ทันทีที่ค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาถูกทะลวงผ่าน เขาก็ใช้เวทวายุวัจน์ระดับเซียนเพื่อเลียนแบบเสียงของผู้อาวุโสว่านหลินหยุน
ทว่าก่อนที่เขาจะส่งเสียงของเขาไปยังอาจารย์ลุงจิ่วอู หลี่ฉางโซ่วก็มีข้อสงสัยบางอย่างเกิดขึ้นในใจ
เจ้าสำนัก เขา…
เขาจะทำได้หรือไม่…
ในฐานะเจ้าสำนักตู้เซียน เขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับผู้ก่อตั้งสำนักตู้เซียน ตู้เอ้อร์เจินเหริน
ตามหลักเหตุผลแล้ว ควรถือว่าเจ้าสำนักเป็นผู้ที่ได้รับการสั่งสอนมาจากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน
เดิมที การต่อสู้ภายนอกนั้น มีไว้เพื่อปกป้องค่ายกลพิทักษ์ขุนเขา แต่กระบี่ของฝ่ายตรงข้ามก็โจมตีค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาแล้ว!
แต่เมื่อพิจารณาว่า เจ้าสำนักกำลังต่อสู้กับศัตรูสองคนด้วยตัวเขาเอง และยังมีสามเซียนจินที่ไม่รู้ที่มาเหล่านี้ ซึ่งมีผู้บำเพ็ญเหวินที่ชั่วร้ายจากโลกบรรพกาลอยู่เบื้องหลังพวกเขาอีก…
เฮ้อ การเป็นเจ้าสำนักไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
นอกเหนือจากการเสริมความแข็งแกร่งให้พร้อมหนีได้ทุกเมื่อแล้ว หลี่ฉางโซ่วยังแอบตัดสินใจลับๆ ว่า แม้เขาจะโชคดีพอที่จะกลายเป็นเซียนต้าหลัวจินในอนาคต เขาก็จะไม่มีวันก่อตั้งสำนักและสร้างกรรมใดๆ
ทันทีที่ค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาถูกทำลาย สำนักก็ไร้ปราการป้องกันอีกต่อไป
ดูเหมือนว่า ในเวลานี้ ยอดเขาพิชิตสวรรค์จะเป็นศูนย์กลางและเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันกลับเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุด
เพราะหากเซียนจินบนท้องฟ้าโจมตีอีกครั้ง เขาจะต้องโจมตีที่ยอดเขาหลักก่อนอย่างแน่นอน!
ดังนั้น หลี่ฉางโซ่วจึงเต็มใจจะยอมละทิ้งวิธีการปกปิดบางอย่างตามปกติของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้อาจารย์และศิษย์น้องหญิงของเขาปรากฏตัวบนยอดเขาพิชิตสวรรค์ และเขายังต้องจัดการให้หลิงเอ๋อร์พาตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ และอาจารย์ของนางไปรออยู่ที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายเส้นชีพจรปฐพี
เขาซ่อนตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกวางแผนทำร้าย เพราะในท้ายที่สุดเขาก็เพียงแค่อยากจะอยู่อย่างสงบสุขปลอดภัยเท่านั้น
เขาไม่อาจพลิกสถานการณ์ใดๆ ได้
ด้วยการปกป้องของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทั้งสาม ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหลิงเอ๋อร์ในตอนนี้
หลี่ฉางโซ่วมอบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หมายเลขหนึ่ง และตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หมายเลขสองให้กับอาจารย์และศิษย์น้องหญิงของเขาเมื่อก่อนหน้านี้
หลังจากส่งเสียงไปให้อาจารย์ลุงจิ่วอูของเขาแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็กวาดสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาออกไปทั่วทั้งยอดเขาพิชิตสวรรค์และเห็นบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์รุ่นเดียวกัน…
เมื่อมองดูใบหน้าที่สับสนและอับจนหนทางเหล่านั้น เขาก็ถอนหายใจเบาๆ
ข้าไม่อาจขอสิ่งใดมากเกินไปได้
ข้าแค่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดและช่วยเหลือเท่าที่ข้าจะทำได้ก็เพียงพอแล้ว
จากนั้นเขาก็ยังคงควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้มันเดินทางข้ามแผ่นดินเพื่อรีบมาที่สำนักตู้เซียน
…
“มันพลังทลายแล้วหรือ”
“ค่ายกลถูกทำลาย!”
ที่ด้านหน้าของหอไป่ฝาน บรรดาศิษย์มองไปที่ค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาที่ระเบิดพร้อมกับรู้สึกถึงพลังแรงกดดันของเซียนจินที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวอย่างกะทันหัน และในขณะนั้น พวกเขาส่วนใหญ่พลันตื่นตระหนกในทันที
ในเวลานี้ โหย่วฉินเสวียนหย่ากัดริมฝีปากของนางขณะยืนอยู่บนชายคาของหอหลัก แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปยังเซียนจิน ที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่บนท้องฟ้า
ยังมีผลพวงของการสู้รบที่กลายเป็นคลื่นลมพัดซัดสาดเข้าใส่!
ในขณะนี้ ทั้งสองด้านของทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศตะวันตกเฉียงเหนือ การต่อสู้ของสองเซียนจินกำลังรุนแรงขึ้น!
ลำแสงสาดกระจายไปทั่วท้องฟ้า และผู้คนทั้งหลายก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปใกล้ยอดเขาพิชิตสวรรค์…
เมื่อตัดสินจากสถานการณ์นี้เพียงอย่างเดียว สำนักตู้เซียนยังคงเสียเปรียบ
ข้าควรทำอย่างไรดี
โหย่วฉินเสวียนหย่าพลันมองไปที่ยันต์หยกในมือของนาง มันคือกุญแจสำคัญในการเปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายชีพจรปฐพีซึ่งเป็นเส้นทางให้บรรดาศิษย์ทุกคนสามารถหลบหนีได้
หากศิษย์พี่ฉางโซ่วอยู่ที่นี่ เขาจะทำอย่างไร
ใช่ เขาจะต้องต่อสู้กับศัตรูอย่างหนักแน่นอนหลังจากที่ส่งบรรดาศิษย์น้องของเขาออกไป!
นางคิดเช่นนั้นแล้วค่อยๆ ตัดสินใจในใจ
ข้าต้องพาศิษย์รุ่นเดียวกันออกไปอย่างปลอดภัยให้สำเร็จ จากนั้นก็กลับมาทำให้ดีที่สุดเพื่อสำนัก!
ทันใดนั้น จิ่วอูก็รีบพุ่งเข้าไปพร้อมด้วยกระบี่ยาวของเขา ก่อนจะบินข้ามศีรษะของเหล่าศิษย์แล้วเข้าไปภายในหอไป่ฝานอย่างรวดเร็ว
ในขณะนั้น โหย่วฉินเสวียนหย่าพลันหันกลับมาและร่อนลงมาจากชายคา แล้วรีบตามเขาเข้าไปภายในหอ
ตอนแรกนางคิดว่าจิ่วอู ผู้บริหารเซียนเสิ่นของสำนักรีบเร่งมาที่นี่เพื่อเตรียมเปิดเส้นทางสำหรับการลงไป จึงอยากจะช่วยจิ่วอู
ทว่าสิ่งที่โหย่วฉินเสวียนหย่าและเหล่าศิษย์ที่อยู่ด้านนอกหอไม่คาดคิดมาก่อนคือ…
นักพรตเต๋าร่างเตี้ยร้องร่ำคร่ำครวญและก้มหน้าลงต่อหน้ารูปเหมือนในหอไป่ฝาน…
“ท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักสูงสุด!”
“ท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักสูงสุด! โปรดแสดงพลังของท่านและปกป้องสำนักตู้เซียนด้วยขอรับ!”
“สำนักตู้เซียน ปฏิบัติตามคำสอนของท่านปรมาจารย์ เป็นที่สงบและปลอดโปร่ง เราฝึกบำเพ็ญอย่างสงบสุขและปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่บัดนี้ เรากำลังประสบภัยพิบัติโดยมิรู้สาเหตุ พวกเราถูกผู้อื่นใช้เป็นเครื่องมือสร้างความบาดหมางระหว่างสามสำนักบำเพ็ญเต๋าขอรับ!”
“ท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักสูงสุด!”
“ช่วยเราด้วยขอรับ!”
ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง จากนั้น จิ่วอูก็โขกศีรษะลงไปสองสามครั้ง แล้วนอนราบลงกับพื้นพลางคร่ำครวญร้องไห้
โหย่วฉินเสวียนหย่าพลันรู้สึกแสบจมูกขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่า…
เป็นไปได้หรือไม่ว่า สำนักตู้เซียนอาจจะไม่รอดจากภัยพิบัติในวันนี้
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเพิ่งเริ่มการต่อสู้ แม้ค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาจะพังทลาย แต่ก็มีเซียนหรือผู้บาดเจ็บล้มตายจากฝั่งเราไม่มากนัก ยอดเขาพิชิตสวรรค์ยังคงได้รับการปกป้องมากมาย เราไม่ได้ถูกโจมตี…
แต่ผู้บริหารคนนี้กำลังร้องไห้ราวกับว่าเรากำลังจะถูกกำจัดกวาดล้างไปหมดแล้ว?
ในช่วงเวลาเช่นนี้ โหย่วฉินเสวียนหย่าก็รู้สึกสิ้นหวังเช่นกัน
จิ่วอูก้มศีรษะลงและร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง ความจริงแล้ว เขาไม่ได้รู้สึกอะไรในใจ และไม่มีความรู้สึกเหมือนกำลังถูกมอง…
ในขณะนั้น นักพรตเต๋าเงยหน้ามองขึ้นไปที่รูปเคารพพร้อมด้วยดวงตาที่ฉายแววสงสัย จากนั้นจึงสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วกล่าวซ้ำตาม ‘บท’ ที่เขาเพิ่งกล่าวไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า
และหลังจากนั้น ศิษย์หลายคนก็รีบแห่กันไปที่ประตูทางเข้าหอไป่ฝาน เมื่อได้ยินจิ่วอูส่งเสียงสะอื้นไห้ พวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็ดูโศกเศร้า
ขณะเดียวกัน ในอีกด้านหนึ่ง…
หลี่ฉางโซ่วแอบควบคุมตุ๊กตากระดาษทั้งสี่ บัดนี้ เขาเสร็จสิ้นการเตรียมการเพื่อกำจัดกองกำลังศัตรูอย่างรวดเร็ว
ตุ๊กตากระดาษต้นกำเนิดสี่ตัวต้องการกระดาษเกือบสิบเท่าของปริมาณกระดาษที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ‘สวรรค์’ ต้องการ
ในเวลานี้ พวกมันมีพลังเซียนที่เขาได้เคยถ่ายเทเข้าไปเมื่อก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับผงพิษที่ไร้สีไร้กลิ่นซึ่งมีระดับสูงสุด
เขาซ่อนตัวอยู่ใต้ดินเงียบๆ และค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้าในขณะที่การต่อสู้ระหว่างแนวหน้าของทั้งสองฝ่ายยังดำเนินต่อไป…
ในระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือดนี้ หากตุ๊กตากระดาษทั้งสี่ปรากฏตัว พวกมันก็จะถูกฆ่าตายในทันที
เขาต้องอดทนและรอเวลาที่เหมาะสม!
โดยการเพิ่มบทบาทของตุ๊กตากระดาษทั้งสี่ตัวให้เต็มที่ พวกมันจะต้องมีชีวิตตามความคาดหวังของต้นไม้โบราณที่ทุ่มเทความพยายามมาให้ได้!
การลอบโจมตีเป็นการจู่โจมที่ต้องกล้าหาญ ระมัดระวัง และโหดเหี้ยม
ในเวลานี้ บรรดาเซียนจากสำนักตู้เซียนในสองทิศทางกำลังต่อสู้และถอยหนีตามที่หลี่ฉางโซ่วคาดการณ์ไว้
และนั่นทำให้หลี่ฉางโซ่วมีโอกาสที่เขากำลังรอคอย
บรรดาเซียนจากสำนักตู้เซียนได้แสดงความสามัคคีโดยมารวมตัวกันใน ‘การประจัญบานพร้อมอาวุธ’ ครั้งใหญ่
หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บ พวกเขาจะถูกลากไปทางด้านหลังอย่างแน่นอน และสหายร่วมสำนักที่มีพลังงานเหลือเฟือก็จะช่วยเหลือพวกเขาอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะการสนับสนุนซึ่งกันและกันเช่นนี้ จึงทำให้เซียนจำนวนมากไม่อาจปลดปล่อยพลังของพวกเขาได้อย่างเต็มที่ พวกเขาจึงทำได้เพียงล่าถอยไปอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
ขณะนี้ ยอดเขาชั้นนอกหกยอดได้สูญหายไปแล้ว แม้ว่าจะมีเซียนจากสำนักตู้เซียนไม่มากที่เสียชีวิตเนื่องจากการสนับสนุนซึ่งกันและกัน แต่พวกเขากว่าครึ่งหนึ่งก็ได้รับบาดเจ็บ…
ในขณะเดียวกัน หุ่นเชิดยุงเหล่านั้นก็ตรงข้ามกันอย่างสุดขั้ว
พวกเขาไม่สนใจชีวิตและความตายของกันและกันเลย มุ่งเน้นที่การโจมตีอย่างเมามันเท่านั้น
มันเหมือนกับกลุ่มของอสูรสัตว์ร้ายที่จิตใจเชื่อมต่อกันและกัน ซึ่งทำงานร่วมกันได้ดี เพียงเพื่อหวังจะปลดปล่อยพลังออกมาให้เต็มที่ในช่วงเวลาสั้นๆ
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจและคิดว่า…
ผู้บำเพ็ญเหวินไม่ธรรมดาจริงๆ