ตอนที่ 189 ดาบโบราณที่หายไป

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 189 ดาบโบราณที่หายไป

ผู้ใหญ่สามเด็กหนึ่งกลับถึงวังตระกูลตี้ตอนราวๆ ห้าโมงครึ่ง

เจียงเฟิงเหมียนกับเหลียงจีกลับมาแล้ว กำลังดื่มชานั่งคุยกับคนตระกูลตี้

อาสะใภ้กู่ย่ากับพี่สะใภ้หลี่อวี้เสวี่ยยังมาไม่ถึง

มู่เถาเยาเอาของฝากให้ปู่ตี้กับย่าตี้ก่อน

คนชราทั้งสองดีใจกับสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือ[1]และหยกรูปจักจั่นมากชนิดที่ไม่วางมือ

“เสี่ยวเยาเยา ต่อไปไม่ต้องลำบากเสียเงินซื้อมาแล้วนะ”

พวกเขาเห็นของดีมาจนชินแล้วย่อมรู้ว่าของเหล่านี้ราคาไม่ใช่ถูกๆ

ย่าตี้ทั้งดีใจทั้งปวดใจ

เด็กสาวทำงานหาเงินไม่ใช่ง่ายๆ!

มู่เถาเยายิ้มมุมปาก พูดติดหัวเราะเล็กน้อย “ซื้อมาจากพวกร้านขายของเก่า ราคาไม่เท่าไรค่ะ”

อวิ๋นไป๋กับอาจารย์อาเล็กต่างพยักหน้า

เมื่อเทียบกับมูลค่าในตัวของพวกมัน ก็ถือว่าจ่ายไปในราคาที่ไม่เยอะ

“ได้ของดีมาจริงเหรอ” ตี้อู๋เสียมีสีหน้าตกใจ

อาจารย์อาเล็กยิ้มพร้อมพยักหน้า “เสี่ยวเยาเยาดวงดีตลอด”

คนที่ดูของเป็นใช่ว่าจะไม่มี แต่คนที่ยังขาดดวงอยู่หน่อยกลับมีเยอะแยะ

“ซาลาเปาน้อย ในห่อผ้ามีอะไรเหรอ มีดหรือดาบกันล่ะ” ตี้อู๋เปียนสังเกตเห็นของที่อยู่ในมืออาจารย์อาเล็ก

“ดาบสั้น มองไม่ออกว่าทำจากวัสดุอะไรก็เลยซื้อกลับมาศึกษาหน่อย”

มู่เถาเยาเอาห่อผ้าในมืออาจารย์อาเล็กมาแกะออกให้ทุกคนดู

อวิ๋นไป๋ยิ้มกว้างพูดกับทุกคน “เสี่ยวเยาเยาของพวกเราเก่งมาก ซื้อ ‘สมบัติตกทอด’ ของบ้านอื่นมาได้ในราคาห้าพัน”

เงินห้าพันหยวนก็ซื้อสมบัติตกทอดของตระกูลได้แล้วเหรอ พูดจริงหรือเปล่า

ตี้อู๋โยว “ดูไม่เหมือนทำจากสัมฤทธิ์เลยนะ”

ตี้อู๋เสีย “ไม่ใช่โบราณวัตถุด้วยหรือเปล่า”

ถึงเธอจะไม่ได้ศึกษาพวกโบราณวัตถุ แต่การซื้อขายโบราณวัตถุเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ไม่น่าจะมีใครกล้าเอาออกมาขายโจ่งแจ้งหรือเปล่า

“ค่ะ ไม่ใช่โบราณวัตถุ เจ้าของร้านบอกว่าเคยเอาไปตรวจแล้ว แน่ใจว่าไม่ใช่โบราณวัตถุถึงได้เอาออกมาขาย”

ปู่ตี้วางของฝากของตัวเองลงแล้วยื่นมือไปทางมู่เถาเยา “เสี่ยวเยาเยา ขอดูหน่อย”

มู่เถาเยายื่นดาบสั้นให้ชายชรา

ปู่ตี้ตั้งใจดูอย่างละเอียด จากนั้นก็ส่งให้ราชาตี้

“เสี่ยวเยาเยา ตระกูลตี้ขอบใจหนูมาก”

“เอ๋?” มู่เถาเยากะพริบตาปริบๆ ด้วยความไม่เข้าใจ

ราชาตี้อดหัวเราะไม่ได้

“นี่เป็นดาบโบราณที่บรรพบุรุษตระกูลตี้ทำหายไป ชื่อว่าชิงจู๋ มันเป็นดาบที่ชื่อสวินนักตีดาบอันดับหนึ่งหลอมขึ้นให้ภรรยาของเขาที่นามว่าชิงจู๋ ต่อมาก็ตกทอดไปที่ชื่อเลี่ยนลูกสาวของพวกเขา ชื่อเลี่ยนพกมันแต่งเข้าตระกูลตี้กลายเป็นนายหญิง”

ปู่ตี้พยักหน้า สีหน้ายิ้มแย้มอธิบายให้ทุกคนฟังต่อจากลูกชาย “เดิมทีดาบสั้นเล่มนี้ต้องยกให้ลูกสาว แต่บรรพบุรุษของเรากับฮูหยินชื่อเลี่ยนมีแค่ลูกชาย รุ่นต่อๆ มาก็มีแต่ลูกชาย ดาบ ‘ชิงจู๋’ ก็เลยตกทอดอยู่ในตระกูลตี้”

ดวงตาลูกกวางน้อยของมู่เถาเยากลมแป๋ว เห็นได้ชัดว่าตกใจกับความบังเอิญนี้

ตี้อู๋เปียน “ทำไมผมไม่รู้เรื่องนี้”

ตี้อู๋โยว “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ตี้อู๋เสีย “ไม่รู้เหมือนกัน”

ตี้อู๋เว่ย “…” เขาก็ไม่รู้

ตี้ฮ่าวเทียน “…” ไม่รู้เช่นกัน

ปู่ตี้ “พวกหลานๆ ไม่รู้ก็เพราะดาบ ‘ชิงจู๋’ หายไปตั้งแต่สองพันกว่าปีก่อนแล้ว บรรพบุรุษของเราถึงกับวาดแบบของดาบนี้ไว้เพื่อตามหามัน ตกทอดกันมาหลายรุ่นในตระกูลตี้ จิ่งเทียน ไปเอาภาพวาดในตู้เซฟที่ห้องหนังสือพ่อมาให้ทุกคนดูหน่อย”

ในเมื่อหาเจอแล้ว ถ้าอย่างนั้นทุกคนในตระกูลตี้ก็ควรได้รู้ของล้ำค่าสมบัติตกทอดชิ้นนี้

อืม เถ้าแก่คนนั้นพูดถูก ดาบโบราณเล่มนี้เป็นสมบัติตกทอดจริงๆ ก็แค่ไม่ใช่ของตระกูลเขา แต่เป็นของตระกูลตี้

“ครับ” ราชาตี้อมยิ้มพยักหน้า เดินออกจากห้องรับแขกขึ้นชั้นบน

“เสี่ยวเยาเยา หนูกับอาจารย์ต่างเป็นผู้มีบุญคุณต่อตระกูลตี้” ในดวงตาของปู่ตี้มีรอยยิ้มจากใจ

มู่เถาเยา “…” ก็แค่เรื่องบังเอิญ

“เสี่ยวเยาเยา บรรพบุรุษตระกูลตี้เคยเจอปัญหาใหญ่จนเกือบสิ้นตระกูล ดาบ ‘ชิงจู๋’ หายไปตอนนั้น บรรพบุรุษตามหากันอยู่พันห้าร้อยกว่าปี เพิ่งมาช่วงห้าร้อยปีหลังที่เลิกตามหาแล้ว เพราะแบบนี้ฮ่าวเทียน อู๋เว่ย พวกอู๋เปียนถึงไม่รู้เรื่องนี้”

“ปู่ตี้คะ ดาบเล่มนี้ทำมาจากวัสดุอะไรเหรอคะ ทำไมถึงตรวจไม่พบว่าเป็นโบราณวัตถุ”

“ถึงแม้ดาบเล่มนี้จะหลอมโดยชื่อสวินนักตีดาบอันดับหนึ่ง แต่มันกลับไม่มีชื่อเสียงอะไร เพราะฮูหยินชิงจู๋ไม่เคยเอาออกไปให้คนนอกเห็น”

ทุกคนเข้าใจแล้ว

“ส่วนวัสดุที่ใช้ทำมัน…ดูเหมือนเป็นหินแต่ก็ไม่ใช่ จะทองแดงก็ไม่เชิง ปู่ว่ามันคล้ายเหล็กของยุคปัจจุบัน ปู่ว่าไม่น่าจะมีใครรู้ว่าอาจารย์ชื่อสวินหลอมดาบจากอะไรนอกจากฮูหยินชิงจู๋”

มู่เถาเยาพยักหน้า “มิน่าถึงตรวจไม่พบว่าเป็นวัตถุโบราณ ที่แท้ก็คล้ายเหล็ก แต่ไม่ใช่เหล็ก หนูว่ามันคล้ายโลหะผสมวาเนเดียม แต่สมัยนั้นก็ไม่น่ามีของแบบนี้ เลยไม่รู้ว่าตกลงมันทำจากวัสดุอะไรกันแน่ค่ะ”

ตี้อู๋เปียนรับดาบสั้นมาสังเกตดู

“คล้ายโลหะผสมวาเนเดียมจริงๆ”

ตี้อู๋เสีย “โลหะผสมวาเนเดียมคืออะไร”

มู่เถาเยาตอบ “เหล็กทำรางรถ ทนต่อการสึกหรอ”

นี่มันตั้งกี่พันปีแล้ว แต่ลวดลายยังไม่จางหายไปหมด

ทุกคน “…”

ตี้อู๋เสีย “…เสี่ยวเยาเยา ทำไมแม้แต่เรื่องนี้เธอก็รู้ล่ะ ”

“อ่านหนังสือเยอะๆ ก็รู้ได้ค่ะ”

ตี้อู๋เสีย “…”

รู้สึกเหมือนตัวเองด้อยความรู้ไปในทันที แต่เธอก็จบดอกเตอร์แล้วนะ…

มู่เถาเยารับดาบสั้นจากตี้อู๋เปียนมาดูอย่างละเอียดอีกครั้ง

“ปู่ตี้คะ แล้วลวดลายบนดาบก็คือไผ่เหรอคะ”

ปู่ตี้อมยิ้มพลางพยักหน้า “ใช่ ลายไผ่”

เจ้าถุงลมน้อยเห็นทุกคนดูของที่พี่สาวซื้อมาอย่างไม่หยุดหย่อน เขาจึงชูนกไม้ในมือให้ทุกคนดู “พี่สาวซื้อนกให้อันเหยี่ยด้วย”

ย่าตี้ลูบศีรษะของเขา “พี่สาวเอ็นดูหนู”

เจ้าถุงลมน้อยพยักหน้า ยิ้มดวงตาโค้งมน

“พี่สาวชอบอันเหยี่ยมากที่สุด”

ทุกคน ตัวแค่นี้หน้าหนาใช่ย่อย

ราชาตี้ถือภาพวาดลงมาจากชั้นบน เอาให้มู่เถาเยาก่อน

มู่เถาเยาดูเสร็จก็ส่งให้ตี้อู๋เปียน

เพราะเขาอยู่ข้างเธอ ส่งถนัดกว่า

หลังจากดูกันหมดทุกคนแล้ว กู่ย่ากับหลี่อวี้เสวี่ยก็เข้ามาพอดี

มู่เถาเยาแนะนำให้คนตระกูลตี้รู้จักทั้งสองคน

ทักทายกันประมาณหนึ่งเสร็จ ราชาตี้ก็เอาภาพวาด รวมถึงของที่ปู่ตี้ย่าตี้ได้ไปเก็บชั้นบน

พอเขาลงมาคนในครอบครัวตี้ก็เริ่มกินข้าว

เนื่องจากเร่งความเร็วเครื่องบินได้ พอกินอาหารเย็นเสร็จพวกเขาก็ไม่ได้รีบร้อนกลับเย่ว์ตู

ราชาตี้ขึ้นชั้นบนหยิบของโบราณที่แท้จริงสองชิ้นลงมาให้มู่เถาเยาเพื่อแลกกับดาบโบราณที่สืบทอดกันมาของตระกูลตี้

มู่เถาเยาปฏิเสธ “คุณลุงคะ หนูซื้อ ‘ชิงจู๋’ มาแค่ห้าพันหยวน ถือว่าซื้อกลับมาเล่นๆ แต่ของของคุณลุงมีค่ามากเกินไปค่ะ”

“ดาบโบราณเล่มนี้ประเมินราคาไม่ได้สำหรับพวกเรา เสี่ยวเยาเยา ของมีราคาเมื่อเทียบกับของที่ประเมินราคาไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเราเอาเปรียบหนูนะ”

ไม่ว่าอย่างไรมู่เถาเยาก็รับไว้ไม่ได้

ตี้อู๋เปียน “พ่อครับ ไม่สู้เอาหนังสือหายากในห้องทำงานพ่อให้ซาลาเปาน้อย เธอชอบอ่านหนังสือ สำหรับเธอ หนังสือโบราณ หนังสือหายาก มีค่าเท่ากับดาบ ‘ชิงจู๋’ ของพวกเรา”

“แต่หนังสือหายากของพ่อไม่ใช่ตำราแพทย์นะ”

“ซาลาเปาน้อยชอบอ่านหมดแหละครับ”

“ในเมื่อเป็นแบบนั้น งั้นก็เอาหนังสือหายากมาแลกแล้วกัน” เอาให้เสี่ยวเยาเยาไม่รู้สึกเสียดายอะไร

ราชาตี้ขึ้นไปชั้นบนอีกครั้ง

มู่เถาเยาหยุดการให้ของตอบแทนของราชาตี้ไม่ได้

ย่าตี้ยิ้มพูด “เอาล่ะ พวกเราเตรียมตัวไปเมืองเย่ว์ตูเถอะ อู๋เว่ย อาเนี่ยน ขึ้นไปยกสัมภาระของปู่ย่าแล้วก็ของเสี่ยวอันเหยี่ยลงมาหน่อย”

“ครับย่า”

พวกมู่เถาเยา ตี้อู๋เปียน ก็ขึ้นไปหยิบสัมภาระในห้องตัวเอง

ตี้อู๋โยว “คุณย่าครับ งั้นผมให้คนขนพวกของฝากไปที่ลานจอดเครื่องบินนะครับ”

“อืม”

[1] ประกอบด้วยหมึก กระดาษ พู่กัน จานฝนหมึก