เสียงเพรียกหาของกระบี่นิลสวรรค์!
“สำหรับเหตุผลนั้นเป็นอะไรที่ข้ายากจะอธิบาย…เอาไว้พอทุกคนอยู่สำนักจันทร์จรัสแสงไปสักพักจะรับทราบเอง”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอีกครั้ง
เมื่อรำลึกถึงการพบกัน ทั้งของขวัญแรกพบที่ป๋ายลี่หงมอบให้ ใจต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตื้นตัน
ศิษย์พี่นั้นจัดการทุกอย่างให้เขาเรียบร้อย
เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆที่มาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือทรัพยากรบ่มเพาะ! และศิษย์พี่เขาก็นับว่าแก้ปัญหานี้ได้อย่างดี!!
“ลุงเฟิ่ง ครู…วันนี้พวกท่านพักผ่อนกันก่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องที่ต้องทำกันอีกมาก”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกเฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆอีกสักพัก ก็ลาจากไป
แม้เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆจะมองต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัย แต่ต้วนหลิงเทียนก็อำลาจากไปทั้งอย่างนั้น
“ต้วนหลิงเทียนบอกว่าพรุ่งนี้มีอะไรต้องทำอีกมาก…”
“นั่นสิ! แล้วมันอะไรเล่า เจ้าต้วนยังชอบทำให้เรื่องมันลึกลับอยู่เรื่อย บ้าจริง!”
……
เฉินเฉ่าช่วยกับหนานกงยี่กล่าวออกมาอย่างจนปัญญา
เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆสุดท้ายก็กลับไปพักผ่อนตามห้องหับที่จัดไว้ หลังจากหลับสนิทไปเต็มตื่นคืนหนึ่ง ตื่นมาก็เข้าใจความหมายของต้วนหลิงเทียน
นอกจากจะมอบป้ายประจำตัวบอกฐานะศิษย์ฝ่ายในแล้ว ป๋ายลี่หงยังมอบบัตรแก้วพร้อมคะแนนอุทิศมาให้อีกด้วย
นอกจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็พาทั้งหมดไปยังศาลาอุทิศของสำนักจันทร์จรัสแสง และบอกวิธีหยิบยืมวรยุทธ์เซียนและการซื้อหาโอสถบ่มเพาะ นอกจากนั้นเขายังจัดโอสถเซียนที่มีผลในการชำระชีพจร รวมถึงป้ายหยกที่บอกเรื่องราวต่างๆในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ามาให้ด้วยตัวเอง
ในตอนนี้เองที่ทุกคนตระหนักได้ว่าคะแนนอุทิศในบัตรแก้วนั้นมีความหมายอย่างไร
ที่แท้มันคือ ‘สกุลเงิน’ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสำนักจันทร์จรัสแสง!
นอกจากนั้นหลังจากจ่ายคะแนนอุทิศยืมป้ายเซียนมาร่ำเรียนยุทธ์เซียนแล้ว ทั้งหมดก็ตระหนักได้ว่าวิชายุทธ์ที่ฝึกฝนกันมาจากทวีปเมฆาล่อง..มันแทบไม่ต่างอะไรจากขยะเมื่อเทียบกับวรยุทธ์เซียนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!
หลังจากได้ลิ้มรสความหอมหวานและผลอันเลิศล้ำของโอสถเซียน ทั้งหลายก็คล้ายคนติดยาทันที!
ตอนนี้ทั้งหมดยังตระหนักได้ว่าที่แท้ก่อนหน้านี้พวกมันเป็น กบก้นบ่อ ที่ไม่รู้เรื่องราวในโลกมากขนาดไหน
ไม่กี่วันหลังจากนั้นเฟิ่งหวู่เต้าและทั้งหมดก็ค่อยได้ทราบถึงตัวตนของป๋ายลี่หง และนั่นทำให้พวกมันตกใจกันไม่น้อย
ปรมาจารย์เซียนจารึกระดับ 3 ดาว!
ศิษย์พี่ของต้วนหลิงเทียนผู้นี้ ที่แท้เป็นถึงปรมาจารย์เซียนจารึกระดับ 3 ดาว!
ต้องทราบด้วยว่าหลังมาถึงสำนักจันทร์จรัสแสง พวกมันได้รับทราบเรื่องราวของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจากป้ายหยกที่จ่ายคะแนนอุทิศซื้อมาแล้ว
พวกมันรับรู้ว่าในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ นอกเหนือจากผู้ฝึกยุทธ์ก็มีผู้ฝึกเต๋าด้วย!
ในบรรดาผู้ฝึกยุทธ์มีตัวตนพิเศษที่เรียกว่าปรมาจารย์จารึกเซียน…
และในบรรดาผู้ฝึกเต๋าก็มีตัวตนพิเศษที่เรียกว่า ปรมาจารย์ยันต์เต๋า!
อีกทั้งภายในเขตปกครอง 9 พันธมิตรแห่งนี้ ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว ก็คือปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสูงสุด และป๋ายลี่หงเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนเพียงหนึ่งเดียวของสำนักจันทร์จรัสแสง!
ว่ายตามองทั้ง 9 พันะมิตร มีปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวอยู่แค่ 2 คนเท่านั้น! ด้วยเหตุนี้ปรมาจารย์จารึกเซียนทั้ง 2 จึงนับเป็นตัวตนที่พิเศษนักใน 9 พันธมิตร!!
ดังนั้นพอมันรับทราบว่าป๋ายลี่หงเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาว และยังเป็นคนเดียวในสำนักจันทร์จรัสแสงพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะยำเกรง
มาตอนนี้พวกมันถึงได้เข้าใจคำที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวไว้ก่อนหน้า…
“เจ้าต้วนนี่มันจะเหลือเชื่อไปไหน…เจ้านั่นมาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้กี่ปีกัน? แต่กลับมีตัวตนระดับอาวุโสป๋ายลี่หนุนหลังแล้ว? ยังทะลึ่งเป็นถึงศิษย์น้องของอาวุโสป๋ายลี่อีก! ให้ตายเถอะ!!”
หนานกงยี่กล่าวออกมาด้วยความเหลือเชื่อ
และวาจานี้ของมันยังพาลให้คนอื่นคล้อยตามไม่น้อย
กระทั่งฉงเฉวียนที่มั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนมาโดยตลอด ก็ตกใจไม่น้อยหลังได้รับทราบตัวตนของป๋ายลี่หง
มันไม่คิดเลยว่านายน้อยของมันมาดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้แค่ 3 ปี กลับประสบความสำเร็จมากมายขนาดนี้
“สมแล้วที่เป็นนายน้อยของข้าฉงเฉวียน!”
ใจฉงเฉวียนเต็มไปด้วยความภาคภูมินัก
ในขณะที่เฟิ่งหวู่เต้ารับทราบถึงฐานะป๋ายลี่หง ขณะเดียวกันคนในสำนักจันทร์จรัสแสงก็ได้รับทราบฐานะของเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆเช่นกัน
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาศิษย์ฝ่ายนอกทั้งศิษย์ฝ่ายใน 8-9 ส่วนล้วนสนทนากันถึงเรื่องนี้
นั่นเพราะทั้งหมดโดดเด่นเกินไป!
แน่นอนว่าไม่เหมือนกับความโดดเด่นที่ต้วนหลิงเทียนเคยกระทำไว้ เพราะต้วนหลิงเทียนสร้างทุกสิ่งมาด้วยพลังฝีมือ
ทว่าเฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆนั้น โดดเด่นเพราะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากป๋ายลี่หง
ดังนั้นหลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะลอบดูแคลนเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆในใจ เพราะพวกเฟิ่งหวู่เต้าเสมือนลักลอบเข้าประตูหลังมาก็ไม่ปาน ไม่ทันไรก็ได้กลายเป็นศิษย์ฝ่ายในทันที! นี่สร้างความอิจฉาให้ศิษย์ฝ่ายนอกทั้งศิษย์ฝ่ายในที่พยายามอย่างหนักมากมาย!!
ไม่กี่วันหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงสำนัก หลิวฮ่วนที่ออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ ก็ได้รับรู้เรื่องราวการกลับมาเช่นกัน
“มันยังไม่ตายๆไปอีก!”
ใบหน้าหลิวฮ่วนบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก สิ่งที่มันหวาดกลัวที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว
จ้าวเฟิงไม่ได้ฆ่าต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะถูกยอดฝีมือที่ไหนไม่รู้ฆ่าตาย…
“ต้วนหลิงเทียน…ข้าไม่คิดเลยว่าชะตาเจ้าจะแข็งกล้าตายยากตายเย็นขนาดนี้…เว้นเสียแต่เจ้าจะหดหัวอยู่แต่ในสำนัก หาไม่แล้วข้าหลิวฮ่วนจะให้เจ้าได้ตายอนาถ!”
ลูกตาหลิวฮ่วนฉายแสงเย็นจ้า ยังขบฟันกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟันอำมหิต
ความเกลียดชังคับแค้นที่มันมีต่อต้วนหลิงเทียนนั้น ไม่ต่างจากความแค้นที่มีต่อศัตรูฆ่าบิดาถล่มมารดาและจับน้องสาวไปขายหอนางโลมแม้แต่น้อย…
เป็นธรรมชาติที่ต้วนหลิงเทียนจะไม่ล่วงรู้เรื่องนี้ เพราะตอนนี้เขานั่งนิ่งจมอยู่ในห้วงคิดมาเนิ่นนาน ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนแม้แต่น้อย
ด้วยมีป๋ายลี่หงคอยเป็นธุระจัดการเรื่องราว เขาจึงวางใจในทุกสิ่ง
อย่างไรก็ตามสุดท้ายเขาก็ยังไม่อาจคลายกังวลในใจได้
หลังจากนั่งคิดอยู่ในห้อง 2 คืนเต็มๆ ต้วนหลิงเทียนก็ตัดใจได้ “ไร้ประโยชน์! ป่วยการที่ข้าจะครุ่นคิดอะไรให้มากสืบไป…ตอนนี้ที่สำคัญคือเร่งบ่มเพาะพลังฝึกปรือ สักวันข้าจะได้มีพลังพอพาเค่อเอ๋อกลับมา!”
กระทั่งตี้จิ่วอันเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บยังไม่รู้จักนิกายบูชาไฟ
อย่างไรก็ตามจากพลังฝีมือที่ชือเม่ยใช้จัดการตี้จิ่วนั้น เห็นได้ชัดว่านิกายบูชาไฟไม่ใช่ขุมพลังสามัญ!
ตอนนี้ในเมื่อชือเม่ยพาตัวเค่อเอ๋อไป ในอนาคตเขาก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับนิกายบูชาไฟ…หากคิดพาเค่อเอ๋อกลับมา! เมื่อถึงตอนนั้นถ้าพลังฝีมือเขาไม่ถึงขั้น น่ากลัวจะได้ตายก่อนเห็นหน้าเค่อเอ๋อ!!
“สำหรับเสี่ยวเฟยเอ๋อ…”
พอคิดถึงลี่เฟยต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกังวล “ด้วยความเฉลียวฉลาดของเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 สมควรไร้อุบัติเหตุใดๆในการเดินทางกลับบ้านของเฉวี่ยไน่…หวังว่าระหว่างเดินทางจะไม่เจอปัญหาอะไรจริงๆ”
ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ทราบว่า ในระหว่างการเดินทางไปยังคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานของทั้ง 4 ต่างพบพานอุบัติเหตุไม่น้อย
โชคดีที่ที่สุดท้ายเรื่องร้ายๆกลับกลายเป็นวาสนา
หาไม่แล้วน่ากลัวว่าต้วนหลิงเทียนคงไม่อาจได้เห็นหน้าลี่เฟยรวมถึงเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 อีกในชีวิตนี้
เมื่อตระหนักได้ว่าไม่ควรมามัวเสียเวลาจมจ่อมกับเรื่องที่ยากจะแก้ไข ต้วนหลิงเทียนจึงเข้าไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ
หลังจากที่เข้ามาในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ผู้เฒ่าหั่วก็ทักเขาทันที “เจ้ามิต้องกังวล คนของเจ้ายังปลอดภัยดี”
“หืม?”
เมื่อได้ยินวาจานี้จากผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเค่อเอ๋อกับลี่เฟยขึ้นมา ยังมองผู้เฒ่าหั่วด้วยความตกตะลึง
“ผู้เฒ่าหั่วท่านรู้ได้อย่างไร?”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังไม่คล้ายล้อเล่นของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนก็เร่งถามกลับไปทันที
“เจ้าอย่าได้ลืม ‘ต้นกำเนิด’ ของข้า…ถึงแม้ข้าจักมิได้ชำนาญเวทย์เต๋าสายอ่านลิขิตชะตาอันใด…แต่ข้าก็เคยพบพานมาไม่น้อย เช่นนั้นกับอีแค่เรื่องวาสนาหรือลางมรณะอันใดสำหรับผู้ที่ใกล้ชิดกับเจ้า ข้ายังพอสัมผัสได้”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าว
“ผู้เฒ่าหั่ว…ท่านไม่ได้ล้อข้าเล่นหรอกนะ!?”
ได้ยินวาจานี้ของผู้เฒ่าหั่วใจต้วนหลิงเทียนย่อมยินดีทันใด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าใช่ผู้เฒ่าหั่วแค่อยากปลอบใจเขาหรือไม่?
“ข้าเคยล้อเล่นกับเจ้าหรือ?”
ผู้เฒ่าหั่วย้อนถาม
“ผู้เฒ่าหั่ว ในเมื่อท่านรู้แต่แรกทำไมไม่รีบบอกข้าเล่า!? ให้ข้านั่งเป็นตัวโง่งมกังวลจนพูดคนเดียวเหมือนคนบ้า 2 วัน 2 คืนติดๆแบบนี้”
แม้จะดีใจไม่น้อยที่เค่อเอ๋อกับลี่เฟยปลอดภัยดีอยู่ แต่ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มถามด้วยความขื่นขม
“ก็มันนับว่ายากนักที่ข้าจะได้เห็นเจ้าจมจ่อมอยู่ในห้วงทุกข์จนประสาทกินแบบนี้…อันที่จริงข้าอยากเห็นเจ้าซึมไปแบบนี้อีกสัก 2-3 วันด้วยซ้ำ…จักได้เคี่ยวกรำจิตใจเสียหน่อย”
คำนี้ของผู้เฒ่าหั่วแทบทำให้ต้วนหลิงเทียนกระอักเลือดแล้วจริงๆ ‘บ้าจริง! ทำไมข้าไม่เคยเห็นมุมนี้ของผู้เฒ่าหั่วมาก่อนนะ…’
“หืม?!”
ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกใจสั่นเต้นไปไม่เป็นจังหวะ คล้ายมีบางสิ่งกำลังร้องเรียกหาเขา
กล่าวให้ชัดมันกำลังเรียกหาใจเขา…
ท่าทางที่ผิดแปลกไปของต้วนหลิงเทียนทำให้ผู้เฒ่าหั่วสงสัยทันที
หลังจากนั้นภายใต้สายตาสงสัยของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนก็เดินขึ้นไปยังชั้น 2 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอย่างเหม่อลอย คล้ายไม่เป็นตัวของตัวเอง…
จังหวะนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผู้เฒ่าหั่วอดที่จะติดตามไปดูเสียไม่ได้
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกใจเต้นไปไม่เป็นจังหวะ ยังหวิวๆไปอย่างบอกไม่ถูก
แถมเขาไม่อาจหักห้ามใจได้…คล้ายถูกบางสิ่งกำลังร่ำร้องเรียกหา! ที่สำคัญเขาเองก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้เลย!!
ระหว่างเดินขึ้นบันไดไปชั้น 2 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ เขาก็พบว่าใจที่สั่นไหวเต้นไปไม่เป็นจังหวะค่อยๆสงบลง แต่ความรู้สึกที่คล้ายถูกอะไรบางอย่างเพรียกหายิ่งมากลับยิ่งแรงกล้าขึ้นเรื่อยๆ
“ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างในชั้น 2 กำลังร้องเรียกหาข้า…”
ก่อนที่จะถึงชั้น 2 ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวพึมพำออกมาเบาๆ
เขาเองก็ไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ
เพราะเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ!
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็เดินขึ้นมาถึงชั้น 2 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ
และหลังจากที่เขาเดินมาถึงชั้น 2 ของเจดีย์หลงหลิง 7 สมบัติแล้ว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าอะไรที่มันกำลังเรียกหาเขา
“กระบี่นิลสวรรค์!”
สิ่งที่เพรียกหาเขาที่แท้คือยอดสมบัติสวรรค์ กระบี่นิลสวรรค์ ที่วางอยู่บนแท่นศิลาชั้น 2 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอย่างเงียบงันมาโดยตลอด และยังเป็น 1 ใน 6 ยอดสมบัติสวรรค์ที่อยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ!
กระบี่นิลสวรค์ เป็นยอดสมบัติสวรรค์ประจำชั้นที่ 2 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ
ในอดีตตอนที่เขาฟื้นฟูชั้นที่ 2 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้ เขาก็สนใจกระบี่นิลสวรรค์และอยากใช้มันนัก
อนิจจาเขาพบว่ากระบี่นิลสวรรค์กลับหนักเกินไป หนักจนเขาไม่อาจขยับเขยื้อนมันได้ด้วยซ้ำ!
กระทั่งหลังจากที่ทะลวงผ่านมาถึงสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว เขาก็มาลองหยิบกระบี่นิลสวรรคูดูอีกรอบ แต่ผลก็เหมือนเดิม…ไม่อาจขยับได้แม้องคุลี!
ทว่ามาตอนนี้กระบี่นิลสวรรค์กลับเพรียกหาเขา!
ใจต้วนหลิงเทียนคล้ายได้ยินเสียงกู่ร้องจากกระบี่นิลสวรรค์ที่กำลังสั่นพ้องกับใจ!
“เป็นเพราะยอดใจกระบี่งั้นเหรอ?!”
ในขณะที่กำลังสงสัย ในใจต้วนหลิงเทียนพลันมีความคิดนี้ผุดวาบขึ้นมาทันที
ยิ่งคิดมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งมัน่ใจมากขึ้นเท่านั้น!!