กลับมาพบกันอีกครั้ง
ร่างหว่างเดินทางกลับสำนักจันทร์จรัสแสงที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งขุ่นมัวนัก
ตอนนี้ใจเขาได้แต่คิดถึงและกังวลเกี่ยวกับคู่หมั้นทั้ง 2 ตลอดเวลา
เค่อเอ๋อนั้นเขาพอวางใจได้บ้าง ว่านางสมควรปลอดภัยดี
ด้านลี่เฟยนั้นแม้เขาจะรู้แล้วว่าเป็นเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 กำลังพากลับไปยังบ้านของหานเฉวี่ยไน่ แต่ระหว่างการเดินทางก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอันตรายใดๆ ยังเป็นอันตรายที่ยากรับมือเสียอีก
จึงทำให้เขายิ่งเป็นกังวลนัก
ด้วยเหตุนี้ระหว่างการเดินทาง ต้วนหลิงเทียนจึงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะอ่านเคล็ดความของยอดใจกระบี่
อย่างไรก้ตามแม้จะไม่ได้อ่านเคล็ดบำเพ็ญจิตใจอย่างยอดใจกระบี่ แต่ยอดใจกระบี่ของต้วนหลิงเทียนก็บรรลุขั้นแรกเรียบร้อยแล้ว
การที่เขานั่งนิ่งไปครึ่งปีไม่ได้เสียเปล่า!
สำหรับกระบี่ที่เขาลุกขึ้นมาร่ายรำ จากเรียบง่ายสู่ซับซ้อนระทั่งหวนกลับมาเรียบง่าย ดั่งสูงสุดหวนคืนสู่สามัญนั้น เป็นขั้นแรกของยอดใจกระบี่
ขั้นแรกของยอดใจกระบี่ยังเรียกอีกอย่างได้ว่า สัมผัสใจกระบี่
ถึงแม้มันจะเป็นเพียงขั้นแรกของยอดใจกระบี่ ทว่าพลังอำนาจของมันกลับก้าวข้ามดาวตกพิฆาต ที่ต้วนหลิงเทียนบรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิไปแล้วเสียอีก…แน่นอนว่าต้องเป็นการใช้ดาวตกพิฆาตโดยไม่พึ่งพาอาคมเซียน
กลาวอีกอย่างได้ว่า เพียงแค่ขั้นแรกของยอดใจกระบี่ พลังอำนาจของมันก็เหนือล้ำไปกว่าวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นเสียแล้ว!
ด้วยพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ยกเว้นครึ่งก้าวเซียนอันเป็นชนชั้นสุดยอดฝีมือที่มีไม่กี่คนในสำนัก เขามั่นใจว่าสามารถเอาชนะครึ่งก้าวเซียนทั่วไป กระทั่งสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ทั้งหลายได้ง่ายดาย กล่าวได้ว่าต่ำกว่าเซียนเกิน 9 ส่วนต้วนหลิงเทียนไม่หวั่นหวาด
ด้วยพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ทำให้การเดินทางราบรื่นนัก เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆไม่พบพานอันตรายใดๆเลย
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็นำพาเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆมาถึงสำนักจันทร์จรัสแสง
เวลานี้ต้วนหลิงเทียนนับว่าเป็นผู้มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในสำนักจันทร์จรัสแสงแล้วอย่างแท้จริง
ดังนั้นหลังจากที่เขามาถึงสำนัก ตั้งแต่ประตูหน้าก็มีผู้คนรุดมาเคารพทักทายเขาด้วยความสุภาพ ในแววตาของทั้งหมดยังแฝงความนับถือเลื่อมไสให้เห็นชัด
กระทั่งเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆเองก็ไม่ถูกใครตรวจสอบความเป็นมาอะไร
ล้อกันเล่นหรือ!
ศิษย์พี่ต้วนผู้นี้ไม่เพียงแต่เป็นสุดยอดฝีมือรุ่นเยาว์ของพวกมัน ยังเป็นศิษย์น้องของอาวุโสฝ่ายในอย่างป๋ายลี่หง ยังจะมีใครกล้าขวางทางตรวจสอบอะไรคนของเขา?
“เฮ่ เจ้าต้วนดูเหมือนศิษย์ในสำนักจะนับถือเจ้าไม่น้อยเลยนี่”
เฉินเฉ่าช่วยอดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยความประหลาดใจ
คนอื่นๆเองก็ประหลาดใจไม่มากก็น้อยไม่ต่าง
ตอนนี้พวกมันยังพบว่าความเคารพนับถือจากเหล่าศิษย์เฝ้าประตูของสำนักจันทร์จรัสแสงยังมาจากใจ!
โดยเฉพาะแววตาที่ทั้งหลายใช้มองต้วนหลิงเทียน นั่นคือแววตาที่ใช้มองผู้แข็งแกร่งที่พวกมันเลื่อมไสคิดเอาเป็นแบบอย่าง
ทุกคนที่มากับต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะอยากรู้นัก ว่าเวลาแค่ 3 ปีต้วนหลิงเทียนทำอะไรไปบ้างไฉนถึงมีชื่อเสียงและเป็นที่นับหน้าถือตาได้ขนาดนี้
หากพวกมันรู้ว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งเข้าสำนักมาได้ปีเดียว ไม่ทราบจะออกอาการอย่างไร
“ศิษย์พี่ต้วน!”
“คารวะศิษย์พี่ต้วน”
“ศิษย์พี่หลิงเทียนท่านสบาย”
……
ระหว่างทางยิ่งมาก็ยิ่งได้ยินคำทักทายมากขึ้นเรื่อยๆ เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆจึงอดไม่ได้ที่จะตกใจแล้ว!
เพราะตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนนำทั้งหมดเข้าประตูมาจนเดินมาถึงลานฝ่ายนอก ทุกคนที่เห็นต่างเร่งมาทักทายต้วนหลิงเทียนด้วยความนับถือ กระทั่งยังหันมามองพยักหน้าทักทายพวกมันอย่างดีเช่นกัน
เนื่องจากตอนนี้อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ จึงไม่ได้ยิ้มพยักหน้ากลับ เพียงพยักหน้ารับคำทักทายอย่างเฉยเมยหน้านิ่งเท่านั้น
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็พาเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆเข้าสู่สายใน มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของป๋ายลี่หง
ด้วยคำขอของต้วนหลิงเทียน ข้ารับใช้ในคฤหาสน์ก็เร่งไปตระเตรียมที่พักให้เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆทันที…ส่วนต้วนหลิงเทียนนั้นไปพบป๋ายลี่หงก่อนอื่นใด ส่วนที่เหลือก็ให้รอคอยที่ห้องโถงหลัก
“อ้าว ศิษย์น้องไฉนเจ้ากลับมาเร็วนักเล่า?”
เห็นต้วนหลิงเทียนกลับมาเร็ว ป๋ายลี่หงอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
ไม่ใช่ว่าศิษย์น้องของมันกลับไปพบหน้าภรรยาทั้ง 2 ที่ไม่เจอกันนานหรือไร?
“น้องสะใภ้ทั้ง 2 ของข้าเล่า จริงสิแล้วหลานชายของข้าลืมตาดูโลกแล้วหรือไม่ ให้ศิษย์พี่ผู้นี้ไปรับขวัญหลานเร็วๆ!”
ป๋ายลี่หงกล่าวถามด้วยความคาดหวัง
“ศิษย์พี่…”
เมื่อได้ยินการถามถึงคู่หมั้นทั้ง 2 จากป๋ายลี่หง ต้วนหลิงเทียนที่พยายามควบคุมอารมณ์เต็มที่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะชักสีหน้าปวดปร่า ท่าทางยังอัดอั้นใจไม่น้อย
“ข้ากลัวว่าจะทำให้ท่านผิดหวังแล้ว…”
สูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่งเพื่อครองสติ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวตอบป๋ายลี่หงไปเสียงเหนื่อย
“เกิดอันใดขึ้น? มีอะไรผิดพลาดงั้นเหรอ!?”
หลังจากพบว่าสีหน้าต้วนหลิงเทียนไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่ หน้าป๋ายลี่หงก็เปลี่ยนไปทันใด เร่งกล่าวถามออกไปเสียงกังวล
เมื่อเห็นป๋ายลี่หงชักสีหน้ากังวลเต็มไปด้วยความห่วงใยถามมา ใจต้วนหลิงเทียนพอได้อบอุ่นขึ้นบ้าง เขาเริ่มอธิบายเรื่องราวตั้งแต่ต้นอย่างละเอียดให้ป๋ายลี่หงทราบทันที
“มะ..มังกร? ยังเป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ!?”
หลังจากที่ได้รับทราบเรื่องราวว่าที่แท้แม่น้ำลึกเพียงใด ป๋ายลี่หงก็ถึงกับชักสีหน้าเคร่งเครียดทันที
ความรู้เกี่ยวกับ ‘มังกร’ ของมันทั้งหมด เพียงได้รับมาจากบันทึกเท่านั้น!
ทว่าถึงแม้จะเป็นแค่ในบันทึก ป๋ายลี่หงก็รู้ว่าเผ่าพันธุ์มังกรคือมหาอำนาจอันน่ากลัวในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า! มีน้อยขุมพลังนักที่หาญกล้าท้าทายเผ่าพันธุ์มังกร!!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับทราบถึงพลังฝีมือของตี้จิ่ว ป๋ายลี่หงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นไร้พลัง และตระหนักได้ว่าตัวเองอ่อนแอเพียงใด
จากที่ต้วนหลิงเทียนเล่ามา น่ากลัวพลังฝีมือของตี้จิ่วจะเหนือล้ำกว่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนในสำนักที่มีไม่กี่คนไปไกล!
นอกจากนี้ป๋ายลี่หงยังได้รับทราบเรื่องราวของ ‘ชือเม่ย’ เช่นกัน
“ศิษย์น้องในเมื่อชือเม่ยนั่นเป็นพี่สาวฝาแฝดของน้องสะใภ้ อีกทั้งนางยังเป็นห่วงเป็นใยน้องสะใภ้เช่นนี้ ก็ยากที่น้องสะใภ้จะมีเรื่องร้ายๆใดแล้ว…ทว่าเรื่องนิกายบูชาไฟนั้น ข้าที่อยู่มาค่อนชีวิตกลับมิเคยได้ยินมาก่อนเลย”
ป๋ายลี่หงกล่าวปลอบต้วนหลิงเทียน แต่วาจาท้ายประโยคนั้นมันอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า
“สำหรับน้องสะใภ้อีกคนกับสหายตัวน้อยที่เจ้าเล่า ในเมื่อนางอุ้มท้องลูกเจ้าอยู่ เช่นนั้นสมควรได้รับพรและวาสนาของเจ้าไปไม่น้อย…เจ้ามิต้องกังวลให้มากนักหรอก”
ป๋ายลี่หงกล่าวออกมาอีกรอบ
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนรับฟังและสีหน้าดีขึ้น ป่ายลี่หงก็เร่งตีเหล็กตอนร้อน กล่าวปลอบโยนให้ต้วนหลิงเทียนวางใจทันที
ต้องกล่าวว่าป๋ายลี่หงสมแล้วที่อยู่มานาน มันสามารถกล่าวปลอบให้ต้วนหลิงเทียนสงบจิตสงบใจและอาการดีขึ้นได้จริงๆ
“จริงสิศิษย์พี่ คราวนี้ข้าพาผู้อาวุโสของข้ารวมถึงสหายมาด้วย”
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็กล่าวบอกป๋ายลี่หงเรื่องเฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆ
สีหน้าป๋ายลี่หงกลายเป็นสดใสขึ้นมาทันที “ให้ทั้งหมดพักอยู่ที่นี่อย่างสบายใจได้เลย เรือนที่ว่างยังมีมากมายนัก ในเมื่อทั้งหมดเป็นอาวุโสและหสายของเจ้า ทั้งหมดก็นับเป็นสหายของข้าป๋ายลี่หงเช่นกัน!”
“ขอบคุณท่านศิษย์พี่”
ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวขอบคุณทันที
“ศิษย์น้อง เจ้าเอาอีกแล้ว…”
ป๋ายลี่หงเงยหน้าขึ้นมากล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจอยู่บ้าง
“อ่า ข้าลืมไป เอาล่ะศิษย์พี่ครั้งหน้าหากมีอะไรที่ข้าให้ท่านช่วยได้ข้าจะไม่ขอบคุณท่านแบบนี้อีกแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มเจื่อนๆออกมา
“ไป! พาข้าไปพบผู้อาวุโสกับสหายของเจ้าเร็ว”
ป๋ายลี่หงกล่าว “สหายอุตส่าห์มาจากแดนไกลทั้งที ข้าผู้เป็นเจ้าบ้านไหนเลยเป็นตัวไร้มารยาทไม่ออกไปต้อนรับได้”
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็พาป๋ายลี่หงไปพบกับเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆ
ด้านเฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆ พอได้พบหน้าป๋ายลี่หงครั้งแรกก็อึ้งไปไม่น้อย
ถึงแม้พวกมันจะเคยได้ยินมาแล้วว่าต้วนหลิงเทียนที่ศิษย์พี่ในสำนักจันทร์จรัสแสง อีกทั้งฐานะของศิษย์ในสำนักยังไม่ต่ำทราม…แต่พวกมันล้วนคิดว่าศิษย์พี่ของต้วนหลิงเทียน คงเป็นศิษย์อัจฉริยะ หรือลูกชายระดับสูงในสำนักจันทร์จรัสแสงอะไรแบบนั้น
พวกมันไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าจะเป็นชายชราผมสีดอกเลาแบบนี้ไปได้
นอกจากนี้ชายชราผู้นี้เพียงแรกพบพวกมันก็สัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดา!
“ทุกท่าน ในเมื่อพวกท่านเป็นอาวุโสและสหายของศิษย์น้องข้า แน่นอนว่าทั้งหมดล้วนเป็นสหายของข้าป๋ายลี่หง…จากวันนี้ไปทุกคนอยู่ที่นี่ให้สบายเถอะ ข้าจะไปรับป้ายประจำตัวศิษย์ฝ่ายในมาให้ทุกคนในวันพรุ่งนี้ ต่อไปทั้งหมดล้วนเป็นคนของสำนักจันทร์จรัสแสง”
ป๋ายลี่หงกล่าวกับเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆด้วยรอยยิ้ม
ศิษย์ฝ่ายใน?
ถึงแม้จะรับทราบมาแล้วว่าฐานะป๋ายลี่หงไม่ธรรมดา แต่พอได้ยินวาจาของป๋ายลี่หง เฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆถึงกับใบ้กิน
เข้ามาสำนักจันทร์จรัสแสงไม่ทันไร พวกมันก็ได้รับฐานะศิษย์ฝ่ายในเลยหรือ?
เรื่องภายในสำนักจันทร์จรัสแสงนั้น ทั้งหมดรับทราบมาจากต้วนหลิงเทียนคร่าวๆแล้ว จึงรู้ดีว่าฐานะศิษย์ฝ่ายในมีความหมายอย่างไร
กระทั่งศิษย์ฝ่ายในที่อ่อนด้อยที่สุด อย่างน้อยๆก็ต้องอยู่ในขอบเขตสู่เซียนขั้นต้น! และศิษย์ฝ่ายนอกนั้นส่วนมากก็อยู่ในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญหรือขั้นสมบูรณ์แบบ!
พวกมันที่ไม่แม้แต่จะบรรลุถึงหลุดพ้นมนุษย์ ปกติคงไม่มีแม้แต่โอกาสจะเข้าสำนักจันทร์จรัสแสงด้วยซ้ำ!
“ศิษย์พี่ของเจ้าต้วนคนนี้…คงมิใช่เจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงหรอกนะ”
เฉินเฉ่าช่วยมองหนานกงยี่ค่อยส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดชวนคุยทันที
“แม้เขาจักมิได้เป็นเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสง แต่เกรงว่าฐานะคงมิได้ต่ำต้อยแน่แท้…หาไม่แล้วจะมีอำนาจขนาดนี้ได้อย่างไร?”
หนานกงยี่ที่ยืนอึ้งเป็นไก่ตาแตกพอได้ยินเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดของเฉินเฉ่าช่วย ก็ส่งเสียงตอบกลับทันที
ในขณะที่เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆ ยังตะลึงกับวาจาของป๋ายลี่หงไม่หาย ด้านป๋ายลี่หงก็สะบัดมือเรียกหินเซียนออกมามากมาย
“หินเซียนระดับ 6 เหล่านี้ถือเป็น ‘ของขวัญแรกพบ’ เถอะ…นอกจากนี้ข้าจักนำบัตรแก้วให้พวกเจ้าทุกคนในวันพรุ่งนี้ และข้าจักแบ่งคะแนนอุทิศให้พวกเจ้านำไปแลกหาวรยุทธ์เซียน และโอสถเซียนบ่มเพาะทั้งหลาย “
“ส่วนศาสตราเซียนเดี๋ยวข้าจะจัดการให้ทุกคนด้วยตัวข้าเอง”
ป๋ายลี่หงยิ้มกล่าว
เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆที่ได้ยิน ก็เร่งประสานมือขอบคุณป๋ายลี่หงทันที
แน่นอนว่าพวกมันไม่ได้รู้เลยว่าของขวัญที่ป๋ายลี่หงจะมอบให้นั้นสำคัญขนาดไหนในสำนักจันทร์จรัสแสง! นับว่ามากพอจะสร้างความอิจฉาให้ครึ่งสำนักจันทร์จรัสแสงเลยก็ว่าได้!!
ศาสตราเซียนที่ป่ายลี่หงคิดจัดให้เป็นการส่วนตัว แน่นอนว่าต้องจารึกอาคมเซียนที่เหมาะสมสำหรับทุกคน
เมื่อใช้ศาสตราเซียนเช่นนั้น พลังฝีมือทุกคนย่อมก้าวหน้าขึ้นมาก
“เอาล่ะ วันนี้ทุกคนคงเหนื่อยกับการเดินทางไม่น้อย เช่นนั้นข้าไม่คิดรบกวนเวลาพักผ่อนแล้ว”
หลังจากกล่าวอำลาเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆ ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าให้ต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะจากไป
หลังป๋ายลี่หงจากไปแล้ว เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆก็หันมองต้วนหลิงเทียนทันที เป็นเฟิ่งหวู่เต้าที่กล่าวถามออกมาคนแรก “เจ้าหนูหลิงเทียนศิษย์พี่เจ้าที่แท้เป้นผู้ใดกัน?”
“ต้วนหลิงเทียน…อย่าได้บอกข้านะว่าศิษย์พี่ของเจ้าเป็นเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสง”
เฉินเฉ่าช่วยยังอดถามออกมาไม่ได้
“ศิษย์พี่ของข้าเป็นอาวุโสฝ่ายในของสำนักจันทร์จรัสแสง…แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ฐานะของศิษย์พี่ข้าในสำนักจันทร์จรัสแสงพิเศษนัก กระทั่งเจ้าสำนักยังไม่กล้าละเลยยามพบเขา”
เมื่อเห็นความตกใจใคร่รู้ของทุกคน ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวคำอธิบายออกมาให้รับทราบ