บทที่ 249 การประลอง

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 249 การประลอง

บทที่ 249 การประลอง

ฉู่เหินทุ่มแรงทั้งหมดของเขาลงไปแล้วผลักแขนไปข้างหน้าอย่างแรง เสียงลั่นดัง “เอี๊ยด” ดังขึ้นในที่สุดประตูเหล็กก็เปิดออก เขามองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ข้างในเลยแม้แต่น้อย หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งฉู่เหินก็เข้าไปในข้างใน

“มีใครจะท้าทายข้า จาผีเอ้อ อีกไหม ข้าคือจาผีเอ้อนักรบของโหลวหลาน ผู้ไร้เทียมทาน” ชายหนุ่มร่างกายกำยำสมชายชาตรี ร่างกายส่วนบนที่เปลือยเปล่า สวมแหวนทองแดงที่ข้อมือ บนหัวของเขามีเปียถักเล็กๆ หลายสิบเส้น นอกจากนี้ยังมีวงแหวนอยู่ที่จมูกของเขา ตอนนี้เขายืนอยู่บนสังเวียนราวกับสัตว์ร้าย

ที่ด้านข้างสังเวียนวงกลมนี้มีชาวโหลวหลานนับไม่ถ้วนนั่งอยู่ เมื่อทุกคนเห็นจาผีเอ้อยกหมัดขึ้นฟ้า พวกเขาก็จะตะโกนขึ้นเสียงดัง

“จาผีเอ้อมาแล้ว! วีรบุรุษแห่งโหลวหลานของพวกเรา ท่านคือนักรบผู้ไร้เทียมทาน!” เสียงตะโกนเรียกที่ดังขึ้นในอากาศ ทำให้จาผีเอ้อยืนอยู่บนสังเวียนอดยิ้มไม่ได้

“จาผีเอ้อ ข้า กู้ปาเทอ มาเพื่อขอคำชี้แนะ” หลังจากคำพูดจบลง ชายที่ดูแข็งแกร่งก็กระโดดขึ้นไปบนสังเวียน ชายคนนั้นถือหอกไว้ในมือของเขา ความแข็งแกร่งของเขาไม่ด้อยไปกว่าจาผีเอ้อเลย

“กู้ปาเทอ เยี่ยมมากในโหลวหลานถือได้ว่าเจ้าเป็นนักรบคนนึง วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้เองมาดูกันว่าเจ้าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง” พูดจบจาผีเอ้อก็ก้มตัวลงและพุ่งเข้าหากู้ปาเทอในพริบตาพร้อมทั้งยกกำปั้นขึ้นโจมตี หมัดสีแดงรวดเร็วราวกับดาวตก

หอกพิเศษของกู้ปาเทอสั่นไหวเบาๆ เขาทะยานขึ้นแทงหอกราวกับมังกร ทะยานในสายตาของทุกคนหอกเปร่งประกายเจิดจ้าส่องสว่างจากนั้น

จาผีเอ้อก็แทงอย่างรวดเร็ว หอกนี้ทำให้กู้ปาเทอแสดงความแข็งแกร่งออกมาได้อย่างเต็มที่ เขาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแทงคู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย

จาผีเอ้อมองหอกที่แทงเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว เขาชูกำปั้นขึ้นมาและชกสวนกลับไป ช่วงเวลาที่หอกและหมัดปะทะกัน ผู้ชมพากันลุ้นตัวโกงแทบทุกคน พวกเขาเกรงว่ากำปั้นของจาผีเอ้อจะต้านไม่อยู่

แต่ในช่วงเวลาที่ทั้งสองกำลังจะปะทะกัน แหวนทองแดงหลายวงที่สวมใส่อยู่บนข้อมือของจาผีเอ้อก็ขยับเล็กน้อยทันใด มันคลุมฝ่ามือเนื้อของเขากลายเป็นสนับมือ เมื่อทั้งสองปะทะกันเสียงกระทบกันดังก้อง ทั้งสองก้าวถอยหลังโดยไม่ตั้งใจ

หลังจากยืนนิ่งเงียบทั้งสองก็มองหน้ากัน สายตาพวกเขาเปร่งจิตสังหารออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียม พวกเขาทั้งสองเร่งพลังเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย จิตใจที่กำลังคลั่งก็สงบลง คู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริงอย่างแน่นอน แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งแต่พวกเขาก็ยังต้องระมัดระวัง

“ฆ่า” หลังจากแผดเสียงดังทั้งสองก็พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกัน เงาทั้ง 2 สายส่ายไปมา มันคือเงาของกำปั้นและเงาของหอก ทั้งสองไม่สามารถทำลายอีกฝ่ายได้จนต้องแยกจากกัน พวกเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีกันมาก!

ขณะที่คู่ต่อสู้ไม่ทันตั้งตัวจาผีเอ้อก็โจมตีกระดูกซี่โครงของฝ่ายตรงข้ามทันที ความตกใจครั้งใหญ่ทำให้อีกฝ่ายกรีดร้อง

แต่เห็นได้ชัดว่ากู้ปาเทอไม่ใช่ตะเกียงที่ไร้น้ำมัน* ขณะที่ซี่โครงกำลังจะถูกโจมตีหอกของเขาวาดกลับมา หอกเปล่งประกายกวาดตรงเข้าไปส่วนล่างของคู่ต่อสู้โดยตรง ปล่อยไว้แบบนี้พวกเขาทั้งสองจะได้รับบาดเจ็บกันทั้งคู่ พวกเขามองตาของกันและกัน ไม่รู้ใครว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ จนต้องถอยออกมาพร้อมกัน

(*เปรียบเทียบว่าไม่ใช่คนไร้น้ำยา)

เมื่อทั้งสองจะสู้กันต่อ พวกเขาก็เห็นประกายไฟสีม่วงไหม้อยู่เหนือหัว เมื่อดวงอาทิตย์สีม่วงนี้ปรากฏขึ้นแสงก็ยิ่งสว่างมากขึ้นเรื่อย ๆ แสงสว่างมากจนพวกเขาทั้งสองต้องเหยียดแขนออกมาเพื่อปกปิดดวงตาของพวกเขาเบา ๆ และค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง

“นักรบต่างเผ่า ฉู่เหิน จะท้าทายนักรบโหลวหลาน ตามมาตรา 373 ของกฎหมายโหลวหลาน นักรบโหลวหลานทุกคนสามารถท้าทายเขาได้ หากนักรบต่างเผ่าไม่พ่ายแพ้ เขาจะกลายเป็นเจ้าเมืองโหลวหลานและเป็นผู้ชี้นำพวกเราชาวโหลวหลานไปสู่ชีวิตใหม่” เสียงประโยคที่ราวกับเครื่องจักรไม่มีที่มา ทำให้สังเวียนทั้งหมดเงียบลง!

มีนักรบลั่วหลานเกือบหมื่นปรากฏอยู่บนท้องฟ้า ภายในม่านแสงสีม่วงที่สะดุดตามีตัวเลขปรากฏขึ้น

ฉู่เหินไม่รู้เลยว่าประตูมันเป็นทางลงไปสู่ด้านล่าง เมื่อเขาผลักประตูเต็มแรงเขาก็เลยตกลงมาจากด้านบนทันที

เขาไม่ได้เตรียมพร้อมจะลงสังเวียน แต่เขาก็ลงมาแล้ว ทำใหเขารู้สึกเขินอายมาก โชคดีที่มันไม่สูงมากนัก มิฉะนั้นเกรงว่าเขาคงจะได้รับบาดเจ็บ

“อ่า นี่มันอะไรกันเนี่ย? ทำไมเจ้าถึงได้ประตูแบบนั้นกันล่ะ?” หลังจากที่เขาลุกขึ้นจากพื้น ทันใดนั้นเขาก็พบว่าตัวเองยืนอยู่บนสังเวียน อีกด้านของสังเวียนมีอีกสองคนกำลังจ้องมองมาที่ตัวเขาอยู่ เห็นได้ชัดว่าวรรยุทธของสองคนนี้ไม่ได้ต่ำทรามเลย น่ากลัวว่าจะเทียบกับครึ่งก้าวสู่ผู้พิชิตดาราได้เลย

ฉู่เหินสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าทั้งสองทำให้เขาตระหนักถึงอันตรายกล่าวอีกนัยหนึ่งคือถ้าเขาต่อสู้กับ 2 คนนี้ เขาคงชนะไม่ไ่ด้ง่ายๆแถมอาจได้รับบาดเจ็บอีก

หลังจากส่งยิ้มเล็กน้อยให้ทั้งสองคนเขาก็รีบมองไปรอบ ๆ เขาก็พบว่ามีที่นั่งนับไม่ถ้วนรอบสังเวียนนี้และที่นั่งเหล่านั้นเต็มไปด้วยผู้คน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามีจำนวนทั้งหมดเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าจะมีไม่ต่ำกว่าพัน หลังจากเห็นอย่างนั้นแล้วฉู่เหินอดรู้สึกหนังศีรษะชาไม่ได้ เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเขาถึงตกลงมาที่นี่

“เชิญคุณต่อ เชิญพวกคุณต่อเลย ฉันจะไปคอยให้กำลังใจคุณที่ด้านล่าง!” เมื่อฉู่เหินเห็นทั้งสองคนที่ดูเหมือนจะมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรนัก เขาก็พูดด้วยรอยยิ้มในขณะเดียวกันก็พุ่งไปที่ขอบของสังเวียนอย่างรวดเร็ว โชคดีที่แม้ว่าชายทั้งสองจะมองด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร แต่พวกเขาก็ไม่ได้ตามมาซึ่งทำให้เขาโล่งใจบ้าง

เมื่อเห็นฉู่เหินพร้อมที่จะกระโดดลงจากสังเวียนในทันที ทำให้ทั้งสองคนบนสังเวียนและผู้ชมนับหมื่นที่อยู่ด้านล่างตกตะลึง จากนั้นพวกเขาก็มอง

ฉู่เหินแปลก ๆ เบิกตากว้างราวกับว่ากำลังมีอะไรสนุก ๆ เกิดขึ้น

แน่นอนฉู่เหินมองเห็นท่าทางของทุกคนที่ดูถูกเหยียดหยามเขา แต่ฉู่เหินไม่สนใจเขามาถึงขอบสนามเขาก็กระโดดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติด้วยการกระโดดเบา ๆ

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อ!

ฉู่เหินกระโดดสูงเกินไป! จนกระแทกเข้ากับโล่พลังงานที่มองไม่เห็นราวกับว่าเขาชนเข้ากับกระจก เขาแทบไม่เคยกระแทกพื้นด้วยจมูกมาก่อนเลย ร่างทั้งร่างติดกับโล่พลังงานอย่างเหนียวแน่น เรากับว่าเขาถูกแรงสะท้อนจากโล่พลังปัดเขาตกลงมากระแทกพื้นยังไงอย่างงั้น

มีเสียงหัวเราะดังขึ้นทั่วทั้งสนาม ฉู่เหินปีนจากพื้นอย่างหมดท่า หลังจากมองดูผู้คนที่หัวเราะอยู่เขา จนฉู่เหินอดไม่ได้พูดออกมา “หัวเราะหาน้องสาวของพวกแกเหรอ!”

แม้ว่าเสียงเขาจะเบามาก แต่มันก็ผ่านเข้าไปในหูของทุกคนอย่างชัดเจนจนทุกคนต้องหยุดเสียงหัวเราะ จากนั้นพวกเขาก็มองฉู่เหินด้วยท่าทางแปลก ๆ เนื่องจากว่าที่โหลวหลานหลายปีที่ผ่านมามีนักสู้ต่างเผ่านับไม่ถ้วนในเข้ามาท้าทายและทุกคนต่างพ่ายแพ้ต่อนักรบแห่งโหลวหลาน ดังนั้น นักสู้ต่างเผ่าทุกคนจึงสิ้นชื่อทุกครั้งหลังจากมาที่นี่

แต่วันนี้ดีกว่าทุกครั้ง ด่าคนอื่นโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ส่วนตัวนี่มันวีรบุรุษประเภทไหนกัน? แต่ในใจพวกเขารู้สึกว่าคนผู้นี้เป็นคนที่ซื่อตรงดีจริงๆ