บทที่ 152 เกราะป้องกัน

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

พิชญาใจเต้นตึกตัก รู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ“เธอหมายความว่าไง?”

ขยานีกับวรยาก็มองวารุณี

“ลูกรัก ลูกรู้อะไร ที่พวกเราไม่รู้มาใช่ไหม?”วรยาถาม

วารุณีเสยผม ยิ้มให้เธอ“ที่จริงก็ไม่ใช่ความลับอะไรหรอกค่ะ ถึงไม่มีฉัน ประธานนัทธีก็จะถอนหมั้นกับเธอ เพราะว่าเธอเป็นแค่เกราะป้องกัน!”

“เกราะป้องกัน?”รูม่านตาพิชญาหดลง

พิชญากับขยานีก็ตกใจขึ้นมา

วารุณีพยักหน้า“ใช่ เธอเป็นแค่เกราะป้องกันอันหนึ่งที่ประธานนัทธีตั้งขึ้นมาเพื่อคุณนวิยา ประธานนัทธีมีคนที่รักแล้ว คนนั้นคือคุณนวิยา เพราะว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสิบปีก่อน คุณนวิยากลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา จนฟื้นคืนมาก่อนหน้านี้”

“ลูกพูดแบบนี้แม่ก็คิดออกแล้ว นวิยา ที่เป็นลูกสาวของบริษัท แก้วสุทธิ กรุ๊ปเมื่อสิบปีก่อนสินะ?”วรยาตบฝ่ามือ

วารุณีตอบอือ“ใช่ค่ะ”

“งั้นก็ไม่แปลกหรอก ตอนนั้นตระกูลแก้วสุทธิกับตระกูลไชยรัตน์มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ลูกสาวตระกูลแก้วสุทธิกับนัทธีก็เป็นเด็กที่เล่นมาด้วยกันตั้งแต่เด็กจนชอบพอกัน คนภายนอกยังเดากันเลยว่าทั้งสองตระกูลจะหมั้นหมายกันหรือเปล่า แต่หลังจากสิบปีก่อนที่บริษัท แก้วสุทธิ กรุ๊ปล้มละลาย ลูกสาวตระกูลแก้วสุทธิก็หายไป ที่แท้ก็ประสบอุบัติเหตุนี่เอง”วรยาลูบคางพยักหน้าพูด

สองแม่ลูกขยานีกับพิชญาเข้าตระกูลศรีสุขคํามาเมื่อเจ็ดปีก่อน แล้วเข้ามาในแวดวงไฮโซ ดังนั้นเลยไม่รู้เรื่องเมื่อสิบปีก่อน ตอนนี้ได้ยินวรยาพูดแบบนี้ ถึงรู้ว่านัทธียังมีเด็กที่เล่นมาด้วยกันตั้งแต่เด็กจนชอบพอกันด้วย

“พูดถึงแล้ว คุณนวิยาคนนี้กับเธอก็อยู่โรงพยาบาลเดียวกันนะ”วารุณีมองพิชญาอย่างขำๆ

ตอนนี้เองใบหน้าพิชญาก็ขาวซีด ส่ายหน้าอย่างเหลือเชื่อ“ไม่ เป็นไปไม่ได้ นัทธีจะรักนวิยาอะไรนั่นได้อย่างไร คนที่เขารัก……”

พูดถึงตรงนี้ จู่ๆเธอก็คิดอะไรได้ ตาเบิกโตกว้างขึ้น หันหน้าไปคว้ามือของขยานีที่อยู่ด้านหลัง“แม่ เมื่อวานแม่ไม่ได้บอกฉันเหรอ สองสามวันนี้แม่เห็นนัทธีมาโรงพยาบาลตลอด?”

“ชะ……ใช้จ้ะ”ขยานีพยักหน้า

วารุณีเอามือปิดปากและถากถางไปนิดๆ“พวกเธอคงไม่คิดว่า ประธานนัทธีไปโรงพยาบาลเพื่อไปเจอพวกเธอหรอกนะ?”

ขยานีอ้าปาก ทันใดนั้นก็พูดไม่ออก

เธอคิดแบบนั้นจริงๆ

เธอคิดว่านัทธีมาโรงพยาบาล เพราะอยากรู้ว่าพิชญาฟื้นมาหรือยังจากที่‘หมดสติ’ไป

“น่าเสียดายจัง พวกเธอคิดมากไปแล้ว ประธานนัทธีไม่ได้ไปดูพวกเธอ แต่ไปดูคุณนวิยา”วารุณียักไหล่

วรยาสะใจสองคนแม่ลูกขยานี“ฮี่ฮี่ ทำให้พวกเธอผิดหวังซะแล้ว”

มือพิชญาที่วางไว้บนที่วางมือรถเข็นก็สั่น ตัวกับหัวใจเหมือนน้ำแข็ง

เป็นครั้งแรกที่เธอรู้ว่า ข้างกายนัทธีไม่ได้มีแค่วารุณี ยังมีนวิยาที่ลึกลับอีก

“พิชญา……”ขยานีเอามือวางไว้บนไหล่พิชญาอย่างเป็นห่วง

“ตอนนี้พวกเธอรู้แล้วสินะว่าทำไมฉันถึงบอกว่า ถึงไม่มีฉัน ประธานนัทธีก็จะยกเลิกงานหมั้น เพราะว่าเธอก็เป็นแค่ตำแหน่งที่มาแทนที่คุณนวิยาเท่านั้น และยังช่วยประธานนัทธีไล่พวกคนที่เข้ามาจีบด้วย”สองมือวารุณีวางลงบนเข่า แล้วย่อตัวลง สบตาระดับเดียวกับพิชญา

พิชญาใจสลาย มือทั้งสองข้างคว้าผมของตัวเองไว้แน่น สีหน้าดูน่ากลัวเหมือนผี ในใจท่องคำว่านวิยาสามคำนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

วารุณีลุกขึ้น“ดังนั้นวันนี้พวกเธอมาหาเรื่องฉัน ไม่มีความหมายอะไรเลย!”

“ใครว่าไม่มี?”พิชญาเงยตาขึ้น ตาแดงก่ำคู่นั้น ดวงตาที้เหมือนพิษจ้องมองเธอ“ถึงระหว่างฉันกับนัทธีจะมีนวิยาเข้ามาสอดแทรก แต่เธอวารุณีก็ไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ ถ้าเธอไม่ได้ปรากฏตัว ถึงแม้นัทธีจะถอนหมั้นเพื่อนวิยา แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ที่มายกเลิก ดังนั้นสุดท้ายแล้ว เธอก็ยังทำร้ายฉัน!”

ถึงแม้วารุณีบอกว่าคนที่นัทธีรักเป็นนวิยาอะไรนั่น แต่เธอกลับรู้ดีว่า นัทธีก็รักวารุณี ถึงเทียบนวิยาไม่ได้ แต่รักก็คือรัก

จากสิ่งนี้ เธอก็ไม่มีทางปล่อยวารุณี เธอจะให้วารุณีกับนวิยาอะไรนั่น หายไปจากตัวนัทธีเหมือนกัน

“ไม่มีเหตุผลเลย!”วารุณีมองความเกลียดชังในดวงตาพิชญา คิ้วก็ขมวดเข้าหา

วรยาคว้าแขนของเธอไว้“คนแบบนี้ ไม่เคยฟังคนอื่นเลย พวกเราอย่าใส่ใจพวกเธอเลย เสียเวลา”

พูดจบ วรยาก็ปิดประตูทันที

อย่างไรก็ตามขยานีกับพิชญายังเคาะประตูอยู่ด้านนอก ยังอยากได้ข้อเท็จจริง

วรยาไม่ชอบเสียงดัง จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาส่วนกลาง ให้ส่วนกลางส่งยามสองคนขึ้นมา ไล่สองคนแม่ลูกนี้ออกไป

แป๊บเดียว นอกประตูก็มีเสียงโวยวายเข้ามา จากนั้น ทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบ

วรยาเปิดประตูไปดู มองเห็นด้านนอกประตูไม่มีใคร จึงโล่งใจ ปิดประตูกลับไปที่ห้องรับแขก“สองแม่ลูกนี้ ประสาทจริงๆ”

“พวกเธอไม่ได้ประสาทหรอกค่ะ แต่รังแกคนอ่อนแอ”วารุณีนั่งอยู่บนโซฟา ปอกแอปเปิล หัวเราะไปตอบไป

วรยาพยักหน้า“ลูกพูดก็ถูก แต่แม่มีแนวโน้มเหมือนว่าพวกเธอรู้ว่าไปหานัทธีก็ไม่มีประโยชน์ ก็เลยมาหาลูก ระบายความโกรธใ พูดถึงแล้ว ตอนนี้แม่ดีใจมากที่พิชญาแย่งการหมั้นหมายของลูกกับนัทธีไป ไม่งั้นลูกก็จะเป็นแค่เกราะป้องกัน”

ดวงตาวารุณีสั่นไหว แต่แป๊บเดียวก็คืนสู่ปกติ เอาแอปเปิลกับมีดยัดใส่มือวรยา“ค่ะแม่ ไม่พูดเรื่องนี้ละ แม่ช่วยปอกให้เสร็จหน่อยสิ ฉันจะไปดูลูกทั้งสองคนว่าตื่นยัง”

“ไปเถอะ”วรยาโบกมือ

วารุณีลุกขึ้น เดินไปที่ห้องนอนเด็ก

เข้ามาในห้องนอนเด็ก ลูกทั้งสองคนยังไม่ตื่น วารุณีเห็นว่าไม่เช้าแล้ว เลยปลุกลูกทั้งสองคน จูบลงไปที่หน้าของลูกทั้งสอง แล้วสวมเสื้อผ้าให้พวกเขา จากนั้นมือแต่ละข้างก็จูงแต่ละคนไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ

อาบน้ำเสร็จ กินอาหารเช้าเสร็จ วารุณีก็เอาไอริณส่งให้วรยา ให้วรยาพาไปโรงเรียนอนุบาล

ส่วนเธอ กลับพาอารัณไปที่สตูดิโอ

แขนของอารัณยังไม่ดี ยังใส่เฝือกอยู่ วารุณีเป็นห่วงว่าเขาไปโรงเรียนอนุบาลแล้วไม่ทันระวังจะถูกเพื่อนชนได้ ก็เลยไม่ให้เขาไปโรงเรียน รอให้ฟื้นตัวได้พอประมาณแล้วค่อยไป

“วารุณีเธอมาแล้วเหรอ”ปาจรีย์เห็นวารุณีจูงอารัณเข้ามา ก็รีบออกมาจากห้องทำงาน

วารุณีปล่อยมือของอารัณ สื่อว่าให้เขาเข้าไปเล่นที่ห้องทำงานตัวเอง จากนั้นวางกระเป๋าลง พยักหน้าให้ปาจรีย์“สวัสดีตอนเช้าจ้ะ ปาจรีย์”

“สวัสดีตอนเช้า เมื่อวานประชุมเป็นไงบ้าง?”ปาจรีย์มองเธอ แล้วรีบถาม

วารุณีหยิบสมุดบันทึกจากในกระเป๋ายื่นไปให้“นี่คือบันทึกการประชุมที่ฉันทำไว้ เธอลองดูสิ”

ปาจรีย์ได้ยิน ก็รีบรับสมุดบันทึกมาดู ดูเสร็จ ก็ตบมืออย่างตื่นเต้น“ดีมากเลย วารุณี พวกเราจะต้องเข้าร่วม และต้องได้โควตาเข้าร่วมการแข่งขันมา”

“แน่นอน”วารุณีพยักหน้า

“งั้นฉันจะไปลงชื่อสมัคร”ปาจรีย์พูดจบ หันกลับเข้าไปในห้องทำงาน

วารุณีไม่ได้ตามไป แต่เดินไปรอบๆในสตูดิโอ ตรวจดูผลงานการออกแบบของดีไซเนอร์คนอื่นๆ

ตอนนี้เองชายหนุ่มสวมสูท หน้าตาธรรมดาคนหนึ่งก็ปรากฏตัวที่ด้านนอกสตูดิโอ เคาะประตู ถามอย่างมีมารยาท“ขอโทษนะครับ คุณวารุณีอยู่ไหมครับ?”

“ฉันพูดอยู่ค่ะ ใครคะ?”วารุณีถือหนังสือออกแบบเล่มหนึ่งไว้ มองสำรวจเขาอย่างสงสัย

ชายหนุ่มยิ้มอย่างเกรงใจ แล้วแนะนำตัวเอง“ผมคือผู้ช่วยของนายท่านวัชระครับ”

“ผู้ช่วยของคุณปู่วัชระ?”วารุณีวางหนังสือออกแบบลงแล้วเดินเข้าไป“คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ?”

“คือแบบนี้ครับ นายท่านวัชระคิดว่าตัวเองอายุมากแล้ว ตัดสินใจแล้วว่าจะเลิกออกแบบ ก็เลยจะจัดงานเลี้ยงอำลาวงการ เพื่อประกาศถอนตัวออกจากวงการออกแบบอย่างเป็นทางการ นี่คือการ์ดเชิญครับ”ชายหนุ่มยื่นการ์ดเชิญมาให้