที่มีแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นที่จะกินได้ แต่ตอนนี้พวกเขากลับสามารถกินมันได้ทั้งวันทั้งคืน แล้วมันไม่ดีเหรอ?!

เทพคุนรีบวิ่งออกไปข้างนอก โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าข้างนอกนั้นมีดีอย่างไร?

เมื่อพวกเขาเห็นเทพคุนกำลังกินอยู่ พวกเขาทั้งหลายก็รีบวิ่งออกไปโดยไม่ได้ช้าไปกว่าเขาเลยสักนิด เติมเต็มปากของเขาไปไม่น้อยกว่าพวกเขา รู้สึกว่าเมื่อไม่นานมานี้น้ำหนักของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นมาถึงสิบกิโลไม่ใช่เหรอ?!

น้องชายทั้งหลายไม่พูดไม่จา

เทพคุนกำลังงอนพวกเขา ขณะที่คาบหลอดดูดนมครั้งแล้วครั้งเล่า และดื่มด่ำไปด้วยเสียงสวบสวบ

ธุรกิจร้านของหวานของสวี่หลิงอวิ๋นเป็นไปได้ด้วยดี แม้แต่ผู้ช่วยยังยุ่งมากจนเท้าแทบไม่แตะพื้นและเหงื่อไหลริน

ปริมาณของงานในร้านค้าแห่งนี้มีมากกว่าร้านค้าแห่งอื่น ทว่าเงินเดือนยังคงเท่าเดิม ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ยังอยากจะแย่งกันเข้ามาสมัครงานที่นี่ นอกจากนี้อาหารยังอร่อยมากอีกด้วย!

ในขณะที่พนักงานกำลังยุ่งอยู่กับการสั่งสินค้าให้กับลูกค้า ลูกค้าผู้ลึกลับคนหนึ่งก็เดินเข้ามา

มีกลุ่มคนในชุดดำห้อมล้อมลูกค้าคนนั้นเอาไว้ และคนกลุ่มนั้นก็นั่งลงที่โต๊ะกลมภายในร้านค้าอย่างเงียบ ๆ

โต๊ะกลมตัวนี้ถูกจับจองไว้นานมากแล้ว พนักงานรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อจ้องมองคนกลุ่มนี้ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนกลุ่มนี้คือใคร บางทีเขาอาจจะเป็นแก๊งมาเฟียหรือเปล่า?

แลนซ์ถอดแว่นตา ถอดถุงมือของตนเอง และยกยิ้ม

พนักงานผู้ช่วยแข็งทื่อเป็นหินในทันที เธอรู้สึกราวกับว่าฤดูใบไม้ผลิได้มาเยือนแล้ว ดอกไม้นั้นได้ปลูกขึ้นมาบนสมองของเธอ และดอกไม้นั้นช่างอบอุ่นหัวใจเสียเหลือเกิน!

“แลนซ์! กรี๊ดดดดดด!” เสียงแหลมของพนักงานผู้ช่วยดังเล็ดลอดออกมาราวกับป่าวประกาศออกลำโพง จนดังทะลุหลังคาร้านลอยละล่องไปทั่วทั้งเมือง!

ชาวบ้านทั้งหลายที่กำลังต่อคิวซื้อเค้กและกุนเชียงไม่ได้สนใจสิ่งที่เขากำลังถืออยู่อีกต่อไป พวกเขารีบวิ่งแจ้นเข้ามาในร้านเค้กขนาดเล็กเพื่อมองหาเทพเจ้าแลนซ์

สวี่หลิงอวิ๋นก็ตกใจเช่นกัน

โอคาซีขมวดคิ้ว ทำไมชายผู้นี้ถึงได้มาถึงหน้าปากประตูรวดเร็วนักล่ะ?

“โอ้พระเจ้า! เขาหล่อมาก! ทำไมท่านไม่มาทักทายกันบ้างล่ะคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวขึ้นเมื่อเห็นแลนเซล็อตนั่งอยู่ที่โต๊ะ อันที่จริงรูปลักษณ์ของชายผู้นี้ยังคงอยู่ในรูปร่างที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงไป และลดความหน้าตาดีลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น