บทที่ 151 ถอนหมั้น

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“พงศกร ไม่ต้องพูดแล้ว”วารุณียกมืออีกข้างขึ้นมา ปิดโทรศัพท์ไว้ พูดเสียงเบา“คุณก็รู้ว่าฉันไม่ได้รู้สึกกับคุณอย่างนั้น”

ถึงเธอจะพูดเสียงเบา แต่นัทธีก็ได้ยิน ริมฝีปากบางๆนั้นยิ้มขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง

“ผมเข้าใจ ผมไม่ได้มีความหมายอื่น ผมแค่อยากสารภาพรักกับคุณดีๆอีกครั้ง ในตอนที่ผมมีสติดี ยังไงก็ชอบคุณมาห้าปีแล้ว ไม่ให้คุณรู้ ข้างในใจก็ไม่ค่อยยินดีเท่าไหร่นัก”พงศกรก้มหน้าลงหัวเราะ

วารุณีกัดริมฝีปากล่าง“ขอโทษนะพงศกร……”

“คุณไม่ต้องขอโทษ คนที่ควรขอโทษคือผมเอง เป็นผมที่ชอบสร้างความลำบากใจให้คุณเอง แต่ว่าคุณวางใจเถอะ คุณปฏิเสธผมไปแล้ว ต่อไปผมจะไม่คิดลมๆแล้งๆอีกแล้ว พวกเรายังเป็นเหมือนเมื่อก่อนโอเคไหม?”พงศกรมองผ้าห่มที่ขาวสะอาดบนตัวของตัวเอง พูดด้วยเสียงอ่อนโยน

อย่างไรก็ตามใบหน้ากับสายตาของเขา กลับไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิด มีแค่ความหมองหม่นที่ทำให้คนกลัวจนตัวสั่น

วารุณีไม่รู้ จึงพยักหน้าตอบไปอย่างดีใจ“โอเคสิ!”

เธอกำลังปวดหัว ว่าต่อไปจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรดี

ตอนนี้เขาพูดออกมาเอง เธอเลยไม่มีความเห็นอะไร

“งั้นก็เอาตามนี้นะ โอเควารุณี ผมวางสายก่อน ผมยังต้องตรวจร่างกายอีก”พงศกรดันแว่น มองพยาบาลที่เข้ามาแล้วพูด

วารุณีตอบอือ แล้ววางสายลง

นัทธีกอดอกไว้ เหลือบมองเธอเบาๆ“คุณจะให้อภัยเขาแบบนี้เลย?”

“ไม่อย่างนั้นล่ะ?”วารุณีเก็บโทรศัพท์“เขาก็แค่เมา ถึงได้ทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน”

นัทธีหัวเราะเยาะ“คุณคิดว่าเป็นแบบนี้จริงๆเหรอ?”

“หรือว่าไม่ใช่?”วารุณีเงยมองเขา แสดงออกอย่างจริงจัง“ฉันเข้าใจพงศกรดี ฉันรู้จักกับเขามาห้าปีแล้ว เขาเป็นคนแบบไหนฉันรู้ดี เมื่อก่อนเขาไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เลย ดังนั้นฉันเชื่อว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ”

“ดูเหมือนเขาจะล้างสมองคุณได้ดีนะ”นัทธีหรี่ตาลง พูดด้วยสีหน้าเย็นชา

วารุณีขมวดคิ้ว“ประธานนัทธี คุณหมายความว่าไง ล้างสมองอะไร?”

นัทธีเดินหน้าเข้าไปใกล้เธอ“ความหมายของผมคือ พงศกรไม่ได้ใสเหมือนอยากที่คุณคิด ช่วงก่อนหน้านี้ผมเคยบอกคุณแล้ว ว่าเขาจงใจมอมเหล้าคุณ อยากทำอะไรไม่ดีกับคุณ ครั้งนี้เขาก็ใช้เหล้ามาออกแรงจูบคุณ คุณคิดว่านี่เป็นอุบัติเหตุจริงเหรอ!”

วารุณีหัวเราะ“ประธานนัทธี คุณไม่คิดเหรอว่าคุณอคติกับพงศกรมากไปแล้ว?”

“คุณคิดว่าผมพูดเรื่องพวกนี้ เพราะว่าอคติกับเขา?”นัทธีบีบฝ่ามือไว้ ท่าทางดูไม่ดี

วารุณีเม้มริมฝีปาก“ตั้งแต่แรกคุณก็มีท่าทีไม่ดีต่อพงศกร นี่ไม่ใช่อคติแล้วเป็นอะไร?”

นัทธีเงียบ ผ่านไปสักพัก ทั้งตัวเขาอบอวลไปด้วยลมหายใจที่เยือกเย็น มุมปากยกขึ้นเป็นมุมอย่างเยาะเย้ย“โอเค ดีมาก ที่แท้คุณก็มองผมแบบนี้”

เขาละสายตาลง ปกปิดความบ้าระห่ำในดวงตา หันกลับออกไป

ผู้หญิงคนนี้ ยังจะบอกว่าคนที่รักในใจเป็นเขาอีก

แต่ระหว่างเขากับพงศกรแล้ว เธอกลับยอมเลือกเชื่อพงศกรแต่ไม่เชื่อเขา!

นัทธีไปแล้ว วารุณีมองแผ่นหลังของเขา ในใจก็ตื่นตระหนก รู้ว่าเขาโกรธ ก็ยื่นมืออยากจะเรียกเขาไว้

แต่สุดท้าย เธอก็อดทนกับความหุนหันพลันแล่นนี้ บีบฝ่ามือแล้วเอามือวางลงมา

ก่อนกลับประเทศมาเมื่อคืน เธอตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ห่างเขา ถึงเจอ ก็จะปฏิบัติเหมือนคนแปลกหน้า ดังนั้นจะเรียกเขาทำไมอีก

ถือโซ่กระเป๋าที่ไหล่ วารุณียิ้มอย่างขมขื่น เดินไปที่ทางออกเหมือนกัน

ออกไปจากอาคารสมาคม เธอเงยหน้ามองสีท้องฟ้า ได้มืดลงแล้ว และยังพัดลมเย็นๆ เหมือนว่าฝนจะตก

วารุณีตัวสั่น ถูแขน แล้วโบกรถแท็กซี่ออกไป

เช้าวันถัดมา วารุณีก็ถูกวรยาปลุก เหมือนว่ามีเรื่องน่ายินดีอะไร ใบหน้าวรยาหุบยิ้มไม่อยู่

“ลูกรัก มีข่าวดีให้ลูกดู”วรยาถือโทรศัพท์นั่งลงข้างวารุณี ยื่นโทรศัพท์ไปอย่างตื่นเต้น

วารุณีขี้ตาแล้วนั่งขึ้นมา รับโทรศัพท์มาดู แล้วก็ตื่นขึ้นมาทันที เห็นบนโทรศัพท์ ด้านล่างTwitterของนัทธี ประกาศTwitterอันหนึ่งที่ใหม่ที่สุด เนื้อหาประมาณว่าถอนหมั้นอย่างเป็นทางการกับพิชญา จากนี้ไป ทั้งสองไม่เกี่ยวข้องกันอีก

“เป็นไงบ้างลูกรัก ดีใจไหม?”วรยาเอาโทรศัพท์มา

วารุณีอ้าปาก แต่ไม่ได้ตอบอะไร

ดีใจน่ะดีใจอยู่แล้ว แต่ดีใจแล้วจะทำอะไรได้

การถอนหมั้นของนัทธีกับพิชญา เชื่อว่าอีกไม่นานหรอก เธอก็จะได้เห็นข่าวหมั้นของเขากับนวิยา

เห็นสายตาวารุณีดูตะลึง ไม่พูดและก็ไม่หัวเราะ วรยาก็เก็บรอยยิ้มที่ใบหน้า ผลักเธอเบาๆ“เป็นอะไรไปลูกรัก?”

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”วารุณีส่ายหน้า เปิดผ้าห่มแล้วลงจากเตียง“โอเคแม่ งานหมั้นของประธานนัทธีจะยกเลิกถือไม่ ก็เป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับพวกเรา พวกเราอย่าใส่ใจเลย”

ได้ยิน วรยาก็มองเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง“ลูกรัก ระหว่างลูกกับนัทธีเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม?”

วารุณีที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ชะงัก จากนั้นก็ทำต่อไป แล้วหัวเราะออกมา“แม่ทำไมแม่พูดแบบนี้ล่ะ?”

“เพราะว่าก่อนหน้านี้แม่โน้มน้าวลูกหลายครั้งให้ลืมนัทธีไป ถึงแม้ลูกจะรับปาก แต่กลับไม่เอาใส่ใจเลย แต่เมื่อกี๊ที่ลูกพูดถึงนัทธี กลับมีความหลีกเลี่ยงไม่ทันเล็กน้อย ดังนั้น……”

ยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆวรยาก็ถูกเสียงกริ่งประตูดังขึ้นมาตัดบท

วารุณีไม่อยากพูดเรื่องนัทธีกับเธอแล้ว ดีจังได้ถือโอกาสนี้เปลี่ยนเรื่องพอดี“แม่ ฉันไปเปิดประตูนะ!”

พูดไป เธอก็รีบก้าวออกไปจากห้อง

สภาพที่เธอหลบหนีแบบนี้ ยิ่งทำให้วรยาแน่ใจว่า ระหว่างเธอกับนัทธี เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ

แต่ว่าวรยาก็ไม่ได้อยากจะรู้อะไรนัก เธอมองออกว่า วารุณีไม่อยากพูดถึง

“ช่างเถอะ เรื่องของคนหนุ่มสาว ก็ให้คนหนุ่มสาวอย่างพวกเขาจัดการเองเถอะ”วรยาถอนหายใจ หัวเราะเสร็จ ก็ลุกขึ้นออกไปจากห้อง พอออกไป ก็ได้ยินเสียงทะเลาะที่เข้ามาจากปากทางเข้า

เป็นพิชญากับขยานี!

สีหน้าวรยาเปลี่ยนไป รีบเดินไปที่ปากทางเข้าบ้าน

มาถึงปากทางเข้า ก็เห็นสองคนแม่ลูกขยานีที่อยู่ด้านนอกประตูจริงๆ

ขยานีเข็นรถเข็น บนรถเข็นมีพิชญานั่งอยู่ สองคนแม่ลูกมีดวงตาแดงก่ำ สภาพเหมือนจะกินคน เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาดี

“วารุณี เกิดอะไรขึ้น?”วรยามาที่ด้านหลังวารุณี มองสองคนแม่ลูกขยานีอย่างระมัดระวัง

วารุณีเม้มริมฝีปากตอบว่า“สองคนนี้บอกว่า เป็นฉันที่ให้ประธานนัทธีถอนหมั้น เลยมาหาเรื่องฉันค่ะ!”

“อะไรนะ?”วรยาเหมือนได้ยินเรื่องตลก โมโหสุดๆ ชี้ใส่หน้าสองคนแม่ลูกขยานี พูดด้วยความโมโห“พวกเธอประสาทหรือเปล่า นัทธีถอนหมั้นไม่ใช่เพราะพวกเธอหาเรื่องเองเหรอไง แล้วยังจะมาโทษลูกสาวฉันอีก!”

“พวกเราพูดถูกแล้ว ถ้าไม่ใช่วารุณีที่กลับประเทศมา อยู่ใกล้ชิดกับนัทธี พิชญาจะโมโหขนาดนี้ แล้วทำเรื่องพวกนั้นได้ไง ดังนั้นทุกอย่างนี้ เป็นวารุณีที่ทำหมด!”ขยานีจ้องวารุณีด้วยใบหน้าเหยเก

วารุณีโมโหจนหัวเราะ แต่ไม่สนเธอ ได้แต่ละสายตาลงไปที่รถเข็น มองพิชญาที่อารมณ์กำลังคุกรุ่นเหมือนกัน“เธอก็คิดแบบนี้เหรอ?”

พิชญากำฝ่ามือไว้ ไม่ตอบ เหมือนจะยอมรับ

วารุณีลูบขมับ แล้วหัวเราะอีก“ใช่สินะ ถ้าเธอไม่คิดแบบนี้ เธอคงไม่มาหาฉันที่นี่ตอนนี้หรอก”

“น่าตลกเสียจริง นัทธีถอนหมั้น พวกเธอไม่ไตร่ตรองตัวเองเลย กลับคิดว่าเป็นการกลับประเทศมาของวารุณีที่เป็นต้นเหตุ ฉันไม่เคยเห็นคนหน้าด้านอย่างนี้แบบพวกเธอเลย”วรยาโกรธจนตัวสั่น

“แม่ แม่ใจเย็นก่อน”วารุณีตบหลังของเธอ เหมือนว่าเธอไม่ต้องใจร้อนขนาดนี้

ขยานียิ้มอย่างเย็นชา“ใครกันแน่ที่หน้าด้าน ถ้าไม่ใช่เธอที่ไปยั่วนัทธีอย่างไร้ยางอาย ทั้งหมดนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น พิชญาก็ยังเป็นคู่หมั้นของนัทธี”

“พวกคุณคิดอย่างนี้จริงๆเหรอ?”วารุณีหรี่นัยน์ตาดอกท้อลง มองพิชญาอย่างเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม