คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน หานเฉวี่ยไน่
และนี่นับเป็นสันดารของหานจิ้นเหนียน
โดยปกติแล้วสตรีที่มันสนใจ มันจะใช้ความสุภาพแสนดีเข้าไปเกี้ยวพาราสีก่อน แต่หากไม้นี้ไม่สำเร็จมันก็จะใช้กำลังบังคับข่มเหงทันที!
ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงทุกวันนี้…จึงไม่มีสตรีใดพ้นมือมารของมัน!
“เจ้าเป็นใคร?”
ตอนนี้เองร่างเล็กๆ 3 ร่างพลันมายืนเรียงหน้ากระดานกั้นสตรีท้องโตกับหานจิ้นเหนียนเอาไว้
เป็นเด็กชายตัวน้อย กับเด็กหญิงตัวน้อย 2 คน ทั้ง 3 จับจ้องมองหานจิ้นเหนียนด้วยสายตาระวัง
เห็นร่างเล็ก 3 ร่างมาบังสตรีเลอโฉมเช่นนี้ หน้าหานจิ้นเหนียนก็มืดลงทันที
แต่พอคิดได้ว่าจังหวะนี้ต้องตีหน้าหล่อให้หญิงงามประทับใจ สีหน้ามันก็ผ่อนคลายลงทันที ยังคงมองสบตาสตรีที่หมายตาพร้อมรอยยิ้มดั่งสุภาพชน “ข้าคือหานจิ้นเหนียน แห่งคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน”
“หึ! นายน้อยของข้าผู้นี้ยังเป็นหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านอาวุโสสูงสุดสกุลหาน”
ตอนนี้เองสุนัขรับใช้ที่ติดตามหานจิ้นเหนียนไม่ห่าง พลันกล่าวเสริมออกมา
ส่วนชายวัยกลางคนทั้ง 3 เพียงยืนนิ่งๆ หากแต่มองสตรีผู้เลอโฉมด้วยสีหน้าแววตาสงสาร
พวกมันบอกได้ทันทีว่าหานจิ้นเหนียนต้องตาพึงใจสตรีที่กำลังตั้งครรภ์นางนี้เข้าให้แล้ว
เท่าที่มันรู้หานจิ้นเหนียนหมายตาสตรีนางใด ก็มิเคยรอดพ้นสักราย
อย่างไรก็ตามแม้พวกมันจะรู้ดีแต่ก็จนปัญญาที่พวกมันจะทำอะไรได้
ใครใช้ให้หานจิ้นเหนียนเป็นบุตรชายของอาวุโสสูงสุดเล่า?
และเป็นดั่งที่สุนัขรับใช้หานจิ้นเหนียนกล่าว มันเป็นหลานชายสุดที่รักของอาวุโสสูงสุด!
อาวุโสสูงสุดนั้นมีฐานะมิใช่ชั่วในสกุลหาน กระทั่งผู้นำสกุลหานคนปัจจุบันพบเห็นยังต้องเรียกหาด้วยเคารพว่า ‘ท่านลุง’
“อ๋อ! ที่แท้เจ้าคือโจรราคะแห่งสกุลหาน ที่พี่สาวเฉวี่ยไน่เคยกล่าวบอกเอาไว้นี่เอง!”
เด็กหญิงตัวน้อยในชุดสีทอง กล่าวออกมาด้วยแก้มอมชมพู สองตากลมโตพยักหน้าหงึกๆ
ได้ยินวาจานี้ของเด็กหญิงตัวน้อยชุดทอง สุนัขรับใช้ที่ยืนประกบหลังหานจิ้นเหนียนอดไม่ได้ที่จะหน้าเสีย
เด็กหญิงนั่นว่าอันใดนะ!?
พี่สาวเฉวี่ยไน่?!
ใช่นางกำลังกล่าวถึงคุณหนูใหญ่ อันเป็นที่รักของผู้คนสกุลหานหรือไม่? หรืออีกนามหนึ่งคือนางมารน้อยผู้แสนร้ายกาจของสกุลหาน!?
“เจ้ารู้จักเฉวี่ยไน่ด้วยหรือ?”
ได้ยินวาจานี้ของเด็กหญิงตัวเล็ก หานจิ้นเหนียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหน้าเสียไปทันที
ในสกุลหานนี้มีไม่กี่คนที่ทำให้มันหวาดกลัว
อย่างไรก็ตามหนึ่งในนั้น มีนางมารน้อยนั่นรวมอยู่ด้วย!
มันเคยถูกฤทธิ์เดชของนางมาแล้ว!
ขณะที่คิดสีหน้าหานจิ้นเหนียนก็เริ่มบิดเบี้ยวลงเช่นกัน เพราะฤทธิ์เดชครั้งนั้นของนางมารน้อย ได้ทำให้มันเสียภาพพจน์ต่อสตรีที่มันหมายปองพังยับเยิน!
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นเองคล้ายสายลมหอบหนึ่งพัดมาอย่างแรง ปรากฏร่างในชุดสีเขียวผุดโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่า
เป็นสตรีชรานางหนึ่งในชุดสีเขียว
นางลอยร่างกลางหาวอย่างเงียบงัน สภาวะร่างกลับคล้ายหลอมกลืนไปกับฟ้าดิน!
“ท่านชิงหนู!”
เมื่อชายวัยกลางคนทั้ง 3 เห็นร่างผู้มาใหม่ พวกมันไม่กล้านิ่งเฉย รีบเร่งคารวะทักทายด้วยสุภาพทันที
“พวกนางเป็นสหายของคุณหนูใหญ่ พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว”
สตรีในชุดเขียวนางนี้ เป็นคนเดียวกันกับสตรีชราที่ติดตามหานเฉวี่ยไน่ไปยังทวีปมนุษย์บ่อยๆ ชิงหนู นางเหลือบมองชายวัยกลางคนทั้ง 3 อย่างไร้แยแสกล่าวออกเสียงเรียบ
“ทราบ”
ชายวัยกลางคนทั้ง 3 พอได้ยินดังนั้นก็เร่งจากไปทันที ขณะเดียวกันพวกมันก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดมันก็หนีตัวบัดซบไม่เอาไหน ที่วันๆได้แต่อวดโอ่ความมั่งคั่งทั้งย่ำยีสตรีเสียที!
“นายน้อย จิ้นเหนียน”
หลังจากชายวัยกลางคนทั้ง 3 จากไป ชิงหนูก็หันมามองหานจิ้นเหนียนด้วยความไม่แยแส ค่อยกล่าวทักไปด้วยน้ำเสียงเป็นทางการ
“ชิงหนู พวกนางเป็นสหายของหานเฉวี่ยไน่หรือ?”
หานจิ้นเหนียนขมวดคิ้วถาม
“อะไร? หรือนายน้อยจิ้นเหนียนคิดอยากไปถามคุณหนูใหญ่ด้วยตัวเอง?”
ในน้ำเสียงชิงหนูแฝงความประชดไว้ไม่น้อย ไม่คล้ายนางจะเคารพหานจิ้นเหนียนแต่อย่างใด
“นั่นมิจำเป็นหรอก”
หานจิ้นเหนียนส่ายหัวไปมา ในลูกตาเผยประกายเย็นชาขึ้นทันใด หากไม่จำเป็นจริงๆ มันไม่อยากไปเจอนางมารน้อยนั่น!
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นชิงหนูก็สะบัดมือเบาๆ ก่อนที่ร่างนางพร้อม 4 คนด้านหลังจะอันตรธานหายไปในอากาศ
ไม่ว่าจะเป็นโฉมงามยากหาผู้ใดเทียบเทียมหรือเด็กตัวเล็กๆทั้ง 3 ต่างอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย!
จังหวะนี้ หานจิ้นเหนียนก็ถูกทิ้งไว้ให้ลอยหัวโด่กลางอากาศกับสุนัขรับใช้ที่คอยประจบประแจง 2 คน
“นายน้อย พวกเราก็กลับกันเถอะ”
เมื่อเห็นว่าหานจิ้นเหนียนท่าทางอารมณ์ไม่ดี สุนัขรับใช้ก็เร่งกล่าวออกมาทันที
“กลับไปแล้วช่วยข้าสืบหาประวัติทั้ง 4 นั่นให้ที…โดยเฉพาะสตรีนางนั้น! ข้าต้องได้นาง!!”
ตอนนี้นอกจากสุนัขรับใช้แล้วก็ไม่มีใครอื่น หานจิ้นเหนียนย่อมไม่คิดเสแสร้งสร้างภาพอะไร แววตามากราคะเผยให้เห็นชัดเจน เบื้องล่างยังคล้ายพองตัวขึ้นมาไม่น้อย
“นายน้อย พวกเราปล่อยนางไปไม่ดีหรือ? ท่านชิงหนูกล่าวว่านางเป็นสหายของคุณหนูใหญ่แบบนี้…หากท่านแตะต้องนาง ข้ากลัวว่าคุณหนูใหญ่จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ!”
สุนัขรับใช้นั้นคล้ายหวาดกลัวหานเฉวี่ยไน่ไม่น้อย ทุกครั้งที่มันกล่าวถึงนางร่างจะสะท้านสั่นกลัวอย่างไม่อาจห้าม
“เหอะ! ถ้านางไม่พอใจเรื่องนี้แล้วจะทำไม นางฆ่าข้าได้หรือไร? ถึงนางคิดฆ่าข้าแต่เกรงว่านางเองก็ไม่กล้าลงมือขนาดนั้น! ถึงนางจะไม่ชอบข้า แต่ข้าก็ไม่เชื่อว่านางจะกล้าฆ่าข้าเพราะคนนอก!!”
หานจิ้นเหนียนกล่าวออกเสียงเย็น กล่าวเย้ยออกมาหน้าผยอง
“ถึงอย่างนั้นคุณหนูเฉวี่ยไน่ก็จัดการมิง่ายเลย…”
สุนัขรับใช้ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม
“เจ้าไม่ต้องกล่าวแล้ว…ไม่ว่าจะอย่างไรข้าต้องได้สตรีนางนั้น! หากข้าได้กดนางสักครั้ง ให้ข้าโดนนางมารน้อยแผลงฤทธิ์ใส่จนอายุสั้นลงสัก 2-3 ปี จะเป็นอะไรไป!”
หานจิ้นเหนียนสะบัดแขนเสื้อดังฝั่บ ไม่ให้สุนัขรับใช้กล่าววุ่นวายอะไรอีก
เมื่อสุนัขรับใช้ได้ยินดังนั้นมันก็ได้แต่เงียบปากไปทันที มันอยู่กับนายน้อยผู้นี้มานาน สันดารเป็นอย่างไรไหนเลยไม่รู้ได้ ลองตัดสินใจไปแล้ว ให้เอาม้า 5 ตัวมาลากก็ยากจะหยุด
ส่วนอีกด้านนั้น ร่างทั้ง 4 ที่พึ่งมาถึง ก็ถูกชิงหนูนำแหวกม่านหมอกเข้ามาในเขา
ด้านหลังม่านหมอก ปรากฏภาพพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลมีอาคารบ้านเรือนต่างๆมากมาย ไม่ต่างอะไรกับอาณาจักรเล็กๆในม่านเมฆ
นั่นคือคฤหาสน์คลื่นขจีของสกุลหาน!
ทั้ง 4 ที่พึ่งมาถึงไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นลี่เฟย เสี่ยวเฮย เสียวไป๋ และเสี่ยวจินที่เดินทางหลบหนีออกมาจากเกาะป้านเยว่
หลังจากหลบหนีออกมาจากเกาะป้านเยว่ ตอนแรกลี่เฟยก็เป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของเค่อเอ๋อ จนคิดอยากย้อนกลับไปช่วยหลายรอบ แต่นางรู้ดีว่าย้อนกลับไปก็ไม่ต่างอะไรจากขุดหลุมฝังศพตัวเอง หากนางอยู่ลำพังนางไม่กลัวเลยว่าต้องตายไปพร้อมกับเค่อเอ๋อ
อย่างไรก็ตามตอนนี้นางไม่ได้อยู่คนเดียว!
ในท้องของนางยังมีลูกน้อยทั้งคน…เป็นลูกของนางกับชายที่นางรัก!
ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนั้นนางจึงตัดสินใจให้ เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจิน พานางกลับมายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เร่งรุดมายังคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานเพื่อขอความช่วยเหลือ
ไม่ง่ายเลยที่จะมาถึงที่นี่ได้ พวกนางใช้เวลาเดินทางร่วมปี!
อย่างไรก็ตามในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทาง!
“พี่หญิงเฟยเอ๋อ!”
ไม่นานลี่เฟยก็ได้พบกับหานเฉวี่ยไน่อีกครั้ง เมื่อหานเฉวี่ยไน่เห็นลี่เฟยลูกตานางก็ทอประกายสว่างจ้า เร่งพุ่งมากุมมือลี่เฟยพร้อมกล่าวทักทายทันที “พี่หญิงเฟยเอ๋อ! ไฉนท่านมาถึงนี่ได้เล่า!?”
“เฉวี่ยไน่ เจ้าเปลี่ยนไปมากเลย”
ได้พบหานเฉวี่ยไน่อีกครั้ง ลี่เฟยอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
หลังจากทะลวงมาถึงขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ รูปร่างของหานเฉวี่ยไน่ก็ไม่ถูกจำกัดด้วยเคล็ดวิชาบ่มเพาะอีกต่อไป นั่นเป็นเหตุผลให้นางเริ่มเติบโตจากดรุณีน้อยเป็นสตรีวัยใสอันงดงาม
รูปร่างหน้าตานางไม่ได้ด้อยไปกว่าลี่เฟยเลย
“ฮิฮิ”
เฉวี่ยไน่ยิ้ม ค่อยหันไปมองถามเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจิน “ไฉนพวกเจ้ามากัน 4 คนเล่า? แล้วพี่หญิงเค่อเอ๋อล่ะ?”
“เฮ่อ…”
ลี่เฟยถอนหายใจออกมาดังเฮือกทันที พอได้ยินคำเค่อเอ๋อจากปากเฉวี่ยไน่ แววตานางก็เป็นกังวลนัก
ตอนนี้ที่นางห่วงที่สุดก็คือความปลอดภัยของเค่อเอ๋อ
“เกิดอันใดขึ้น! มีเรื่องอะไรกันแน่!?”
หน้าหานเฉวี่ยไน่เปลี่ยนไปทันใด นางสัมผัสได้ว่าเรื่องราวผิดท่าแน่แล้ว!
“พี่สาวเฉวี่ยไน่…เกาะป้านเยว่…”
ตอนนี้เองสีหน้าเสี่ยวจินก็กลายเป็นคับแค้น พวงแก้มน้อยๆเผยโทสะให้เห็นชัด นางเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนเกาะ รวมถึงการมาถึงของตี้จิ่ว มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บทันที
สุดท้ายนางยังกล่าวด้วยน้ำเสียงสลดใจ “ตอนนี้พวกเรามิรู้ด้วยซ้ำว่าพี่สาวเค่อเอ๋อยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ พี่สาวเฉวี่ยไน่ท่านต้องช่วยพวกเรานะ!!”
“เกือบปีที่แล้วงั้นเหรอ…”
หานเฉวี่ยไน่พยักหน้ารับ ในใจยังหนักอึ้งไม่น้อย เรื่องราวผ่านมาเกือบปีแล้วตั้งแต่เกิดเหตุ…ไม่ทราบว่าที่เหลือจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อได้ฟังว่าผู้บุกรุกกลับเป็นตี้จิ่ว มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ หานเฉวี่ยไน่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกลำบาก
ตี้จิ่วนั้น ต่อให้นางที่เป็นคุณหนูใหญ่แห่งคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานยังรู้สึกรับมือไม่ได้ เพราะนางรู้ดีว่ามันคือ 1 ใน 2 มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บแห่งเผ่าพันธุ์มังกร!
หากเป็นตี้จิ่วคนเดียวก็ไม่เป็นไร
แต่ปัญหาคือเบื้องหลังตี้จิ่วนั่น…คือเผ่าพันธุ์มังกรทั้งเผ่าพันธุ์ ยังทรงพลังยิ่งกว่าตี้จิ่วเสียอีก!
“พี่หญิงเฟยเอ๋อท่านสบายใจได้ ท่านเพียงดูแลลูกน้อยในท้องให้ดีและคอยอยู่ที่นี่ ปล่อยให้พวกข้าจัดการเรื่องนี้เอง…พวกท่านเองก็เหน็ดเหนื่อยมามากกับการเดินทาง ตอนนี้ไปพักผ่อนก่อนเถิด”
หานเฉวี่ยไน่กล่าวกับลี่เฟย ค่อยหันไปมองชิงหนู
ชิงหนูไม่รอให้หานเฉวี่ยไน่สั่งอะไร นางก็สะบัดมืออีกครานำพาร่างลี่เฟยกับเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 ไปยังที่พักทันที โดยไม่มีเวลาให้ลี่เฟยกล่าวอะไรเพิ่มเติม
“ตี้จิ่ว มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บแห่งเผ่าพันธุ์มังกร…ข้ากลัวว่ากระทั่งท่านพ่อยังยากจะแทรกแซงเรื่องนี้…ข้าทำได้แค่ไปหาท่านอาจารย์และให้ท่านอาจารย์ออกหน้าสักครั้ง!”
หานเฉวี่ยไน่กล่าวพึมพำ ในใจปั่นป่วนวุ่นวาย มือกำแน่นขึ้น
“คราวนี้ถึงท่านอาจารย์จะปิดด่านบ่มเพาะอยู่ข้าก็ต้องพบท่านให้ได้…เรื่องนี้เกี่ยวพันกับชีวิตพี่หญิงเค่อเอ๋อ ดังนั้นข้าไม่ยอมให้เกิดเรื่องเด็ดขาด! ข้าเสียพี่ใหญ่หลิงเทียนไปคนแล้ว ไม่ว่าอันใดข้ามิอาจยอมแพ้เรื่องพี่หญิงเค่อเอ๋อได้…หาไม่แล้ววันหน้าหากข้าเจอพี่ใหญ่ข้าจะกล่าวกับพี่ใหญ่อย่างไร…”
ในวาจาของหานเฉวี่ยไน่คล้ายมั่นใจแล้วว่าต้วนหลิงเทียนยังปลอดภัยดีอยู่
เหตุผลที่นางมั่นใจเรื่องนี้ก็เพราะอาจารย์ของนาง
เมื่อตัดสินใจได้หานเฉวี่ยไน่ก็ออกจากคฤหาสน์ใหญ่โตของสกุลหาน เหินร่างขึ้นฟ้ามุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของหุบเขาแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของคฤหาสน์สกุลหาน
อาจารย์ของนางบ่มเพาะอยู่ที่นั่น!