บทที่ 178 สู้
บทที่ 178 สู้
แรงกดดันทั้งหมดในอากาศพรั่งพรู พลังที่เป็นของอวี๋ฉู่โดยเฉพาะก่อเกิดเป็นโล่ค่ายกลปกคลุมทั้งลู่หยวนและหยางอวิ๋นเอาไว้
สัมผัสเทวะของอาจารย์สำนักเหล่านั้นเหมือนกับหินที่จมลงสู่ทะเล ขอเพียงก้าวเข้าไป พวกเขาจะถูกแรงกดดันที่หลงเหลืออยู่กลืนกินอย่างแน่นอน
บัดนี้ ศิษย์ทั้งหมดที่ถูกส่งมาที่นี่ต่างก้าวออกจากหอคอยไปอยู่กลางอากาศคนแล้วคนเล่า หลังจากทักทายอวี๋ฉู่แล้ว พวกเขาก็ยืนอยู่นอกโล่ค่ายกล คอยสังเกตการณ์สองคนที่อยู่ข้างในโล่ค่ายกล
ร่างกายของหยางอวิ๋นห่มรัศมีสีทองดั่งผ้าคลุม เขาพลิกหอกในมือคราหนึ่ง รัศมีสีทองพลันถูกกดข่มไว้ชั่วลมหายใจ ก่อนจะเกิดอักขระทองแพร่กระจายออกไปตามผิวหนังจนปกคลุมทั่วร่าง
ทันใดนั้น รัศมีพลังเลือนรางก็แผ่ออกมาจากร่างกาย ท่ามกลางแรงกดดันนั้น นอกจากพลังมหาศาลแล้ว ยังมีสัมผัสของวิถีแห่งสวรรค์อยู่เช่นกัน
เมื่ออวี๋ฉู่สัมผัสพลังนี้ ดวงตาที่เคยหรี่ลงก็เบิกกว้างขณะจับจ้องไปที่หยางอวิ๋น เขาขมวดคิ้วอย่างไม่สามารถบอกความคิดได้
ลู่หยวนยังคงยืนเอามือไพล่หลังด้วยท่าทีดูเกียจคร้าน ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในสายตา
เมื่อเห็นดังนี้ หยางอวิ๋นยิ้มเย้ยหยัน หอกยาวราวกับมังกรที่ทะยานขึ้นจากหุบเหว มันส่งเสียงหวีดหวิวยามถูกชี้มาที่บุตรศักดิ์สิทธิ์
“ลู่หยวน ต่อให้จักรพรรดิสวรรค์มาที่นี่ในวันนี้ ก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้หรอก!”
น้ำเสียงของบุตรแห่งโชคชะตาหยางหนักแน่น สายตาชำเลืองมองมาทางอวี๋ฉู่เล็กน้อย
เขารู้ว่าอดีตเจ้าสำนักกำลังปกป้องอีกฝ่าย แต่เวลาของเขามาถึงแล้ว ในการต่อสู้หลังจากนี้ ต่อให้อวี๋ฉู่อยากคุ้มครองลู่หยวนก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน!
“เจ้าพูดจาเหลวไหลเสียจริง”
“เป็นแค่ขยะแท้ ๆ แต่ปากพล่อยไม่น้อย”
น้ำเสียงของลู่หยวนราบเรียบ ถึงขั้นมีความหยามเหยียดอยู่ในนั้น
ดวงตาของหยางอวิ๋นแดงก่ำขึ้นอีก เผยสีหน้าเคร่งขรึม ขณะแรงกดดันกระจายออกมาจากแววตาคู่นั้น
“ลู่หยวน! ตายเพื่อข้าซะ!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างของหยางอวิ๋นพลันระเบิดพลัง รัศมีสีทองวูบไหว ภาพติดตาปรากฏขึ้นบนจุดเดิมอยู่ไกลออกไป เพียงพริบตาก็มาถึงตัวลู่หยวน!
บุตรแห่งโชคชะตาหยางกระชับหอกด้วยมือทั้งสองข้าง อสนีบาตสีทองปรากฏขึ้นอีกครั้ง ราวกับอสรพิษร้ายกาจที่กำลังเลื้อยมาที่ปลายหอก
เมื่อสายฟ้าสีทองปรากฏขึ้น ทำให้อากาศรอบข้างหนาแน่นมากขึ้น เกลียวแสงสว่างสีทองปรากฏขึ้นจากด้านหลังบุตรศักดิ์สิทธิ์
ลู่หยวนขมวดคิ้ว เขาก้าวถอยหลังเล็กน้อย เสียง ‘เปรี๊ยะ ๆๆ’ ดังขึ้น แสงสว่างสีทองกลายเป็นสายฟ้ากัมปนาทพุ่งทะยานออกมา พันธนาการแขนขาของบุตรศักดิ์สิทธิ์ไว้อย่างแน่นหนา
หยางอวิ๋นในตอนนี้กวาดมองใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนง้างหอก เตรียมทิ่มแทงเข้าใส่ศัตรู
ตูม! ตูม! ตูม!
พื้นที่ที่หอกผ่านพังทลายสิ้น เพียงพริบตา หอกก็เคลื่อนมาอยู่ตรงหน้าบุตรศักดิ์สิทธิ์ อีกเสี้ยวพริบตาเท่านั้น ศีรษะของเขาก็จะหลุดออกจากบ่า
แต่ลู่หยวนไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใด
บัดนี้หยางอวิ๋นลอบยิ้มอยู่ในใจแล้ว
ใช่แล้ว พลังของร่างมายาของเขาไร้เทียมทาน
คุณชายลู่แห่งตำหนักธารสุญญะอะไรกัน บุตรศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน?!
ทุกสิ่งในโลกนี้ เมื่อมาอยู่ตรงหน้าเขาก็เป็นแค่สวะเท่านั้นแหละ!
ลู่หยวนเอ๋ย เจ้าจะกลายเป็นบันไดหินให้ข้าย่างเหยียบขึ้นไปเพื่อกลายเป็นผู้โด่งดังในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้!
แรงกดดันจากบุตรแห่งโชคชะตาหยางเข้มข้นอีกครั้ง สายลมรอบข้างพัดพา พลังวิญญาณทั้งหลายกระจายออกไป แม้กระทั่งโล่ค่ายกลที่อวี๋ฉู่สร้างก็เริ่มสั่นสะเทือนภายใต้วังวนนี้
อวี๋ฉู่มองคู่กรณีด้วยสายตายากจะพรรณนา ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็หันกลับมาสนใจนายท่านอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าทำไม ถึงแม้หยางอวิ๋นจะโง่เขลาเช่นนี้ แต่ดูจากพรสวรรค์ หรือแม้กระทั่งเคล็ดวิชาแล้ว ย่อมเรียกได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจแห่งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้ทีเดียว เขาอาจจะถึงขั้นดีกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เสียด้วยซ้ำ
ยิ่งกว่านั้นพลังของหยางอวิ๋นในตอนนี้ คล้ายว่าเหนือกว่าลู่หยวน
แต่อวี๋ฉู่ไม่ตั้งใจจะช่วยคุณชายลู่อยู่แล้ว เขารู้สึกมาตลอดว่า เด็กคนนี้ต้องมีวิธีรับมือเป็นแน่
อดีตเจ้าสำนักทำตามใจปรารถนาเช่นกัน เขายกขวดน้ำเต้าสีม่วงทองขึ้นมาดื่มอย่างหนัก
ขณะนั้นหอกทิ่มแทงตรงเข้าหาใบหน้าของคุณชายลู่ แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มออกมา
วิ้ง!
กลิ่นอายที่เป็นเอกลักษณ์ของแปดแดนร้างปรากฏขึ้น ร่างของหยางอวิ๋นพลันชะงักงัน เขาเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าที่คิ้วของลู่หยวนมีอักขระสีแดงปรากฏขึ้น ก่อนจะแพร่กระจายออกไป
เนตรเทวะที่ถูกย้อมด้วยโลหิตเบิกออก มันจับจ้องมาที่หยางอวิ๋น
บุตรศักดิ์สิทธิ์ขยับริมฝีปาก เปล่งภาษาที่เข้าใจยากออกมา ก่อนที่แสงสว่างสีแดงจะพุ่งออกมาจากเนตรเทวะกลางหว่างคิ้ว ส่งให้หมอกสีแดงอาบไล้ร่างกายของเขา
เสี้ยวพริบตานั้น หอกยาวในมือของหยางอวิ๋นพุ่งตรงมาเช่นกัน มันปะทะใบหน้าของลู่หยวนพอดี
ตูม!
หอกยาวกับหมอกสีแดงปะทะเข้าพร้อมกัน ทำให้เกิดคลื่นแรงสั่นสะเทือนลูกแล้วลูกเล่ากระจายออกไปทุกทิศทาง
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
คลื่นอากาศกระแทกโล่ค่ายกลของอดีตเจ้าสำนัก จนทำให้เกิดการระเบิดขนาดใหญ่ โล่ค่ายกลสั่นไหวเล็กน้อย
หยางอวิ๋นเพียงรู้สึกถึงความเจ็บปวดแสนสาหัสในปาก หมอกสีแดงตรงหน้าราวกับเหล็กไหลที่ไม่สามารถทะลวงได้ การโจมตีของเขาเมื่อครู่ถูกหมอกสีแดงปัดป้อง
หยางอวิ๋นรวบรวมพละกำลังทันที กำลังจะชักหอกออกมา แต่หมอกสีแดงพลันเริ่มสลายไปจากใบหน้าของลู่หยวน มันกระจายไปยังหอกในมือ ปกคลุมหอกทั้งหมดในทันที
เขาลอบพึมพำ ก่อนจะรีบกระชับหอกยาวกลับมาพลางกวัดแกว่งไปทั่ว และพยายามสลัดหมอกทั้งหมดออกไป
เสียงของบุตรศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้น “เจ้าวิญญาณกลับชาติมาเกิด ข้าไม่รู้ว่าหอคอยอสูรสวรรค์จะเติบโตขึ้นเท่าไหร่ หลังจากดูดกลืนเจ้าเข้าไปแล้ว”
หยางอวิ๋นไม่เข้าใจว่าลู่หยวนพูดถึงอะไร เขาเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว พบว่าเนตรเทวะสีชาดของอีกฝ่ายกลับกลายเป็นสีดำสนิท
“กางอาณาเขต!”
สิ้นเสียงตะโกนของชายหนุ่ม แสงสว่างสีแดงปกคลุมพวกเขาทั้งสองทันที พลังแห่งแปดแดนร้างปกคลุมทั่วพื้นที่
ก่อนหยางอวิ๋นจะทันได้ตอบสนอง ลู่หยวนยกมือขึ้น หอคอยขนาดเล็กปรากฏขึ้นด้านข้าง มันอาบย้อมไปด้วยพลังมาร เมื่อเห็นหยางอวิ๋น พลังนั้นก็เกิดปฏิกิริยา ราวกับเห็นของที่ถูกใจ
“พลังมาร!”
ลูกตาของหยางอวิ๋นหดลง เขาตกตะลึง ก่อนที่ร่องรอยความกระตือรือร้นจะปรากฏขึ้นในดวงตา
“ลู่หยวน เจ้าคือมารหรือ?!”
“ฮ่า ๆๆๆ ลู่หยวน เจ้าคือมาร! เช่นนั้นเจ้ามันก็ยิ่งน่าบัดซบเข้าไปใหญ่!”
ดวงตาของหยางอวิ๋นเผยความบ้าคลั่งเท่าทวี “เจ้าคือมาร ดังนั้นถ้าข้าฆ่าเจ้า อาจารย์สำนักก็จะไม่โทษข้า เซียวเทียนที่อยู่กับเจ้าก็จะถือว่าเป็นมาร เป็นตัวบัดซบเช่นกัน! ตระกูลลู่ของเจ้าสมควรตายเพราะเลี้ยงมารเอาไว้! พวกเจ้าต้องตายกันหมด!”
“ด้วยน้ำมือเจ้าคนเดียวน่ะหรือ?”
ลู่หยวนขบขัน “หยางอวิ๋น เจ้าไม่รู้หรอกว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อกล่าวจบ บุตรศักดิ์สิทธิ์ประสานมือเข้าด้วยกันแล้วออกแรงกดข่ม หอคอยอสูรสวรรค์พลันพุ่งเข้าหาอีกฝ่าย
มีร่องรอยความระแวดระวังอยู่ในดวงตาของหยางอวิ๋น ลู่หยวนคือมาร แสดงว่าวิธีการของอีกฝ่ายจะต้องสกปรกยิ่ง เขาไม่รู้ว่าหอคอยพังทลายนี่มีอะไรอยู่ ดังนั้นจำเป็นต้องระแวดระวังเอาไว้ก่อน
หยางอวิ๋นเก็บหอกยาว ก่อนจะถอยห่างออกมาหลายสิบจั้ง เขาหลบไปยังสุดขอบของโล่ค่ายกล ฝ่ามือกางออกให้หอกยาวอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม อสนีบาตสีทองปกคลุมหอกยาวเอาไว้อีกครั้ง เกิดแสงกะพริบที่ปลายหอกเหมือนดวงดารา