เหมือนกับเจ้าหมาป่าที่ฉันฆ่าไปตอนแรกสุด… เจ้าหมาป่าที่มีลักษณะแตกต่างจากตัวอื่นอย่างเห็นได้ชัด เพราะมันมีเปลวเพลิงสีน้ำเงินคลุมร่างในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

พอมานึกดู มันคงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเวทมนตร์นั่นแหล่ะ

ไอ้เจ้าราชินีผึ้งนี่เองก็คงเหมือนกัน… แต่ปัญหาคือไอ้ตัวนี้มันเป็นระดับบอสเนี่ยสิ!

ทัตที่กำลังสับสนพยายามตั้งสติและเรียบเรียงสถานการณ์แต่ก็ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งก็คงไม่ใช่ความผิดของเขาหรอก เพราะใครล่ะจะยังใจเย็นอยู่ได้เมื่อได้เห็นว่าเจ้าผึ้งยักษ์นี่สามารถฉีกกระชากทุกสิ่งได้จากระยะไกลด้วยเวทมนตร์ แถมระยะเวลาการร่ายยังสั้นกว่าของทัตมาก

เห็นได้ชัดว่า หากสู้กันตรง ๆ ด้วยเวทมนตร์ยังไงก็ไม่มีทางชนะมันได้เลย

แต่ก่อนหน้านั้นต้องหาทางออกไปจากแถวระเบียงให้ได้ก่อน… เพราะเป็นจุดที่มันโจมตีทัตได้แต่ทัตไม่สามารถโจมตีมันกลับได้เลย กล่าวคือเป็นจุดที่ทัตเสียเปรียบ

ทัตพยายามมองไปรอบ ๆ เพื่อหาสิ่งที่จะสามารถใช้งานได้ ในตอนนั้นก็เหลือบไปเห็นเศษผนังที่แตกกระจายเต็มพื้นจากการถูกตัดด้วยเวทมนตร์ของราชินีผึ้งเลยทำให้ทัตคิดบางอย่างออก

ตุบ!!!

เขาใช้มือซ้ายต่อยเข้าไปที่มุมแตกของผนังที่ถูกเฉือนก่อนหน้านี้จนผนังแตกเป็นก้อน เขารีบหยิบมันขึ้นมาแล้วจัดการขว้างใส่ราชินีผึ้งที่ลอยอยู่กลางอากาศ แน่นอนว่ามันหลบได้อย่างสบาย ๆ ความเร็วของมันมากกว่าผึ้งยักษ์ธรรมดาหลายเท่า

แต่ก็แน่นอนอีกว่านั่นไม่ใช่เป้าหมายหลักของทัตที่ต้องการซื้อเวลา

“จังหวะนี้แหล่ะ! รีบลงไปชั้นล่างเร็วเข้า!”

“อื้ม!”

ทัตหันกลับไปตะโกนบอกพิมให้เธอวิ่งลงบันไดไปให้เร็วที่สุด และเขาเองก็วิ่งตามเธอไปติด ๆ ในจังหวะนั้นเวทมนตร์ซึ่งน่าจะเป็นเวทลมถูกยิงออกมาอีกครั้งไล่หลังทัตมาติด ๆ

เขารีบกลิ้งหลบไปตามพื้นมันจึงเฉี่ยวเขาออกไปตรงทางเดิน พลังทำลายของมันหนนี้เฉือนพื้นเป็นรอยแหว่งลึกเห็นไปจนถึงชั้นสองเลยทีเดียว

ทัตเห็นแบบนั้นแล้วยิ่งเร่งฝีเท้าให้มากขึ้นจนกระทั่งลงบันไดได้สำเร็จ

แต่พอทัตวิ่งลงมาจนถึงกลางขั้นบันไดระหว่างชั้นสามสู่ชั้นสองเขากลับหยุดเท้าตัวเองลงก่อน พิมที่กำลังลงไปชั้นสองถึงหยุดเท้าของตัวเองตามไปด้วย

“เกิดอะไรขึ้นเหรอทัต?” พิมเอ่ยถามด้วยความกังวลและรีบร้อน เธอกลัวว่าทัตจะสับสนจนทำอะไรไม่ถูก

แต่ก่อนที่จะเข้าไปช่วยเรียกสติเขา พิมก็รู้แล้วว่าตัวเองคิดผิด เพราะในแววตาของทัตยังไม่เสียเปลวไฟแห่งการต่อสู้ไป

กล่าวคือ เขาไม่ได้คิดหนีและยังไม่คิดที่จะยอมแพ้ราชินีผึ้งยักษ์ตัวนั้น…

ถ้าเป็นตรงทางเดินที่แคบเกินไปจนหลบได้แค่ระนาบเดียว ถ้ามันเกิดบินอยู่ตรงระเบียงแล้วใช้เวทมนตร์โจมตีล่ะก็ เราที่อยู่ได้แต่ตรงทางเดินก็จะหลบไม่ได้

ในขณะที่ไอ้ราชินีผึ้งมันสามารถบินหนีออกไปนอกระเบียงได้ เราที่หลบได้แค่ระนาบเดียวมันโคตรจะเสียเปรียบเลย

แต่ถ้าเป็นตรงบันไดหลักที่ใหญ่ขนาดนี้ล่ะก็ เราสามารถโจมตีมันได้ แถมยังสามารถหลบได้ทุกทิศทางซ้าย ขวา หน้า หลัง บนและล่างเลยด้วย!

เพราะงั้นต่อให้เจอใบมีดสายลมนั่นเราก็หลบได้แน่… ในกรณีที่มันไม่มีเวทมนตร์ทำลายวงกว้างล่ะนะ

ทัตได้แผนใหม่แล้วจึงไม่คิดหนี

เขายกมือขึ้นแล้วเริ่มร่ายสกิล ‘เวทยิง LV-1’ ออกมาด้วยธาตุสายฟ้าซึ่งเป็นธาตุใหม่ที่เขาเพิ่งจะได้มา พริบตานั้นประกายสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นแล้วค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นคล้ายกับหลอดไฟทรงกลม

พิมที่เดินเข้ามาใกล้ยังคงมองทัตด้วยความสับสนแม้จะรู้แน่แล้วว่าทัตตั้งใจจะสู้กลับก็เถอะ ความสับสนที่เกิดขึ้นจึงไม่ได้เป็นเพราะว่าเธอไม่รู้ว่าทัตจะทำอะไร หากแต่เป็นการที่ไม่รู้ว่าตัวเธอควรจะทำอะไรต่างหาก

ทางด้านทัตเองก็สังเกตเห็นท่าทางสับสนนั้นของพิมเหมือนกัน

“เธอลงไปรอชั้นสองนะ แล้วถ้าเจอมอนสเตอร์ให้รีบกรี๊ดบอกเลยนะ”

เขาจึงสั่งให้เธอทำแบบนั้น และอีกครั้งที่มันทำให้พิมรู้สึกด้อยค่าว่าตัวเองเป็นได้แค่ตัวถ่วง นั่นยิ่งทำให้เธออยากจะได้รับพลังอย่างทัตเข้าไปใหญ่ สายตาเศร้าสร้อยของเธอบอกแบบนั้น

“เข้าใจแล้ว ระวังตัวด้วยนะ”

กระนั้นเธอก็ยอมเชื่อฟังทัตแต่โดยดีเหมือนเคย แม้จะกำลังเศร้าสร้อยเสียดายและเจ็บใจที่ไม่อาจทำอะไรให้ทัตได้เลยแต่เธอก็ยังใช้กำลังที่เหลือวิ่งลงไปยังชั้นล่างตามที่ทัตบอก

เรื่องนั้นทัตเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ แต่ในจังหวะนี้เขาก็ทำได้แค่มองแผ่นหลังเศร้า ๆ ของเธอในขณะที่วิ่งลงบันไดไปเท่านั้น

แต่เขาก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นนานนักเพราะความอันตรายของราชินีผึ้งยังเป็นเรื่องน่ากังวลอยู่ เขาเลยรีบสะบัดหน้าตัวเองไปมาเพื่อดึงสติตัวเองกลับมายังการต่อสู้

เขารอจังหวะให้ราชินีผึ้งบินเข้ามาในตึกและถ้าไม่หวังมากเกินไปก็หวังว่ามันจะบินลงบันไดตามเขามา เพราะถ้ามันรู้แผนผังตึกถึงขนาดบินลงไปดักที่ชั้นสองได้ เขาก็คิดว่ามันคงฉลาดเกินไป

มาแล้ว!

ต้องขอบคุณที่เป็นอย่างที่หวัง… เจ้าราชินีผึ้งตัวปัญหาปรากฏตัวขึ้นที่ชั้นสามตรงหัวบันไดอย่างที่หวังไว้ไม่มีผิดทำให้ทัตยิ้มออกมาอย่างพอใจ เพราะมันมาอยู่ในจุดที่ทัตเล็งโจมตีไว้พอดิบพอดี

“ย้ากกกก!!!”

ทัตรีบใช้สกิลเวทยิงธาตุสายฟ้าใส่ในทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้น… สายฟ้าพุ่งทะยานแปรสภาพจากลูกบอลหลอดไฟพุ่งเข้าใส่ผึ้งยักษ์ที่อยู่ห่างออกไปด้วยความเร็วราวสายฟ้าฟาด เป็นความเร็วในระดับที่ต่อให้บินอยู่ก็โยกหลบไม่พ้น สายฟ้าฟาดจึงพุ่งเข้าใส่กลางลำตัวของราชินีผึ้งเต็ม ๆ จนร่างกายของมันไหม้เกรียมเกิดควันโขมง

ความเร็วของเวทสายฟ้าดูเหมือนจะสูงยิ่งกว่าเวทชนิดอื่นบวกกับทำให้ศัตรูติดอัมพาตเป็นข้อได้เปรียบ แต่ข้อด้อยก็คือความรุนแรงที่ส่งผลต่อพวกผึ้งถูกลดทอนลงมา เพราะจากที่สู้กันหลายรอบก่อนหน้านี้ทำให้ทัตรู้ว่าพวกมันแพ้ทางธาตุไฟ ธาตุสายฟ้านี้จึงไม่รุนแรงมากพอจะสังหารมัน

“เฮ้ย ๆ… บินปร๋อเลยเหรอวะเนี่ย?”

และถึงมันจะถูกสายฟ้าฟาดจนไหม้เกรียม แต่ถัดจากนั้นมันก็ยังบินพุ่งเข้ามาหาทัตได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทัตรีบตั้งท่าจะโจมตีมัน หวังจะสวนหมัดใส่ในตอนที่มันพุ่งเข้ามาเพราะคิดว่าคงได้ผลเช่นเดียวกับที่เคยได้ผลกับพวกผึ้งยักษ์ตัวก่อน ๆ

“อะไรกัน!?”

ทว่าในพริบตาที่หมัดตรงของทัตสัมผัสเข้ากับลำตัวของราชินีผึ้ง หมัดของเขากลับถูกกระแทกสวนกลับมาด้วยความรุนแรงที่มากกว่าเสียอย่างนั้น มันพุ่งเข้าใส่ทัตโดยไม่สนเลยว่าตัวเองถูกต่อยสวน ไม่สิ… เพราะหมัดของทัตเบาเกินไปจนต้านมันไม่ไหวต่างหาก มันถึงยังพุ่งเข้ามาต่อได้

ตู้ม!!!!

“อั๊ก!!!”

เพราะแบบนั้น ราชินีผึ้งที่บินเข้ามาถึงพุ่งชนกระแทกใส่ร่างของทัตจนกระเด็นไปชนกับผนังด้านหลังทำเขากระอักเลือด ซี่โครงของเขารู้สึกเจ็บมากอาจเป็นเพราะมีกระดูกแถวนั้นหัก

ขนาดว่าตอนนี้ทัตมีความสามารถทางกายสูงกว่ามนุษย์ทั่วไปการโจมตีของมันยังรุนแรงขนาดนี้ บางทีถ้าเป็นมนุษย์ปกติโดนมันกระแทกใส่อาจจะตายในทันทีเลยก็เป็นได้

…แถมนี่ยังเป็นแค่การโจมตีทางกายภาพเท่านั้น

เวรแล้ว!

เจ้าราชินีผึ้งเริ่มรวบรวมสายลมไว้รอบตัวอีกครั้งก่อนจะยิงเวทลมคล้ายใบมีดล่องหนใส่ทัตอีก ทัตเห็นดังนั้นก็รีบตั้งสติแล้วกระแทกหลังตัวเองจากผนังให้หลุดออกมาแล้วรีบกระโดดหลบไปด้านข้างในทันที การโจมตีของมันผ่านไปอย่างฉิวเฉียดอีกครั้ง

ตอนแรกทัตก็คิดแบบนั้น แต่ดูเหมือนหนนี้คมมีดสายลมของมันจะเฉือนผ่านแก้มของทัตไปด้วย เกิดรอยบากขนาดใหญ่ขึ้นที่แก้มของทัตทำให้เลือดไหลอาบ โชคดีที่เป็นแค่แผลเฉี่ยวจึงไม่ลึกมาก แต่ขนาดว่านี่เป็นแค่แผลเฉี่ยวยังสร้างรอยแผลได้ยาวขนาดนี้ ทำให้ทัตยิ่งรู้สึกกลัวที่จะรับการโจมตีนี้ตรง ๆ เข้าไปใหญ่

ชิ! ถ้าโจมตีใส่ตัวมันตรง ๆ คงโจมตีมันไม่เข้าแน่

ถ้างั้น… ก็ต้องเล็งที่จุดอ่อน!

แต่ก่อนหน้าจะเอาเวลาไปกลัว ทัตก็อาศัยจังหวะนั้นถีบพื้นไปด้านข้างหนึ่งต่อ ชตามด้วยถีบพื้นอีกหนึ่งครั้งเพื่อเข้าไปด้านหลังของราชินีผึ้ง

ก่อนจะกระโดดขึ้นสูงพลิกตัวกลางอากาศแล้วเตะเข้าใส่หัวของมันสุดแรง ทัตเรียนรู้แล้วว่าการโจมตีด้วยเท้าจะรุนแรงกว่าใช้หมัดจึงคิดว่าน่าจะสร้างความเสียหายได้มากกว่าก่อนหน้านี้ แต่ว่า…

โกหกใช่ไหมวะเนี่ย?

ในความเป็นจริงคือ การโจมตีของทัตทำได้เพียงแค่ทำให้มันชะงักเท่านั้น ร่างของมันสั่นไหวเพียงเล็กน้อยก่อนจะบินหลีกออกไปแล้วโผล่เหล็กในออกมา ดูเหมือนมันไม่คิดจะให้ทัตหยุดพักหายใจเลยจนกว่าจะฆ่าเขาได้

มันจึงพุ่งเข้ามาหาทัตอีกครั้งพร้อม ๆ กับใช้เหล็กในกระหน่ำแทงใส่ แถมตอนนี้ด้านหลังของเขาเป็นบันไดทางขึ้นชั้นสาม บางทีมันคงตั้งใจจะกดดันให้ทัตเสียหลัก แต่ถ้ามีสติมันก็ไม่เป็นแบบนั้น กอปรกับการใช้สกิล ‘ทักษะตั้งรับ (Fighter) LV-1’ เข้าช่วย จึงสามารถปัดป้องการโจมตีของมันส่วนใหญ่กลับไปได้

เหล็กในพุ่งเข้ามาที่ศีรษะ ทัตก็ขยับหลบในเสี้ยววินาทีไปพร้อมกับออกหมัดซ้ายใส่หน้าของราชินีผึ้งสวนกลับไป เหล็กในพุ่งเข้าใส่อีกครั้งที่เท้าซ้ายหวังให้เขาเสียหลัก แต่ทัตก็ชักหลบแล้วใช้เท้าขวาเตะเบี่ยงเหล็กในไปทางอื่น สร้างจังหวะให้ต่อยไปที่หัวของมันอีกครั้งด้วยหมัดขวา ผึ้งราชินีเริ่มโจมตีอีกครั้งด้วยความเร็วที่มากขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้านใด ๆ

“แม่งเอ้ย!”

นอกจากโจมตีไม่เข้าแล้วยังโดนรุกคืบอยู่ฝ่ายเดียวยิ่งทำให้ทัตรู้สึกหงุดหงิด แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินกว่าจะรับมือได้จริง ๆ เพราะไม่งั้นถ้ายังย่ามใจอยู่ เขาได้ตายจริง ๆ แน่

ทัตถูกทำให้ถอยร่นไปจนถึงชั้นสามอีกครั้งมันก็เริ่มร่ายเวทลมใส่ทัต เขาสังเกตเห็นว่าในช่วงเวลาที่มันกำลังจะเริ่มร่ายเวท มันจะบินอยู่กับที่ก่อนที่จะรวบรวมสายลมไว้รอบตัว

ทัตเห็นดังนั้นย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสนี้เสียเปล่า เขาใช้จุดที่ตัวเองยืนอยู่สูงกว่าให้เป็นประโยชน์ในการกระโดดเข้าใส่แล้วดรอปคิดใส่หัวของมันเต็ม ๆ จนมันชะงักไป

หนนี้ดูท่ามันจะได้รับความเสียหายพอสมควรมันถึงร้องเสียงแหลมออกมา และแน่นอนว่าการขัดจังหวะของทัตได้ผล สายลมที่รวมรวมรอบ ๆ ตัวมันกระจายออกในทันทีที่เท้าของทัตสัมผัสหน้าของมันเต็มแรง

“ยังไม่จบแค่นี้หรอกโว้ย!”

ก่อนจะถูกแรงโน้มถ่วงบังคับให้ตกลงพื้น ทัตยังฝืนเตะใส่หน้าของมันด้วยขาอีกข้างกลางอากาศอีกหน รอบนี้มันถึงกับบินไม่ไหวแล้วล้มลงไปกับพื้นเลยทีเดียว

หากจะหาจังหวะไหนในการโจมตีใส่มันก็คงจะไม่มีจังหวะไหนเหมาะไปกว่านี้อีกแล้ว พอทัตลงพื้นได้เขาจึงรีบร่ายเวทเพื่อใช้สกิล ‘เวทยิง LV-1’ ด้วยธาตุไฟใส่มันทันที เขาไม่ได้ทิ้งระยะห่างออกจากมันแต่ร่ายมันตรงหน้าเจ้าราชินีผึ้งนี่แหล่ะ

สองวินาที… สามวินาที… เวลาผ่านไปเปลวเพลิงก็ขยายขนาดมากขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าราชินีผึ้งเห็นก็รีบบินขึ้นอย่างร้อนรนเป็นครั้งแรก แถมยังเตรียมจะพุ่งเข้ามาหวังกระแทกทัตอีกรอบอีกด้วย แต่ว่า…

“ช้าไปแล้วเฟ้ย!!!”

ซู่ม!!!!

เปลวเพลิงที่เกิดจากเวทยิงชาร์จเต็มความแรงห้าวินาทีถูกปล่อยออกไปกระแทกเข้ากับร่างของราชินี พริบตานั้นสิ่งที่ทัตหวังก็เกิดขึ้น เปลวเพลิงกระจายอาบไปทั่วร่างของราชินีผึ้งจนมันกรีดร้องเสียงแหลมออกมาดังมากยิ่งกว่าเมื่อกี้อีก มันเริ่มบินไปบินมาชนเข้ากับผนังตรงชั้นสามที ตรงชั้นสองที

สุดท้ายมันก็ยังหวังที่จะพุ่งเข้ามากระแทกทัตอีกครั้ง แต่เขาก็กระโดดหลบจากที่อยู่ชั้นสามลงไปชั้นสองของบันไดแทน ด้วยพละกำลังจากสเตตัสความสามารถทางกายที่เพิ่มขึ้น ความสูงแค่นี้ไม่ทำให้ทัตรู้สึกเจ็บแถมยังช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการต่อสู้ได้อีกต่างหาก

เจ้าราชินีผึ้งที่ทั้งร่างยังถูกเผาไหม้เริ่มกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้น ทุรนทุรายอย่างทรมานจนสุดท้ายก็แน่นิ่งไปตรงทางเดินก่อนลงบันไดชั้นสาม

“แฮ่ก… แฮ่ก…”

พอเห็นว่ามันแน่นิ่งไปแล้วทัตก็ผ่อนคลายขึ้นมา และสามารถหายใจได้โล่งอกโล่งคอเสียที ขาของเขาถึงกับอ่อนลงไปนั่งกับพื้นราวกับปลดเปลื้องแล้วซึ่งภาระทุกอย่าง อย่างน้อยก็สำหรับตอนนี้ที่เขารอดพ้นจากเจ้าบอสอันเป็นราชินีผึ้งแถมยังใช้เวทลมได้อีกนี่เสียที

พอได้จังหวะพักหายใจจนเกินพอ ทัตก็คิดจะเดินเข้าไปตรวจสอบมันใกล้ ๆ เพราะเขาก็ยังไม่แน่ใจว่ามันตายสนิทดีแล้วรึยัง

…แล้วความคิดนึงก็แวบเข้ามาในหัวของทัตในตอนที่เกือบจะเดินขึ้นไปถึงร่างอันแน่นิ่งของมัน

‘ถ้ามันตายแล้ว ฉันก็ควรจะได้ค่าประสบการณ์ไม่ใช่เหรอ?’

แถมเจ้าตัวนี้ยังเป็นถึงบอสมอนสเตอร์ด้วย มีหรือจะให้ค่าประสบการณ์น้อย ๆ แถมด้วยเลเวลที่ห่างกันมากกว่า 3 เท่าแบบนี้ มีหรือที่เลเวลจะไม่อัพ เพราะขนาดเจ้าพวกผึ้งที่เลเวลห่างจากทัตแค่ 2-3 เลเวลยังทำให้เลเวลของทัตอัพได้เลย

ทั้งอย่างนั้นทัตกลับไม่ได้รับข้อความว่าตัวเองเลเวลอัพเข้ามาในหัว ซึ่งเหตุผลที่มันเป็นแบบนั้นก็น่าจะมีแค่อย่างเดียว

หรือว่าไอ้เวรนี่… จะแกล้งตาย!?

ทัตตระหนักเรื่องนั้นได้ก็รีบถีบพื้นจากจุดที่ยืนอยู่ในทันที ทว่าในพริบตาเดียวกันนั้นสังหรณ์ในเรื่องร้ายของทัตก็ถูกต้อง

จู่ ๆ ราชินีผึ้งที่นอนแน่นิ่งอยู่มาตลอดมันก็ขยับตัวยุกยิก แล้วสิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น… เมื่อก้นของราชินีผึ้งเริ่มมีบางสิ่งที่มีลักษณะรีกลมไหลออกมา 3 อัน

และมันเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากไข่ และก็ใช้เวลาไม่นานนักที่เจ้าผึ้งมันจะออกมาจากไข่

และข่าวร้ายอย่างที่สองคือผึ้งที่ออกมามันไม่ใช่ตัวอ่อน… แต่เป็นผึ้งตัวเต็มวัย

ต่อจากเวทมนตร์ก็เป็นการเพิ่มจำนวน แกนี่มันจะโกงไปไหนกันวะเนี่ย?

ทัตอดไม่ได้ที่จะสบถแบบนั้น แต่ก็ทำได้แค่ในใจเพราะหากเอาเวลาไปพูดแบบนั้นด้วยคงเสียเวลาเปล่า ๆ

เขาเลือกที่จะถอยออกมาตั้งหลักแล้วเริ่มร่ายเวทยิงธาตุไฟอีกครั้งในจังหวะที่พวกมันยังตั้งตัวไม่ติด แต่ว่าในจังหวะเดียวกันราชินีผึ้งก็ยังคลอดไข่ออกมาเพิ่มอีก 3 ฟอง ซึ่งหากรวมกับที่ฟักออกมาแล้วก็จะรวมเป็น 6 ตัว

เวรเอ้ย! ถ้าใช้เวทมนตร์อย่างนี้ ไล่ฆ่าพวกมันไม่ทันแน่

ทัตประเมินแล้วว่าการร่ายเวทช้าเกินไปสำหรับการต่อสู้ที่แพ้ทางด้านจำนวน เขาจึงยกเลิกการร่ายแล้วถีบพื้นพุ่งเข้าไปรัวหมัดใส่ผึ้งตัวที่อยู่ใกล้สุดแล้วพลิกตัวเตะมันกระแทกเข้ากับกำแพงปิดท้ายด้วยการอัดหน้ามันซ้ำจนเละทั้งที่ร่างของมันยังติดอยู่กับกำแพง

พอจัดการได้ตัวนึงทัตก็ต้องรีบไปจัดการอีกสองตัวต่อ และนั่นเป็นจังหวะที่อีกสองตัวโผล่เหล็กในออกมาแล้วพุ่งเข้ามาแทงร่างของทัตจากสองทิศทาง

ไม่หลงกลเป็นรอบที่สองหรอกเว้ย

ทัตที่รู้อยู่แล้วว่ามันจะโจมตีแบบนั้น จึงชิงกระโดดขึ้นสูงเพื่อหลบการโจมตีจากทั้งสองตัวได้สำเร็จ และด้วยความสูงที่ยั้งค้างอยู่กลางอากาศทำให้ทัตเตะสวนใส่หน้าของตัวหนึ่งกลับไปได้ทีนึงจนมันแน่นิ่งไป

พอลงถึงพื้นแล้วทัตก็กระหน่ำใช้หมัดซ้ายและขวารัวไปที่หน้าของตัวที่ยังไม่ลงไปนอน จนกระทั่งหมัดที่สี่หัวมันก็หลุดจากบ่าแล้วร่วงลงกับพื้น ทัตอาศัยจังหวะเดียวกันนั้นวิ่งเข้าไปหาตัวที่นอนอยู่กับพื้นก่อนหน้านี้ แล้วใช้เท้าย่ำหน้ามันจนแหลกละเอียดอีกตัว

ท่านได้รับการเลเวลอัพเป็น ‘เลเวล 8’ แล้ว

ได้รับ ‘แต้มเลเวล’ 1 แต้ม

เลเวลอัพหลังฆ่าผึ้งไปสามตัว ถือว่าใช้ค่าประสบการณ์เยอะมากขึ้นเมื่อเทียบกับตอนแรก ๆ แต่นั่นก็คงเป็นเพราะพวกผึ้งที่เกิดขึ้นมาใหม่มีเลเวลประมาณเลเวล 1-2 ด้วยกระมัง

และแน่นอน… ในจังหวะเวลาแบบนี้ ทัตไม่อัพเลเวลของอาชีพอื่นใดนอกจาก ‘Fighter’

“เข้ามาอีก! จะกี่ตัวก็เข้ามา!!!” ทัตตะโกนลั่นท้าทายอย่างหงุดหงิด

เขาไม่กลัวอีกแล้วว่าอีกฝ่ายจะยังมีไพ่อะไรซ่อนอยู่ สิ่งที่เขารู้สึกในตอนนี้นั้นมีแค่ความต้องการที่จะฆ่าพวกมันให้หมดทุกตัวไม่ว่าจะฟักออกมาเท่าไหร่ก็ตาม

“โอ้ว!!!”

ทัตถีบพื้นพุ่งเข้าไปหาอีกสามตัวที่เพิ่งคลอดมาใหม่ทำให้ราชินีผึ้งที่รู้สึกถึงอันตรายบินหนีถอยไปด้านหลัง ดูท่ามันเองก็คงบาดเจ็บไม่น้อยจากการโจมตีก่อนหน้านี้

ทัตเองก็อยากจะรีบไปกำจัดมัน เพราะยิ่งเวลาผ่านไปเจ้าราชินีผึ้งมันก็ยิ่งคลอดผึ้งออกมาเป็นศัตรูของทัตมากขึ้น อย่างตอนที่ทัตกำลังสู้กับชุดที่สองนี้ ชุดที่สามอีกสองตัวก็กำลังจะตามมาอีกติด ๆ เลยทีเดียว

“ชิ!” ยิ่งเห็นทัตยิ่งอารมณ์เสียจนต้องเดาะลิ้น

แต่ยังไงเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรีบกำจัดพวกมันให้เร็วยิ่งกว่าที่เจ้าราชินีมันคลอดไข่ออกมา ไม่งั้นในจังหวะที่ทัตกำจัดไม่ทัน เขาได้โดนผึ้งพวกนี้รุมทึ้งจนตายแน่นอน

เขาไม่รอช้าอีกครั้งที่จะพุ่งเข้าไปซัดใส่จุดอ่อนอย่างหัวของพวกมัน แต่หนนี้ไม่รู้เพราะความโกรธมันส่งผลให้ความรุนแรงของหมัดเพิ่มขึ้นหรืออย่างไร หัวของเจ้าผึ้งตัวแรกที่ถูกทัตออกหมัดชกใส่ถึงกระเด็นหลุดไปกระแทกกับอีกตัวที่อยู่ใกล้ ๆ ในหมัดเดียว

เรื่องนั้นทัตเองก็สังเกตได้ บางทีคงเป็นเพราะ ‘ความสามารถทางกาย’ ของเขารวมถึง ‘ความเชี่ยวชาญคลาส Fighter’ เพิ่มขึ้นกระมัง พละกำลังโดยรวมถึงได้สูงมากขึ้นขนาดนี้

อย่างงี้ก็สวยเซ่!

เตรียมตัวตายซะไอ้พวกผึ้งเวร!

ทัตไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือ เขาใช้จังหวะนี้เร่งการโจมตีให้เร็วขึ้น

เขากระโดดขึ้นสูงแล้วเหวี่ยงเท้าเตะหัวของอีกตัวจนหลุดเหมือนลูกบอล พอลงพื้นได้แล้วก็อ้อมไปด้านหลังของอีกตัวแล้วเตะใส่กลางลำตัวให้มันเสียงจังหวะแล้วก็หลังแหวนใส่หัวของมันจนหลุดไปอีกหนึ่งตัว จนเลเวลของทัตเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

และแน่นอนว่าเขาใช้แต้มที่ได้มาอัพให้อาชีพ ‘Fighter’ อีกครา… พริบตานั้นข้อได้เปรียบของทัตก็เพิ่มขึ้นอีก

อาชีพ ‘Fighter’ เลื่อนเป็นเลเวล 5 แล้ว

‘ความสามารถทางกาย’ +2

‘ความเชี่ยวชาญคลาส Fighter’ +2

ได้รับสกิล : ‘ศิลปะการป้องกันตัว LV-1’

นั่นคือสิ่งที่เขาได้รับหลังปลดล็อคเลเวล 5 ของอาชีพ ‘Fighter’ ได้

โดยพื้นฐานแล้วทัตไม่รู้เลยว่ามันจะแตกต่างยังไงกับทักษะจู่โจมหรือตั้งรับ เพราะมันเป็นสกิลติดตัวไม่เหมือนกับเวทมนตร์ที่ร่ายแล้วเห็นผลชัดเจน

และไม่นานนักหุ่นซ้อมก็ลอยมาถึงที่… ผึ้งชุดที่สามอีกสองตัวลอยเข้ามาทางทัตหวังใช้เหล็กในแทงเข้ามาอีกครั้ง พริบตานั้นทัตก็ตระหนักถึงพลังใหม่ที่ตัวเองได้รับ

เหล็กในของตัวที่พุ่งเข้ามาก่อนทางซ้าย ทัตใช้เพียงข้อมือซ้ายก็สามารถเบี่ยงการโจมตีของมันออกไปได้ เป็นจังหวะเดียวกับที่เหล็กในอีกอันกำลังพุ่งเข้ามาหวังแทงสีข้างขวา ทัตเพียงย่อตัวลงเล็กน้อยใช้ต้นขาดันมันขึ้นจากด้านล่างแล้วเบี่ยงออกไปพร้อมโยกตัวก็สามารถหลบการโจมตีของพวกมันได้หมดเลย

สิ่งที่ทัตทำไปเมื่อครู่มันเหมือนกับสิ่งที่เขาเห็นในหนังหรือวิดิโอที่เป็นกระบวนท่าจากมวยจีนหรือกังฟู ซึ่งแน่นอนว่าทัตไม่เคยฝึกฝนมาก่อนเลยในชีวิต แต่เขากลับสามารถออกท่าที่ซับซ้อนแบบนั้นได้อย่างแม่นยำทั้งยังรวดเร็วกว่าความคิดของเขาด้วย เสมือนทำไปโดยธรรมชาติราวกับฝึกกังฟูหรือมวยมานานแรมปียังไงอย่างงั้น

งี้นี่เอง… สกิล ‘ศิลปะการป้องกันตัว LV-1’ นี่คือสกิลที่จะช่วยเพิ่มความหลากหลายของทั้งสกิลทักษะจู่โจมและทักษะตั้งรับของคลาสนี้นี่เอง

เพราะโดยพื้นฐานสกิลทั้งสองมันก็แค่ทำให้การออกหมัดหรือโจมตีด้วยมือเปล่าเท้าเปล่ารุนแรงขึ้นเท่านั้น

แต่การได้สกิลศิลปะการป้องกันตัวมาอยู่ในมือ มันจะทำให้การโจมตีของคลาสนั้น ๆ สมเป็นคลาสนั้น ๆ มากขึ้น

ก็ดูอย่างฉันสิ…

ทัตที่รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นปรมาจารย์กังฟูเริ่มอยากพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตัวเองอีกครั้งด้วยการพุ่งเข้าไปหาผึ้งสองตัวที่เสียหลักไปก่อนหน้านี้

เริ่มจากตัวซ้าย ทัตถีบพื้นพุ่งเข้าไปหาแล้วกระโดดเข่าลอยใส่หน้ามันอย่างแม่นยำ การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วและแม่นยำเหมือนจับวาง หากไม่เคยฝึกมาก่อนเขาคงทำแบบนั้นไม่ได้แน่ ๆ

เสริมอีกด้วยการที่เขายังลอยอยู่กลางอากาศ ทัตใช้แรงส่งก่อนหน้านี้วิ่งเท้าติดผนังยังกับมีรองเท้าติดกาว ก่อนจะถีบผนังนั้นใช้เป็นแท่นเหยียบพุ่งเข้าใส่ผึ้งอีกตัวแล้วลองใช้หมัดลุ่น ๆ อัดใส่กลางลำตัวของมัน พริบตานั้นร่างของมันก็กระเด็นลอยไปกระแทกกับขอบผนังมุมห้องที่ติดบันได ผนังตรงจุดนั้นกลายเป็นรูเห็นไปถึงในห้องนั้นเลยทีเดียว

ทัตไม่รอช้าในจังหวะนั้นถีบพื้นเข้าไปใกล้แล้วกระทืบเท้าใส่หัวของมัน กลายเป็นผึ้งอีกตัวที่ไร้หัว

หึ่ง ๆ ๆ ๆ!!!

หลังกำจัดไปหมดแล้ว ระลอกที่สี่ก็ตามมาอีก หนนี้มันคลอดออกมาถึง 5 ตัวเลยทีเดียว

ถ้าไม่จัดการตัวราชินีให้ได้ ยังไงก็ไม่จบจริง ๆ สินะเนี่ย

ถึงแม้ตัวเขาจะแข็งแกร่งขึ้นจนจัดการพวกผึ้งธรรมดาเลเวลไม่เกิน 3 ได้ในหมัดเดียวแล้ว แต่พอเห็นจำนวนของมันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็เริ่มจะรู้สึกรำคาญแทนที่จะหงุดหงิดแล้ว

หมัดของเขาในตอนนี้ไม่แม้แต่จะรู้สึกเจ็บในตอนที่อัดร่างของมัน เขาเริ่มรู้สึกแล้วว่าถ้าเป็นตอนนี้น่าจะแข็งแกร่งพอที่จะโค่นราชินีผึ้งได้แล้ว

…และบางทีราชินีผึ้งเองก็รู้เรื่องนั้นเหมือนกัน มันถึงรีบสั่งให้ผึ้งห้าตัวที่เพิ่งฟักจากไข่รุมโจมตีทัตพร้อมกันในทันที ส่วนตัวมันกลับทิ้งระยะห่างออกไปเหมือนกับตั้งใจจะหนี

นี่จะเป็น… ครั้งสุดท้ายแล้ว!!!

และแน่นอนว่าทัตไม่ยอมปล่อยมันไปแน่ เพราะไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันจะกลับมาแก้แค้นเมื่อไหร่

เขาจึงถีบพื้นอีกครั้งแล้วอัดหมัดใส่เจ้าผึ้งตัวที่บินทะเล่อทะล่าเข้ามาหาก่อน ส่งผลให้หัวมันหลุดจากบ่าอย่างง่ายดายไปอีกตัว

ทว่า… ในจังหวะนั้น

ซุ่ม!!!!!

สายลมอันเป็นเอกลักษณ์ของการใช้เวทมนตร์ของราชินีผึ้งเริ่มปรากฏอีกครั้งและเริ่มรวบรวมห้อมล้อมร่างของราชินีผึ้งเป็นดั่งเกราะพายุอีกครั้ง พริบตานั้นทัตก็รู้ได้ทันทีว่าที่มันเรียกลูกน้องออกมาสู้กับทัตในระลอกล่าสุดนี้ไม่ได้ทำเพื่อสร้างจังหวะให้ตัวเองหนี

…หากแต่เป็นการถ่วงเวลาเพื่อร่ายเวทต่างหาก

ยังฉลาดไม่เปลี่ยนเลยแฮะ… แต่ถ้าเป็นคมมีดสายลมของแกในตอนนี้ฉันน่ะหลบได้สบายอยู่แล้ว

ทัตไม่ได้เกรงกลัวศัตรูอีกต่อไปเพราะความร้อนรนของมันแสดงออกมาทางพฤติกรรม เห็นได้ชัดเลยว่าราชินีผึ้งเห็นทัตเป็นตัวอันตรายไปแล้ว

เขายังคงอาศัยจังหวะนี้เพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองด้วยการกำจัดผึ้งไปอีกตัวจนเลเวลอัพ และเพิ่มเลเวลของอาชีพ ‘Fighter’ ให้เป็นเลเวล 6

เป็นเวลาเดียวกับที่การร่ายเวทของมันเสร็จสมบูรณ์ จะกี่ครั้งก็ช่างเป็นความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เห็นดังนั้นทัตเลยตั้งท่าเตรียมพร้อมหลบเวทคมมีดสายลมได้ทุกเมื่อ แต่มันก็กำลังจะมาในอีกไม่กี่วินาทีนี้แน่นอนเขารู้สึกได้

…แต่มีอย่างหนึ่งที่ทัตคาดการณ์ผิดไป

นั่นคือการโจมตีด้วยเวทมนตร์ของมัน ไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว

“อะไรกัน!!!?”

ทัตถึงตะลึงพรึงเพริดจนต้องเบิกตาโพลงเมื่อได้เห็นจังหวะที่เวทมนตร์ของมันทำงาน

นั่นเพราะคมมีดสายลมที่ถูกปล่อยออกมาจากราชินีผึ้งไม่ใช่คมมีดใหญ่ยักษ์อันเดียว แต่เป็นคมมีดเล็ก ๆ แต่ด้วยจำนวนที่มากมายนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่บริเวณบันไดนี้ทุกทิศทางจนไม่มีจุดใดสามารถใช้หลบได้เลย การโจมตีของมันฉีกร่างของผึ้งอีกสามตัวที่เหลือเป็นชิ้น ๆ

…และอาจหมายรวมถึงร่างของทัตในอนาคตด้วย

“เวรแล้ว!!!?”

เวทมนตร์ของมันเริ่มไปแล้วและทัตถูกบีบให้อยู่ตรงชั้นกลางของบันไดจึงไม่สามารถหาที่หลบหรือหนีได้เลย ทัตจึงทำได้แค่ยกมือสองข้างขึ้นไขว้กันตรงใบหน้าเพื่อไม่ให้การโจมตีของมันโดนดวงตาของเขา

ฉึบ! ฉึบ! ฉึบ! ฉึบ!

คมมีดสายลมเชือดเฉือนร่างของทัตผ่านเสื้อของเขาได้อย่างง่ายดายแม้จะเฉือนเข้าเนื้อของทัตได้ไม่ลึกมากก็ตาม เห็นได้ชัดเลยว่าพลังทำลายของมันลดลงแลกกับการเปลี่ยนเป็นการโจมตีแบบวงกว้าง

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น มันก็ยังเฉือนร่างของทัตไปทั่วด้วยรอยแผลบากยาวแทบจะทุกจุดอยู่ดี

ตอนนี้ทั่วทั้งร่างของเขาจึงเหมือนกับถูกอาบไปด้วยเลือดยังไงอย่างงั้น

เวรเอ้ย… เวรเอ้ย! เวรเอ้ย! เวรเอ้ย!!!

ในที่สุดก็รู้แผนของมันแล้ว ไอ้บ้าเอ้ย!

เพราะการโจมตีเป็นวงกว้างทำให้ทัตได้รับบาดแผลฉกรรจ์ไปทั่วร่างยกเว้นใบหน้าและดวงตาที่พยายามบดบังเอาไว้ก่อนแล้ว นั่นเลยทำให้ทัตไม่สามารถขยับร่างกายได้สักพักเพราะความเจ็บปวดของบาดแผลที่ได้รับ และช่วงเวลานั้นแหล่ะคือสิ่งที่ราชินีผึ้งมันเล็งเอาไว้เพื่อปิดฉากด้วยการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของมัน

ทัตอ่านความคิดของมันออกก่อนหน้าที่เจ้าราชินีผึ้งจะเริ่มร่ายเวทอีกครั้ง เขาแทบจะเดาได้เลยว่ามันต้องร่ายเวทลมแบบที่โจมตีครั้งเดียวอย่างรุนแรงเหมือนตอนแรกแน่

ทัตถึงได้รู้สึกหนาวสั่นไปทั่วร่าง เขาที่ยังไม่สามารถขยับได้รู้สึกว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนของมัน และถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาก็จะหลบการโจมตีอันรุนแรงครั้งต่อไปไม่ทันแน่ ๆ ยิ่งทำให้ทัตตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเข้าไปใหญ่

ทัตที่ทำได้แค่มองและรอคอยความตายที่จะมาถึงในไม่ช้ารู้สึกเหมือนกำลังถูกคมเคียวของยมทูตลูบไล้ต้นคอยังไงอย่างงั้น ความรู้สึกสิ้นหวังและถอดใจเกิดขึ้นมาอย่างไม่อาจเลี่ยง

แต่แทนที่จะคิดถึงตัวเองเป็นอย่างสุดท้ายของชีวิต ในหัวของทัตกลับมีใบหน้าของพิมปรากฏขึ้นมาเสียอย่างงั้น

ทัตไม่เคยรู้เลย… ว่าในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต พิมกลับกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่อยากจะตาย แต่มันก็สายไปแล้วที่คิดอยากจะเอ่ยความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองกับเธอสักครั้ง จนสุดท้ายก็ต้องตายไปโดยที่ยังไม่ได้เอ่ยแม้คำร่ำลา

…ความจริงมันก็ควรเป็นเช่นนั้น

ปัง!!!!!

ทว่าในช่วงเวลาคาบเกี่ยวระหว่างความเป็นความตาย… ที่เท้าของทัตกำลังจะเหยียบย่างไปยังขอบเหวแห่งความมรณาและพลัดตกลงไปที่ก้นของมันอย่างไม่มีทางหวนคืน

พริบตานั้นกลับมีเสียงปริศนาดังลั่นขึ้นมาจากทางเดินชั้นสาม และเพราะอะไรสักอย่าง เลยทำให้การร่ายเวทของผึ้งยักษ์มันชะงักไปเลย

ทัตที่กำลังสติเรือนรางเลยรีบตั้งสติตัวเองขึ้นใหม่ สายตาที่กำลังสั่นระรัวเริ่มปรับโฟกัสใหม่ พริบตานั้นก็พบว่ามีใครบางคนได้ช่วยเขาเอาไว้ด้วยการโจมตีใส่ราชินีผึ้งจากทางเดินชั้นสาม

ผู้ที่มาช่วยทัตเอาไว้… เป็นใครไปไม่ได้นอกจากพิม ที่ตอนนี้ในมือมีปืนพก Sm*th & W*sson ในมือ

ควันที่พวยพุ่งออกมาจากปากกระบอกปืนคือสัญญาณบอกว่าเธอเพิ่งจะลั่นไกใส่หัวของราชินีผึ้งไปหนึ่งนัดอย่างแม่นยำ แต่ดูเหมือนกระสุนปืนจะไม่ระแคะระคายผิวหนังของมันเลย อย่างมากก็ทำได้แค่ขัดจังหวะการร่ายเวทของมันเท่านั้น

…แต่นั่นก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

ฮะฮะ… ให้ตายสิ

ความโล่งอกโล่งใจและปลอดโปร่งจากก้นบึ้งของหัวใจจากการรอดพ้นความตายมาได้อย่างหวุดหวิดทำให้ทัตหลุดหัวเราะออกมาแม้จะยังสับสน แต่ในขณะเดียวกันมันก็คือความดีใจด้วย

จะกี่ครั้ง… ก็ได้เธอช่วยไว้ตลอดเลยสิน่า

มันคือความดีใจ… ที่คนที่เขาต้องการมากที่สุด ได้ยื่นมือเข้ามาหาเขาในตอนที่เขาต้องการที่สุด

แต่อย่างไรก็ดี… ดูเหมือนราชินีผึ้งจะรู้สึกหงุดหงิดมากที่ถูกขัดจังหวะ มันเลยเลิกสนใจทัตชั่วขณะแล้วหันไปเล็งเป้าที่พิมแทน

“หวะ… พอตัวใหญ่แล้วไม่ได้ดูน่ารักเลยนะผึ้งเนี่ย”

พิมพูดเหมือนรู้สึกขยะแขยงในขณะที่ตั้งเป้าเล็งปืนด้วยท่าทางมาตรฐานที่ถูกต้องเหมือนเคยฝึกใช้มาก่อน และแน่นอนว่าเป้าหมายคือหัวของมัน

ปัง!!!!!

กระสุนถูกลั่นออกมาอีกหนึ่งนัด ควงสว่านพุ่งตรงเข้าหัวของราชินีผึ้งอย่างแม่นยำอีกครั้ง แต่ก็ทำได้แค่ให้หัวของมันสั่นสะเทือนและหยุดชะงักไปแค่พริบตาเดียวเหมือนก่อนหน้านี้

พิมเห็นดังนั้นก็เริ่มรู้สึกกังวลและหวาดกลัวขึ้นมา แต่พอสายตาของเธอเหลือบไปเห็นทัตที่กำลังฝืนตัวเองยืนอยู่ตรงชั้นกลางของบันไดทั้งที่เลือดไหลอาบไปทั่วร่าง ความกลัวของเธอก็อันตรธานหายไปสิ้น

เพราะกลับกัน… มันยิ่งทำให้พิมคิดว่าตัวเองต้องสู้เพื่อปกป้องทัตด้วยเหมือนกัน และถ้าจะมีเวลาไหนที่จะใช้ตอบแทนความพยายามที่เขาใช้เพื่อปกป้องเธอมาตลอดจนถึงตอนนี้ล่ะก็ มันไม่มีจังหวะไหนจะเหมาะไปกว่านี้อีกแล้ว

ปัง!!!!! ปัง!!!!!

พิมลั่นไกอีกสองครั้งไม่ให้ผึ้งราชินีมันเข้ามาใกล้ตัวเองได้ เพราะหากมันเข้ามาใกล้มากเกินไป เธอก็เคยเห็นแล้วว่ามันจะใช้เหล็กในแทงเอา

ทว่า… พอลั่นไกไปครบสี่นัดแล้ว เสียง แกร๊ก! ก็ดังขึ้นในจังหวะที่จะลั่นไกกระสุนนัดที่ห้า ดูเหมือนอาวุธของพิมจะกระสุนหมดไปแล้ว เวลาที่เธอสามารถซื้อได้จึงหมดลงไปพร้อมกัน

พิมรู้แบบนั้นก็ทำได้แค่กำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจที่ตัวเองทำเพื่อทัตได้แค่นี้ แต่ว่า…

เพียงพอแล้วล่ะ…

สำหรับทัตแล้ว… ช่วงเวลาเพียงไม่ถึงสิบวินาทีที่เธอมอบให้เขานั้น มีค่ามากเกินกว่าจะนับได้แล้ว

เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายจิกเท้ากับพื้นเพื่อยืนให้มั่นคงก่อนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนที่จะ…

“อย่าเมินกันสิวะไอ้ผึ้งเวรเอ้ย! คู่ต่อสู้ของแกคือฉันต่างหากโว้ย!!!”

ทัตตะโกนลั่นด้วยเสียงที่ดังที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อดึงความสนใจของราชินีผึ้งให้กลับมาที่ตัวเองเท่านั้น แต่ยังทำเพื่อปลุกใจสู้ของตัวเองให้ลุกโชนขึ้นมาด้วย

ทัตรีบจิกพื้นที่เท้าอีกครั้ง พร้อมชักเท้าขวาไปด้านหลังหนึ่งก้าวพร้อมกับย่อตัวลง

ตู้ม!!!!

แล้วก็ถีบพื้นจนแตกละเอียดเป็นรอยไปทั่วทั้งบันไดระหว่างชั้น ก่อนจะพุ่งตัวเข้าใส่ราชินีผึ้งที่อยู่ตรงชั้นสาม ทะลุผ่านรั้วกั้นบันได แล้วเอาศีรษะตัวเองโดยเฉพาะหน้าผากพุ่งเข้าใส่กลางลำตัวของราชินีผึ้งราวกับเป็นจรวดจนมันร้องออกมาอย่างทรมาน นอกจากนี้ยังทำให้ร่างของราชินีผึ้งยักษ์กระเด็นไปกระแทกเข้ากับที่กั้นระเบียงทางเดินทะลุออกไปนอกตัวอาคารเลยทีเดียว

แต่ทัตไม่ยอมหยุดแค่นี้… เขาไม่ประมาทมันอีกแล้ว จึงกระโดดเข้าหามันกลางอากาศทั้งที่อยู่สูงจากพื้นถึงสามชั้น การทำแบบนั้นทำให้พิมที่อยู่ใกล้ ๆ ตกใจมาก แต่ตอนนี้ทัตที่โฟกัสอยู่กับแค่การทำลายราชินีผึ้งให้สิ้นซาก ทำให้เสียงของเธอไปไม่ถึงหูของเขาเลย

“เอาไปอีก!!!”

ทัตที่ลอยอยู่เหนือตำแหน่งของราชินีผึ้งกลางอากาศพลิกตัว 180 องศาเหวี่ยงตัวกลางอากาศแล้วเตะเข้าใส่หน้าของราชินีผึ้งอีกหน ทำให้ร่างของมันหมุนคว้างกลางอากาศไปพร้อม ๆ กับที่พุ่งลงไปกระแทกกับพื้นด้านล่างจนแตกระแหงเป็นวงกว้าง

ทัตที่อยู่กลางอากาศเองก็ยังไม่จบแค่นั้น… เขาอาศัยแรงโน้มถ่วงเข้าช่วยในระหว่างที่ตกเพื่อเพิ่มความรุนแรงและออกท่าดรอปคิกใส่เจ้าผึ้งราชินีที่ร่างถูกฝังอยู่ในพื้น

“โอ้ววววว!!!!”

ตู้ม!!!!!

ด้วยแรงโน้มถ่วงบวกความแข็งแกร่งส่วนบุคคลจากสเตตัสเป็นผลทำให้เท้าของทัตกระแทกเข้ากับหัวของราชินีผึ้ง ความรุนแรงของการโจมตีนั้นได้ทำลายพื้นตรงนั้นจนเป็นหลุมเป็นบ่อลึกและเกิดควันคละคลุ้งไปทั่วเลยทีเดียว

แล้วพอทัตถอยออกมาจากจุดที่เขาเตะใส่… ก็เห็นว่าหัวของมันเละเป็นโจ๊กไปแล้ว

ใน… ในที่สุด…

ทัตเห็นผลลัพธ์ที่รอคอยมาเสียนาน ทำให้เค้ายิ้มออกมาอย่างโล่งอกได้เสียที

ท่านได้รับการเลเวลอัพเป็น ‘เลเวล 19’ แล้ว

ได้รับ ‘แต้มเลเวล’ 9 แต้ม

แล้วคราวนี้มันเป็นชัยชนะของจริงเพราะมีข้อความประกาศในหัว นั่นทำให้ร่างกายของทัตผ่อนคลายลงจนรู้สึกเหมือนกับจะลงไปนอนได้เลย

ไม่สิ… ตัวเขาที่กำลังเหนื่อยอ่อนเพราะอาการบาดเจ็บเป็นทุนเดิมอยู่แล้วได้ล้มตัวลงไปกับพื้นทั้งอย่างนั้นเพราะร่างกายมาถึงขีดจำกัด ไม่สิ… เลยขีดจำกัดไปแล้ว

แต่ร่างของเขาก็ยังไม่ล้มลงไปนอนกองกับพื้น… เป็นเพราะพิมที่รีบวิ่งลงมาตั้งแต่แรกได้เข้ามาช่วยพยุงเขาเอาไว้ก่อนที่จะเป็นแบบนั้น

“ทำไมถึงทำอะไรเสี่ยง ๆ อย่างนี้เนี่ย!” พิมเอ่ยด้วยน้ำเสียงกังวลปนหงุดหงิด ดูท่าเธอจะเป็นห่วงทัตมากกว่าจะดีใจกับชัยชนะของเขาเสียด้วยซ้ำ

รู้แบบนั้นยิ่งทำให้ทัตยิ้มออกมากว้างกว่าเดิมเสียอีก เป็นเวลาเดียวกับที่พิมค่อย ๆ พยุงทัตให้นั่งลงหลังจากเห็นแล้วว่าไม่มีมอนสเตอร์ตัวอื่นเพ่นพ่านอยู่รอบ ๆ แล้ว

“เธอเองนั่นแหล่ะ… ไปเอาปืนยิงใส่มันแบบนั้นมันเสี่ยงนะ ว่าแต่ไปเอามาจากไหนน่ะ?” ทัตเอ่ยถามในขณะที่นั่งเหยียดขา แต่เขายังต้องได้รับการพยุงจากพิมทั้งที่นั่งอยู่

“แอบไปจิ๊กมาจากห้องของเจ้าของหอน่ะ บังเอิญล้วน ๆ เลย” พิมว่าแล้วก็หัวเราะแฮะ ๆ

อีกครั้งที่ทัตคิดจริง ๆ ว่าดูยังไงเธอก็เป็นเด็กแสบมากกว่าคุณหนูผู้ดี

“แต่ก็ยิงแม่นไปนะเนี่ย… คงไม่บอกหรอกนะว่าเคยฝึกมาน่ะ?”

“ใช่ เคยฝึกเล่นมาน่ะ?”

ทัตได้ยินคำตอบด้วยน้ำเสียงธรรมดาจากพิมแล้วก็ทำได้แค่หัวเราะแห้ง ๆ

เล่นเนี่ยนะ? นี่เธอเป็นลูกสาวมาเฟียรึไง? เขาแอบคิดแบบนั้นแต่แน่นอนว่าไม่ได้พูดออกไป

“แต่ว่า… ถึงจะยังไงนายก็ชนะแล้วนี่นะ”

ในระหว่างที่ทัตแอบนินทาสาวเจ้าในใจ พิมก็เอ่ยแบบนั้นออกมาด้วยรอยยิ้มหลังเห็นว่าทัตปลอดภัยแน่แล้วทั้งที่ตกจากที่สูงถึงสามชั้น เธอก็เลยปลอดโปร่งมากพอจะแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมาได้

แต่ทัตรู้ว่ามันไม่ใช่แค่นั้น… ทัตรู้ว่าที่เธอยิ้มออกมาได้อย่างร่าเริงแบบนี้มันเป็นเพราะเธอดีใจที่มีส่วนช่วยเหลือเขาในการต่อสู้ต่างหาก

เป็นเพราะก่อนหน้านี้ เธอเคยคิดแค่ว่าตัวเองไม่สามารถช่วยอะไรทัตได้นอกจากเป็นตัวถ่วง แม้ในความเป็นจริงเธอก็คอยช่วยเหลือทัตตลอดทั้งเรื่องที่คอยดูแลตอนที่บาดเจ็บและไข้ขึ้น แต่ดูเหมือนนั่นจะยังไม่มากพอในมุมมองของเด็กสาวหัวรั้นคนนี้

แต่นั่นก็เป็นเรื่องดีเพราะมันสื่อให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่ไม่ยอมเอารัดเอาเปรียบใคร โดยเฉพาะกับทัตด้วยแล้ว เธอยิ่งอยากจะเป็นผู้มอบให้มากกว่าผู้รับเสียด้วยซ้ำ

และเพราะเธอสามารถทำแบบนั้นได้ในตอนท้ายที่สุด… เธอถึงได้ยอมรับตัวเองที่สามารถมีประโยชน์กับทัตและยิ้มออกมาได้เหมือนกับตอนปกติเสียที

“ไม่หรอก นี่ไม่ใช่ชัยชนะของฉันคนเดียว…” ทั้งเพราะความรู้สึกขอบคุณที่ได้รับมาตลอด รวมถึงความต้องการที่อยากจะให้พิมช่วยเขาต่อไป ทั้งเพื่อตัวเขาและเพื่อตัวพิมเอง

เขาถึงได้เอ่ยแบบนั้นอย่างน้อยก็เพื่อให้พิมได้รับรู้ ว่าเธอเองก็เป็นคนนึงที่สู้ร่วมกับเขา

“นี่เป็นชัยชนะของเราต่างหาก”

เป็นจังหวะเดียวกับที่ยื่นฝ่ามือไปทางพิมที่ยังพยุงเขาอยู่ด้วยรอยยิ้ม พิมเห็นดังนั้นน้ำตาก็รื้นขึ้นด้วยความปิติ

เพราะสำหรับเธอ มันไม่มีอะไรน่าดีใจไปกว่าการถูกยอมรับโดยทัตอีกแล้ว

“อื้ม!”

มือของเธอข้างที่ไม่ได้พยุงทัตอยู่จึงยื่นไปแปะมือของทัตที่ยื่นเข้ามาใกล้

การไฮไฟว์ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การยืนยันถึงชัยชนะครั้งแรกของทัตกับพิม… แต่มันยังเป็นการยอมรับซึ่งกันและกันในฐานะของสหายร่วมรบที่สามารถฝากชีวิตให้กันได้ของพวกเขาทั้งสองคนอีกด้วย

❖❖❖❖❖