บทที่ 177 ลู่หยวน ปะทะ หยางอวิ๋น
บทที่ 177 ลู่หยวน ปะทะ หยางอวิ๋น
[ระบบแจ้งเตือน จิตใจของบุตรแห่งโชคชะตาหยางอวิ๋นแตกสลาย ค่าชะตาของเขาลดลง 3,000 แต้ม! ค่าชะตาที่เหลืออยู่ในตอนนี้คือ 5,000 แต้ม!]
[ค่าชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น 6,000 แต้ม! ค่าชะตาวายร้ายที่เหลืออยู่ในตอนนี้คือ 56,000 แต้ม!]
ลู่หยวนมองดูอีกฝ่ายที่ตกลงไปบนแท่นด้วยดวงตาสีชาด แสงสว่างในดวงตายังคงวูบไหว เขาพึมพำคำพูดที่ไม่น่าเป็นไปได้ออกจากปาก
หึ หยางอวิ๋นผู้นี้ไม่เพียงด้อยฝีมือเท่านั้น แต่จิตใจก็ยังอ่อนแออีกด้วย
ก่อนจะทันได้ลงมือ บุตรแห่งโชคชะตาหยางก็ลงไปนอนกับพื้นพร้อมส่งเสียงคร่ำครวญออกมา
“นี่… มันคงไม่จบแค่นี้หรอกใช่ไหม?”
เสียงของลู่หยวนพลันดังมาจากด้านหลัง
หยางอวิ๋นพลันหันไปมอง เห็นเพียงศัตรูคู่ฟ้าในชุดสีชาดห่มดำพลิ้วไหว ใบหน้าหล่อเหลาอาบด้วยพลังมังกรอันเลือนราง มุมปากยกยิ้มขึ้น ราวกับทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุม
ลู่หยวนดูเฉยชา ยืนเอามือไพล่หลัง ขณะสาวเท้าเข้ามาหา
“หยางอวิ๋น เจ้ามันก็ไม่เท่าไหร่นี่”
สายตาสับสนของหยางอวิ๋นพลันมืดมน มีแสงวาวโรจน์ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาอีกครั้ง
“เป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครในขั้นเดียวกับข้าที่จะเป็นคู่ต่อสู้ได้! เซียวเทียนเสมอกับข้าได้ก็แสดงว่าเป็นเจ้าที่ลงมือ! ใช่ เจ้านั่นแหละ ลู่หยวน!”
หยางอวิ๋นคล้ายกับจับประเด็นบางอย่างได้ สีหน้าจึงเกรี้ยวกราดขึ้นมา เสียงของเขาหนักแน่นมากยิ่งขึ้น “ลู่หยวน ต้องเป็นคนโฉดชั่วเช่นเจ้าแน่ ๆ ที่ลงมือ!”
“ข้าทำอะไรหรือ?”
ดวงตาของคู่สนทนาเผยแววสนุกสนานออกมา “เจ้าเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ? ขยะอย่างเจ้า ข้าแตะทีเดียวก็สามารถบดขยี้ได้แล้ว”
หยางอวิ๋นเดือดดาลเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว เขาเงยหน้าขึ้นมองบุตรศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับมองไม่เห็นความหวั่นไหวในแววตาของอีกฝ่าย ราวกับตนเองไม่ต่างจากมดในสายตาเขา
หยางอวิ๋นพยายามสุดความสามารถเพื่อรวบรวมพลังที่เหลืออยู่ในทะเลลมปราณขึ้นมา พลังของเขาเข้มข้นขึ้น ภาพมายาในชุดเกราะสีทองปรากฏขึ้นที่ด้านหลังอีกครั้ง
วิ้ง!
เสียงของวิถีแห่งสวรรค์ดังขึ้น เกิดพายุหมุนในอากาศลูกแล้วลูกเล่า หมู่เมฆสีดำที่อยู่ทั่วท้องนภาแยกตัว แสงสว่างสีทองพุ่งลงมาผ่านหมู่เมฆ สาดส่องมาที่หอคอย
ตอนนี้ภาพมายาดูยิ่งใหญ่ทรงพลังภายใต้แสงเรืองรอง แสงสว่างสีทองเจิดจ้าบนปลายหอกยาว พลังวิญญาณรอบข้างเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมารวมที่ร่างของหยางอวิ๋น
“ลู่หยวน! เจ้ามีชีวิตจนถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะภูมิหลังของตระกูลลู่! วันนี้เจ้ากล้าสู้ตัดสินชี้เป็นชี้ตายกับข้าหรือไม่?! ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!”
มุมปากของลู่หยวนยกขึ้น สายตามองหยางอวิ๋นด้วยความเวทนา
เจ้านี่จะรีบตายไปถึงไหน!
“สู้กับข้าหรือ? หยางอวิ๋น เจ้าควรค่าหรือ?”
“เป็นแค่ขยะขั้นเทียมเซียนแท้ ๆ แต่กล้ามาท้าทาย ช่างไม่รักตัวกลัวตายเอาเสียเลย!”
พอหลายคนในที่นี้ได้ยินเข้า พวกเขาถึงกับเม้มริมฝีปาก
ถึงแม้พวกเขาหลายคนจะเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับลู่หยวนมามาก ตามที่ข่าวลือว่ามาบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เป็นคนที่ทรงพลังยิ่งนัก
ทำลายบันไดสวรรค์ภายในสิบขั้น กดดันให้บรรพชนเสวียนคุกเข่า แค่เรื่องเหล่านั้นก็มากพอที่จะทำให้เขาโด่งดังไปทั่วสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์
แต่สำหรับเรื่องพวกนั้น พวกเขาหลายคนยังไม่เคยเห็นกับตาตัวเองมาก่อน พวกเขาล้วนรู้สึกว่ามันออกจะเกินความจริงไปมาก ยิ่งกว่านั้น ต่อให้ลู่หยวนจะทำสิ่งเหล่านี้จริง เขาก็คงแค่พึ่งพลังจากอาวุธวิเศษของตระกูลเท่านั้น
ส่วนพลังของเขา …อาจจะไม่เท่าไหร่ก็ได้
ตอนที่พวกเขาถูกกลุ่มอื่นโจมตี เป็นเซียวเทียนที่ออกนอกหน้าช่วยพวกเขา ส่วนลู่หยวนเปรียบเสมือนอาสองที่คอยนั่งอยู่ด้านข้างแล้วดื่มชาอย่างเกียจคร้าน
เรื่องที่ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหนนั้น ไม่มีใครรู้
ไม่ช้า บางคนเริ่มคิดว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่จะไม่รับคำท้าของหยางอวิ๋นอย่างนั้นหรือ?!”
“น่าจะหมายความอย่างนั้นนะ”
หลายคนลดเสียงลง “หรือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์จะเอาชนะหยางอวิ๋นไม่ได้ ก็เลยไม่กล้ารับคำท้าสู้ครั้งนี้?”
“ข้าคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่แข็งแกร่งตามที่ลือกันมาจริง ตอนนี้เขาน่าจะรับคำท้า เพื่อจัดการกับหยางอวิ๋นไปเลยสิ! ทำไมถึงไม่ทำ?!”
“จุ๊ ๆๆ ใช่แน่ อย่างมากคงเป็นผู้ช่วยของเซียวเทียน ก็คงพอมีพลังบ้าง! หากมีอะไรเกิดขึ้นก็แค่รอให้ท่านเซียวหยิบกระบี่ขึ้นมาฟาดฟันผู้อื่นเป็นแน่!”
ครั้นกันเม่าผู้อยู่ด้านข้างได้ยินเสียงเหล่านี้จากด้านหลัง เขาก็ไม่คิดที่จะห้ามปราม ความจริงย่อมดังกว่าวาจา อีกไม่ช้าพวกเขาจะได้รู้ว่า ที่ลู่หยวนไม่รับคำท้าของหยางอวิ๋นก็เพราะอีกฝ่ายอ่อนแอเกินไป
ขยะพรรค์นั้น ควรค่าที่จะสู้อย่างยุติธรรมกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่หรือ?!
เมื่อลู่หยวนยืนอยู่ตรงหน้า นั่นแหละคือความไม่ยุติธรรมอย่างใหญ่หลวงที่สุด!
ผ่านไปสักพัก คนเหล่านี้จะได้รู้ว่า การถูกบดขยี้มันเป็นอย่างไร!
เมื่อหยางอวิ๋นได้ยินคำพูดของลู่หยวน เขาก็คิดว่าอีกฝ่ายไม่กล้าตอบรับเช่นกัน ทำให้รู้สึกถึงชัยชนะมากยิ่งขึ้น
ตอนที่สู้กับเซียวเทียนเมื่อครู่ เขายังคงออมมือเอาไว้!
ถึงแม้เมื่อครู่จะใช้พลังวิญญาณไปมาก เพราะการใช้วิชานี้ผลาญพลังร่างกายยิ่งนัก แต่ว่า ขอเพียงสามารถเอาชนะลู่หยวนได้ ทุกอย่างย่อมคุ้มค่า!
“ไม่ควรค่าหรือ?”
หยางอวิ๋นยืนขึ้น ยังคงถือหอกยาวเอาไว้ในมือ ดวงตาเริ่มกลายเป็นสีแดงโลหิต “ลู่หยวน เจ้านั่นแหละไม่ควรค่า!”
ครั้นกล่าวจบ ภาพมายาที่อยู่ด้านหลังหยางอวิ๋นพลันสั่นไหว ชุดเกราะของภาพมายาลอกออกชั้นแล้วชั้นเล่า ก่อนจะลอยมาหาหยางอวิ๋น
วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!
ชุดเกราะศึกลอยมาที่ร่างของหยางอวิ๋น ประกบเข้ากับร่างทันที แสงสว่างสีทองพลันปรากฏขึ้น ความยิ่งใหญ่สูงส่งระเบิดออกจากร่างของเขา
“ร่างมายา หลอมรวม!”
สิ้นเสียงตะโกนเคร่งขรึมของหยางอวิ๋น ภาพมายาที่ปราศจากชุดเกราะสีทองพลันลอยมาหาเขา พร้อมหลอมรวมเข้ากับร่างกายของบุตรแห่งโชคชะตาหยาง
แสงสว่างสีทองเริ่มมอดดับลง แสงสว่างทั่วโลกเปลี่ยนไปเช่นกัน
หยางอวิ๋นค่อย ๆ หลับตา พบว่าตรงหว่างคิ้วมีอักขระสีทองถูกสลักขึ้นช้า ๆ
“ลู่หยวน เจ้าจะได้ตายอยู่ภายใต้เงาของข้า นั่นนับว่าเป็นโชคดีของเจ้าแล้ว!”
หยางอวิ๋นลืมตาขึ้น พลังของมหาวิถีที่อยู่ในอักขระระเบิดออกมาทันที คลื่นพลังรุนแรงพลันกระจายไปทุกทิศทาง กวาดไปทั่วทั้งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์
ศิษย์จำนวนมากที่กำลังปรี่เข้ามาตกตะลึงจนรู้สึกปวดหัว ส่วนอาจารย์สำนักที่ประจำอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของสำนักต่างสัมผัสถึงพลังมหาวิถีนี้ได้เช่นกัน ทำให้ร่างกายชะงักงันไป ครั้นกลับมามีสติ สายตาก็ร้อนผ่าวจนอยากออกไปตรวจสอบสถานการณ์
พวกเขามั่นใจว่าพลังมหาวิถีนี้ไม่ได้เป็นของโลกมนุษย์อย่างแน่นอน
พลังมหาวิถีที่ไม่ได้เป็นของโลกใบนี้ อาจจะเป็นการสร้างพลังแห่งกฎเกณฑ์ใหม่ขึ้นมา
พลังแห่งกฎเกณฑ์นี้จะนำผู้คนบางส่วนออกจากข้อจำกัดของโลกใบนี้
นี่คือการทะยานสู่สวรรค์!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อาจารย์สำนักทั้งหมดพากันเคลื่อนไหว
ถึงแม้พวกเขาจะยังไม่รู้ว่าทำไมหยางอวิ๋นผู้นี้ถึงสามารถสำแดงพลังมหาวิถีดังกล่าวได้ แต่พวกเขาต่างรู้ว่านี่คือโอกาสครั้งเดียวในชีวิต หากสามารถฉกฉวยโอกาสนี้มาได้ อนาคตของพวกเขาจะต้องไร้ขีดจำกัดแน่นอน!
เมื่อพวกเขากำลังจะไป พลังไร้เทียมทานก็ได้เคลื่อนลงมาจากท้องนภา กดลงบนบ่าของพวกเขาเอาไว้ ชนิดที่ว่าถูกตรึงอย่างแน่นหนา
เสียงของเฉิงไท่ดังมาจากความว่างเปล่า “ข้ารู้นะว่าตอนนี้พวกเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้หยางอวิ๋นกับลู่หยวนกำลังต่อสู้ชี้เป็นชี้ตาย หากโผล่ไปตอนนี้จะเป็นการแหกกฎของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์”
“หากพวกเจ้าอยากรู้ว่าพลังมหาวิถีนี้มาจากไหน ก็รอให้ผลลัพธ์การประลองจบลงก่อนแล้วกัน!”
เสียงของเฉิงไท่เลือนหายไป แต่พลังแก่กล้ายังคงอยู่รอบข้างพวกเขา
อาจารย์สำนักเหล่านี้ทำได้เพียงตัดใจจากความคิดที่จะปรี่ออกไปชั่วคราว ถึงอย่างไรมันก็คือกฎเหล็กในสำนัก เมื่อศิษย์ต่อสู้ชี้ชะตา อาจารย์สำนักต้องไม่เข้ามาก้าวก่าย
ถึงแม้จะไม่สามารถปรี่ออกไปได้ แต่คนเหล่านี้มีสัมผัสเทวะที่แข็งแกร่ง พวกเขาส่งมันมาถึงที่ที่หยางอวิ๋นกับลู่หยวนอยู่ในพริบตา ให้ความสนใจกับผลลัพธ์ในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
พวกเขาหลายคนหวังอยู่ลึก ๆ ว่า หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่แพ้ ขอเพียงเจ้าหนุ่มผู้ใช้หอกชนะ เช่นนั้นพวกเขาจะสามารถสำรวจพลังมหาวิถีของหยางอวิ๋นได้
แต่ถ้าหยางอวิ๋นแพ้ หรือถึงขั้นถูกอีกฝ่ายฆ่า เช่นนั้นพลังมหาวิถีที่พวกเขาได้เผชิญในที่สุดก็จะสลายไปเช่นกัน นั่นหมายความว่าโอกาสที่จะทะยานสู่สวรรค์ก็จะหลุดมือไป
หลายคนจึงทำการตัดสินใจ หากผลลัพธ์สุดท้ายกลายเป็นว่าลู่หยวนชนะ พวกเขาจะให้การช่วยเหลือหยางอวิ๋นอย่างสุดความสามารถ!
แน่นอนว่าลู่หยวนสัมผัสถึงตัวตนของจิตเทวะคนเหล่านี้ได้ เขาส่งสายตาดูถูกออกมาขณะชำเลืองมองอยู่หลายครั้ง ใบหน้าเผยรอยยิ้ม แน่นอนว่าเขารู้เหตุผลที่ทุกคนมาที่นี่
พลังที่หยางอวิ๋นสำแดงออกมาเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจต่อผู้คนจำนวนมากยิ่งนัก หากเจ้านี่ปลดปล่อยพลังตอนเข้าสู่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นก็อาจจะไม่ตกอยู่ในมือของลู่หยวน แต่จะทำให้อาจารย์สำนักจำนวนมากต่อสู้กันแทน
แต่ว่า…
พลังมหาวิถี คือสิ่งที่ลู่หยวนไม่สามารถได้มาครอง แต่หอคอยอสูรสวรรค์สามารถดูดกลืนได้!
แสดงว่าพวกเจ้าจะเข้ามาแย่งชิงจากข้าอย่างนั้นหรือ?!
ฝันไปเถอะ!
ลู่หยวนชูยันต์ขึ้นก่อนเผามันในพริบตาต่อมา ร่างของอวี๋ฉู่ปรากฏขึ้นบนแท่น
“เอิ๊ก เจ้าหนู ทำไมถึงเรียกข้าล่ะ?”
อวี๋ฉู่ถามเจือเสียงเรอโดยมีขวดน้ำเต้าสีม่วงทองอยู่ในมือ หลังจากพูดจบเขาก็ยกขึ้นจิบ เพื่อลิ้มรสสุราชั้นเลิศ สมญานามพระพุทธองค์คงกำลังร่ำไห้อยู่เป็นแน่
ลู่หยวนเบือนสายตาหนี ก่อนขมวดคิ้ว “สภาพท่านเป็นแบบนี้จะสู้ไหวแน่หรือ?”
ครั้นได้ยินดังนี้ ร่างของอีกฝ่ายก็ตั้งตรงทันที พร้อมเผยสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา “เจ้าหนู เจ้าหมายความว่าอย่างไร?! เจ้าจะบอกว่าข้าไม่ดีงั้นหรือ?! แค่สุราไม่กี่ขวดเอง! เจ้าว่ามา อยากให้ข้าทำอะไร?!”
ลู่หยวนชี้ไปที่หยางอวิ๋น “ข้าไม่อยากให้ใครมารบกวนตอนข้าฆ่าหมอนี่”
คนฟังส่งเสียงอืม จากนั้นกวาดสายตามองรอบข้าง ปล่อยพลังพรั่งพรูออกมาราวกับคลื่นขนาดใหญ่ กลืนกินสัมผัสเทวะทั้งหมดของเหล่าอาจารย์สำนักทุกคน
“ใครก็ตามที่กล้าหยุดลู่หยวนกับหยางอวิ๋นในวันนี้ ตาย!”