ตอนที่ 188 หนูเงินน้อยกว่าน้า
“…เฮ้อ…พูดยาก มันพูดยาก”
เจ้าของร้านทำหน้าเศร้า ท่าทางเหมือนอธิบายลำบาก
แต่ในใจคิดว่า เหล็กผุผังแบบนี้ ไม่ขายทิ้งจะเก็บไว้ฉลองตรุษจีนหรือไง ใช้รองขาโต๊ะมานานแล้ว! ขายได้สักร้อยหยวนก็ยังกำไร!
เขาเอามาพันสะพายไว้บนหลังแสร้งทำให้มีราคาไปอย่างนั้นแหละ
ถ้าไม่ทะนุถนอมหน่อยคนรวยหน้าโง่จะเชื่อเหรอว่าเป็นสมบัติตกทอดของตระกูลเขา
มู่เถาเยาไม่ถามต่อ
แน่นอนว่าเธอไม่มีทางเชื่อว่าเจ้าของร้านลำบากใจที่จะพูดจริงๆ
สีหน้าของเขา ดูก็รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ!
“ขอดูดาบหน่อยค่ะเถ้าแก่”
“อะ มันหนักนะ จับดีๆ ล่ะ”
“ค่ะ”
มู่เถาเยาจับดาบโบราณเล่มนั้นแบบสบายๆ เอามาสังเกตดูอย่างละเอียด
ลวดลายบนตัวดาบไม่ชัดเท่าไรแล้ว เอามือลูบดูก็รู้สึกว่าไม่สมบูรณ์
“เถ้าแก่ขายดาบเก่าเล่มนี้เท่าไรคะ ราคาไม่สมเหตุสมผลหนูไม่ซื้อนะคะ”
เจ้าของร้านชูมือข้างหนึ่ง
“ห้าพันเหรอคะ”
“แม่หนู ห้าหมื่นต่างหาก”
เรียกแพงไว้ก่อน ไม่ไหวค่อยลดราคา
การค้าก็แบบนี้ ต่อรองกันไปมาถึงจะดี
“แพงไปค่ะ หนูซื้อไม่ไหว” มู่เถาเยาคืนดาบให้เจ้าของร้านทันที
เถ้าแก่กัดฟัน “งั้นสี่หมื่นห้า”
“ห้าพัน”
มู่เถาเยาคิดในใจ นี่ไม่รู้เลยสินะว่าตัวเองเล่นละครได้แย่มาก
“แม่หนู ต่อโหดเกินไปแล้ว” อย่างน้อยต้องเรียกสักสี่หมื่นสิ!
ต่ออะไรขนาดนั้น!
มู่เถาเยา “แต่หนูมีแค่ห้าพันหยวน”
เธอยังมองไม่ออกว่าด้ามจับมีที่มาที่ไปอะไรหรือเปล่า คุ้มกับเงินห้าพันหยวนไหม ต้องเอากลับไปศึกษาดูก่อน
ถ้าเป็นของดีก็จะยกให้อาจารย์เล็ก
เถ้าแก่ “…”
สองคนที่อยู่ข้างๆ ออกจะดูรวย! โดยเฉพาะพ่อรูปหล่อที่อุ้มเทวดาตัวน้อย!
ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้มีเหรอที่เขาจะเสนอขาย ‘สมบัติตกทอด’ ให้เด็กสาว
ขายพวกสร้อยข้อมือ ดอกไม้มุก ให้เด็กสาวสิบสี่สิบห้าได้ก็นับว่าดีมากแล้ว!
“แม่หนู สมบัติตกทอดของลุงจะมีค่าแค่ห้าพันได้ยังไง เอาแบบนี้ ลดสุดๆ ให้ได้แค่สี่หมื่น”
“หนูมีแค่ห้าพัน ไม่ขายงั้นหนูไปดีกว่า”
มู่เถาเยาเรียกอวิ๋นไป๋กับอาจารย์อาเล็กให้เดินออก
เธอไม่ได้แค่แสดงท่าทาง แต่จะเดินออกจริงๆ
“เอ๊ะๆ กลับมาก่อน อายุยังน้อยทำไมใจร้อนแบบนี้ เราไม่ได้กำลังต่อรองกันอยู่เหรอ!”
เถ้าแก่เดินออกมาดึงตัวกลับ
“หนูไม่ได้ใจร้อน แต่หนูมีแค่ห้าพัน เถ้าแก่ไม่ขายหนูก็เดินออกแค่นั้น”
“ห้าพันมันต่ำไปจริงๆ เติมอีกหน่อยได้ไหม หมื่นนึงเป็นไง”
เถ้าแก่มองอวิ๋นไป๋กับอาจารย์อาเล็กที่อยู่ข้างมู่เถาเยา ความหมายชัดเจนยิ่งกว่าชัดเจน
“ไม่มี ไม่เอาแล้วค่ะ”
เพิ่มมาเท่านึงยังจะเรียกว่าเติมอีกหน่อย
“….เอาไปๆๆ ห้าพันก็ห้าพัน ให้ๆ นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเด็กสาวนะ ลุงไม่ขายให้หรอก เฮ้อ ขาดทุนยับเลย”
อวิ๋นไป๋ทำสีหน้าหมดคำจะพูด
มีเหรอจะขายแบบขาดทุน สีหน้าเล่นใหญ่กว่านี้ได้อีกไหม
อาจารย์อาเล็กคิดในใจ เถ้าแก่คนนี้พูดโกหกหน้าตาเฉยได้เก่งจริงๆ
มู่เถาเยาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจะสแกนจ่ายเงิน
มือข้างหนึ่งของอวิ๋นไป๋อุ้มอันเหยี่ย อีกมือหนึ่งห้ามมู่เถาเยา “เสี่ยวเยาเยา น้าจ่ายให้”
“หนูมีเงินค่ะน้าเล็ก”
เถ้าแก่ “…”
มีเงินยังจะต่อราคาสิบเท่าอีกเหรอ ไม่ใช่ว่าควรต่อแค่ครึ่งเดียวเหรอ!
อวิ๋นไป๋ “เงินหนูน้อยกว่าน้า เก็บไว้กินขนมเถอะ”
อาจารย์อาเล็ก “ไม่ๆๆ จะให้คุณอวิ๋นจ่ายได้ยังไง ควรเป็นผมจ่ายมากกว่า”
เถ้าแก่ “…” พวกคุณก็ซื้อหลายๆ ชิ้นไม่ได้เหรอ ทำไมต้องแย่งกันจ่ายด้วย!
ถ้าซื้อของให้หมดทั้งร้าน พวกคุณสองคนก็จะได้จ่ายจนหนำใจแล้ว!
ดวงตาของมู่เถาเยามีรอยยิ้ม “น้าเล็ก อาจารย์อาเล็กคะ หนูจ่ายเองดีกว่าค่ะ นี่อาจเป็นของที่หนูจะให้อาจารย์เล็กด้วยค่ะ”
เถ้าแก่ “…”
ให้ของผุพังที่ใช้รองขาโต๊ะเนี่ยนะ คือ…
เขาล่ะอายแทนเด็กสาวคนนี้
“ก็ได้”
พอได้ยินว่าจะเอาให้คนอื่น อวิ๋นไป๋กับอาจารย์อาเล็กก็ยอม
จิตใจกตัญญูใครก็ทำแทนไม่ได้
อย่างไรเสียราคาก็ไม่ได้สูง
เถ้าแก่ห่อดาบเก็บแล้วยื่นให้มู่เถาเยา
อาจารย์อาเล็กเดินเข้าไปรับมาก่อน
เถ้าแก่ยิ้มหน้าบาน “แม่หนู ลองดูอีกหน่อยสิ เผื่อมีของที่ชอบ ลุงจะขายขาดทุนให้เลย”
“ไม่แล้วล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“งั้นไว้มาใหม่นะ ลุงจะเก็บของดีไว้รอ” แกะอ้วนตัวน้อยเชือดง่ายจัง
มู่เถาเยาพยักหน้า
มาอีกแน่นอน ก็แค่ไม่รู้ว่าเมื่อไร
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก หันไปพูดกับอาจารย์อาเล็กและอวิ๋นไป๋ “พวกเราเดินต่ออีกหน่อยก็กลับ เดินไปทางประตูหลักกันค่ะ”
ลานจอดรถอยู่หน้าประตูหลัก
“ได้”
ผู้ใหญ่สามเด็กหนึ่งเดินเลือกของตามแผงต่างๆ
มู่เถาเยาซื้อนกไม้แกะสลักที่ไม่แพงมากแต่ทำได้ประณีตน่ารักให้เจ้าถุงลมน้อย
เด็กน้อยดีใจใช้มือน้อยๆ เล่นนกไม้ไม่หยุด
ต่อมาไม่เจอหนังสือโบราณ แต่ก็มีของดีติดไม้ติดมือกลับพอสมควร
พอให้รู้สึกว่ามาเที่ยวนี้ประสบความสำเร็จ
“อาจารย์อาเล็ก น้าเล็ก อันเหยี่ย พวกเรากลับกันไหมคะ”
มู่เถาเยายิ้มหวานอบอุ่นให้สองผู้ใหญ่กับหนึ่งเด็ก
เธอซื้อของให้แม่กับอาจารย์แม่เล็กแล้ว และยังมีของขวัญสำหรับคนสูงวัยทั้งสองในตระกูลตี้ด้วย
“เสี่ยวเยาเยา ไปชั้นบนไหม ที่ร้านเพื่อนน้าน่าจะมีของดีอื่นๆ อีก” อวิ๋นไป๋ไม่ได้ใช้เงินแอบรู้สึกยังไม่อยากกลับ
ทุกครั้งที่เขาจะจ่ายเงิน เสี่ยวเยาเยาก็จะบอกว่าของนี้เอาไว้ให้คนนั้นคนนี้ ขอจ่ายเอง
“ครั้งหน้าแล้วกันค่ะ อาสะใภ้กับพี่สะใภ้หนูใกล้มารวมตัวแล้วค่ะ”
“อาสะใภ้กับพี่สะใภ้หนูก็อยู่เมืองหลวงเหรอ”
“ใช่ค่ะ อาสะใภ้กับพี่สะใภ้ไปตระเวนแสดงรอบโลกกลับมาแล้ว แสดงรอบสุดท้ายที่ฮอลล์ดนตรีในเมืองหลวงเมื่อวันศุกร์ค่ะ”
“ในเมื่อเสร็จงานตั้งแต่วันศุกร์ ทำไมช่วงสองวันนี้ถึงไม่มากินข้าวด้วยกันล่ะ”
“อาสะใภ้เป็นหัวหน้าคณะ ต้องอยู่รับรองอยู่ส่งนักแสดงนักดนตรีของประเทศอื่น สองวันนี้เลยไม่ว่าง ตอนนี้น่าจะใกล้เสร็จแล้ว เดี๋ยวคงใกล้มาหาพวกเราแล้วค่ะ”
“ทำไมไม่รีบบอกล่ะ น้าให้อู๋เว่ยส่งรถไปรับทั้งสองคนมาดีไหม”
ถ้าไม่มีคนไปรับ คนนอกก็เข้าวังตระกูลตี้ไม่ได้
ระยะนี้งานหลวงแน่นขนัด คนตระกูลตี้เลยไม่ได้สนใจด้านศิลปะการแสดงเท่าไร พวกเขารู้แค่ว่ามีการตระเวนแสดง แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าไปประเทศไหนเมื่อไร
อวิ๋นไป๋ก็ธุรกิจรัดตัว ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย
เขาไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่นนอกจากเรื่องธุรกิจ คนในครอบครัว และเรื่องที่เกี่ยวกับเย่ว์เลี่ยง
“งั้นก็รบกวนน้าเล็กด้วยค่ะ เดี๋ยวหนูบอกอาสะใภ้กับพี่สะใภ้ก่อน”
“อืม ส่งเบอร์โทรศัพท์ของอาสะใภ้หนูมาให้น้าด้วย น้าจะเอาให้อู๋เว่ย”
“ได้ค่ะ”
อาจารย์อาเล็ก “เสี่ยวเยาเยา งั้นพวกเรากินข้าวเย็นค่อยกลับดีไหม”
“ค่ะ ขากลับให้เหลียงจีขับเครื่องบินไวหน่อย ลดเวลาไปได้หนึ่งชั่วโมง”
อยู่ในอาณาเขตประเทศเหยียนหวง อีกทั้งปู่ย่ากับหลานของตระกูลตี้ก็อยู่ด้วย ไม่ต้องกลัวว่าใครจะขัดขวาง
“โอเค อาจารย์จะโทรหาเสี่ยวเหมียน ถามดูว่ากลับกันมาหรือยัง”
“ค่ะ”
หลังจากมู่เถาเยาโทรบอกอาสะใภ้เสร็จก็เอาเบอร์ให้อวิ๋นไป๋
อวิ๋นไป๋รีบจัดการให้ทันที
เสร็จแล้วก็เก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋าเสื้อ “งั้นพวกเรากลับกันเลยไหม”
มู่เถาเยาพยักหน้าพลางพูด “ถ้าน้าเล็กกับอาจารย์อาเล็กไม่มีอะไรที่อยากซื้อแล้วงั้นพวกเราก็กลับกันเลยค่ะ”
“อืม กลับเถอะ”