บทที่ 166 คำสารภาพ

เจ้าเมืองจูมองไปยังจ้าวลิ่ว

“จ้าวลิ่วเจ้ามีอะไรจะแก้ต่างหรือไม่!”

ตอนนี้จ้าวลิ่วชิงชังในตัวเซี่ยฟางเฟยมาก เขาอยากจะลากสตรีผู้นี้ลงน้ำโคลนไปด้วย เขาจึงพูดขึ้นว่า

“ท่านเจ้าเมือง ข้าลักพาตัวคุณหนูเซี่ยก็จริง แต่เรื่องราวมันซับซ้อนกว่านั้นขอรับ “

จ้าวลิ่วอธิบายให้ศาลฟังว่าตัวเขาเองและเซี่ยฟางเฟยพบกันได้อย่างไร พวกเขาสมรู้ร่วมคิดกันได้อย่างไร วางแผนลักพาตัวกันด้วยวิธีใด โดยที่จ้าวลิ่วอธิบายได้อย่างฉะฉาน

“ไร้สาระ!” เหลยเป้าตาแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาเตะจ้าวลิ่วอย่างรุนแรง

ชายคนนี้พูดพล่ามไร้สาระ! คุณหนูเซี่ยไม่มีทางเป็นแบบนั้นอย่างแน่นอน!

เซี่ยฟางเฟยคือสตรีที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา จะปล่อยให้ไอ้โจรผู้นี้มาใส่ร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร?!

จ้าวลิ่วหวาดกลัวมาก เขาคุดคู้ไปอยู่มุมหนึ่ง แต่หมัดและเท้าของเหลยเป้าก็ยังถาโถมมาที่เขาไม่หยุด ตอนนี้ใบหน้าของเจ้าเมืองจูมืดครึ้มด้วยความโกรธ

“ขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่! จับมันออกไป!”

เจ้าหน้าที่หลายคนรีบวิ่งเข้ามาควบคุมตัวของเหลยเป้าไว้ แม้จะต้องให้แรงคนมากแต่ก็สามารถพาตัวชายหนุ่มออกไปได้ หลังจากนั้นไม่นานบรรยากาศในศาลก็เงียบสงบลง

“จ้าวลิ่วนี่คือคำให้การจากเจ้าฝ่ายเดียว เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”

“คนในเหลาสุราฉางเฟิงคุ้นเคยกับคุณหนูเซี่ยอย่างดี เขาสามารถเป็นพยานได้ขอรับ สำหรับหลักฐานการสมรู้ร่วมคิดของคุณหนูเซี่ย ข้าได้เก็บจดหมายของนางเอาไว้ด้วยขอรับ” จ้าวลิ่วหยิบจดหมายออกมาจากแขนเสื้อของเขา ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะรับมันไปมอบให้แก่เจ้าเมือง

“แม้ว่าข้าน้อยจะลักพาตัวนางไป แต่ก็ได้รับความยินยอมพร้อมใจจากนาง ได้โปรดลดโทษให้ข้าน้อยด้วยเถิดขอรับ” จ้าวลิ่วกล่าว

“เหตุใดคุณหนูเซี่ยจึงสมรู้ร่วมคิดกับเจ้า?” เจ้าเมืองจูถาม

“คุณหนูเซี่ยชอบพอบุรุษผู้หนึ่งอยู่ นางต้องการให้ชายผู้นี้มาเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามขอรับ” จ้าวลิ่วตอบ

“เด็กสาวคนนี้คือคนที่อยู่ข้างกายคุณหนูเซี่ยตลอด นางรู้เรื่องนี้ดี หากท่านไม่เชื่อก็สอบถามนางได้ขอรับ”

เจ้าเมืองจูมองไปที่ตงเสวี่ย

“จริงอย่างที่เขากล่าวหรือไม่?”

“ไม่…เขาใส่ร้ายคุณหนูเจ้าค่ะ!” ตงเสวี่ยส่ายหัว

“หลักฐานทุกอย่างถูกมอบให้ทางการหมดแล้ว หากเจ้ายังโกหกเจ้าหน้าที่ เจ้าจะต้องถูกทำโทษ!” จ้าวลิ่วกล่าว

“ใช่! พูดความจริงออกมาเสีย! มิเช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้าสถานหนัก!” เจ้าเมืองจูกล่าวพร้อมกับทุบค้อนไม้ในมือ

ตงเสวี่ยกลัวแทบสิ้นสติ เด็กสาวเริ่มร้องได้โดยไม่ปริปากพูดอะไร

“ท่านเจ้าเมืองเจ้าคะ! เขาพูดไร้สาระ! ข้าไม่ได้สมคบคิดกับเขา!”

ในตอนนั้นเองเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา เป็นเซี่ยฟางเฟยนั่นเอง และด้านหลังของนางคือนายท่านเซี่ยที่มีสีหน้าบึ้งตึง

หลังจากที่เซี่ยฟางเฟยรอให้เหลยเป้าไปพาตัวโจรกลับมา นางก็ไม่สามารถอยู่อย่างสงบได้ หญิงสาวตื่นตระหนกและสูญเสียการควบคุม นางจึงไปหานายท่านเซี่ย ยืนยันที่จะเดินทางมาที่เหอตงให้ได้

กลายเป็นว่าตอนนี้เรื่องได้ถึงทางการแล้ว และเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก

“ท่านเจ้าเมืองเจ้าคะ จ้าวลิ่วเป็นโจรหน้าไม่อาย เขาประสงค์ร้ายกับข้า พัวพันข้าไม่เลิกรา ข้าเลยดุด่าเขาไป ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาลักพาตัวใช้กำลังบังคับข้า! โชคดีที่ผู้คุ้มกันที่จวนไปช่วยไว้ได้ทันเวลา นายท่าน ท่านต้องให้ความเป็นธรรมแก่ข้านะเจ้าคะ!” เซี่ยฟางเฟยกล่าวพร้อมกับน้ำตาไหล

นางรู้ดีว่าน้ำตาหรืออาวุธร้ายของสตรี หากนางเสแสร้งทำตัวน่าสงสาร ผู้คนย่อมเข้าข้างนางเป็นธรรมดา แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นระหว่างการพิจารณาคดี ทำให้จ้าวลิ่วโมโหเหมือนหมาบ้า

“เซี่ยฟางเฟย! เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไร! เจ้าขอให้ข้าลักพาตัวเจ้า อีกทั้งยังล่อลวงข้าอยู่ค่อนคืน นังผู้หญิงหน้าไม่อาย!” จ้าวลิ่วถ่มน้ำลาย

“จ้าวลิ่ว! เจ้าบังคับและข่มขู่ข้า หากข้าปฏิเสธเจ้าก็จะทำร้ายข้า! อย่ามาทำลายชื่อเสียงของข้านะ เจ้ายังไม่ได้เป็นอะไรกับข้า ความบริสุทธิ์ของหญิงสาวคือสิ่งสำคัญ ข้ายอมตายดีกว่าสมยอมกับเจ้า!”

“เชอะ! ยอมตายดีกว่าหรือ ? ทำอย่างกับว่าคืนนั้นข้าไม่เห็นไฝฝ้าของเจ้าเลยหรือ? นังแพศยาเอ๊ย!”

ทั้งสองพากันโต้เถียงเสียงดังลั่น เจ้าเมืองจูกระแทกค้อนในมือสองสามครั้ง ลานไต่สวนจึงได้เงียบลง

“หยุดเถียงกันเดี๋ยวนี้! ศาลแห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่พวกเจ้าจะมาทะเลาะกัน! ตอนนี้ข้าจะไต่สวนเองว่ามีการสมคมคิดจริงหรือไม่!” เจ้าเมืองจูมองไปที่ตงเสวี่ย

“เจ้าวางยาพิษจ้าวลิ่วจริงหรือ?”

ตงเสวี่ยมืองไปที่เจ้านายของตนเองอย่างขอความช่วยเหลือ

“จ้าวลิ่วสร้างความลำบากให้ข้าหลายครั้ง ตงเสวี่ยย่อมเป็นทุกข์นางจึงทำเช่นนี้เพื่อแก้แค้นให้ข้า เด็กโง่” เซี่ยฟางเฟยรีบพูดทันที

“แต่มันคือการฆ่าคนโดยเจตนา ผู้ต้องหาตงเสวี่ย เจ้าจะสารภาพหรือไม่?” เจ้าเมืองจูถามอย่างเฉียบขาด

ตงเสวี่ยกัดเม้มริมฝีปากของตนก่อนจะมองไปที่เซี่ยฟางเฟย และเห็นนางเมินหน้าไปมองทางอื่น

คุณหนูช่วยชีวิตของนางไว้ แม้ว่าในยามนี้จะต้องสละชีวิต นางก็เต็มใจ

แต่ทว่าเด็กสาวรู้สึกว่าคุณหนูของนางผิดแปลกไปจากเดิมมาก เมื่อก่อนนี้คุณหนูเป็นสตรีที่มีจิตใจดี ไม่คิดร้ายกับผู้อื่น ปฏิบัติกับนางราวกับเป็นน้องสาวของตนเอง…

“ข้ายอมรับผิดเจ้าค่ะ” ตงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

เซี่ยฟางเฟยและจ้าวลิ่วมีข้อแก้ต่างของตัวเอง ดังนั้นตอนนี้จึงมีหลักฐานที่ต้องตรวจสอบ การพิจารณาคดีในวันนี้จึงสิ้นสุดลง และจะมีการไต่สวนอีกครั้งในตอนที่รวบรวมหลักฐานได้มากกว่านี้

เซี่ยฟางเฟยยังไม่อาจจะเบาใจได้ หญิงสาวประมาทจนทิ้งหลักฐานไว้จริง ๆ หากเทียบลายมือในจดหมายก็จะพิสูจน์ได้ว่านางเป็นคนเขียนจดหมายขึ้นมาเอง ดังนั้นเซี่ยฟางเฟยต้องรีบแก้ไขเรื่องนี้ หาไม่จะต้องตกที่นั่งลำบากเป็นแน่

ทั้งหมดนี่เป็นความผิดของคนไม่ได้เรื่องอย่างตงเสวี่ยนั่น! รู้แบบนี้นางลงมือเองไปแล้ว จ้าวลิ่วคงได้หมดลมหายใจไปตั้งแต่เมื่อคืน!

….

ถังหลี่และเว่ยฉิงไม่ได้กลับไปยังเมืองเหย่าสุ่ยในทันที นางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเหล่าเจิ้ง จึงได้ขอร้องให้อีกฝ่ายพานางไปหาตงเสวี่ยในคุก สาวใช้ตัวน้อยเอาแต่ซุกตัวอยู่ในมุมห้องขังร้องไห้ไม่หยุด เห็นได้ชัดว่านางกำลังหวาดกลัวเพียงใด เมื่อเห็นถังหลี่ ตงเสวี่ยมองอีกฝ่ายอย่างหวาดระแวง

“ฆ่าคนโดยเจตนา เจ้ารู้หรือไม่ว่ากฎหมายของต้าโจวมีวิธีลงโทษเช่นไร?” ถังหลี่ถาม

ตงเสวี่ยตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว “เช่นไรหรือ?”

“พยายามฆ่าโบยสามสิบไม้ ทำงานใช้แรงงานอีกหกปี แต่เด็กสาวบอบบางอย่างเจ้าคงไม่มีทางอยู่ถึงหกปี อาจจะแค่หนึ่งหรือสองปีเท่านั้น” ถังหลี่กล่าว

ตอนนี้ตงเสวี่ยเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

นี่คือชะตากรรมของนาง

คุณหนูเป็นแบบนี้ ต่อให้นางไม่ต้องโทษทำงานหนัก แต่เมื่อกลับไปที่จวนเซี่ยในซ่างจริงนายท่านต้องลงโทษนางจนตายแน่

ตงเสวี่ยหวังว่าคุณหนูของนางจะอยู่อย่างสุขสบาย…

“เจ้ารับใช้เซี่ยฟางเฟยมากี่ปีแล้ว?” ถังหลี่ถาม

ตงเสวี่ยกลัวมาก นางต้องการคุยกับใครสักคน นางจึงตอบถังหลี่

“แปดปีแล้ว ตอนที่ข้าอายุห้าขวบหากคุณหนูไม่ช่วยซื้อตัวข้ามา ข้าคงอดตายไปแล้ว”

“คุณหนูของเจ้านิสัยแบบนี้ตั้งแต่แรกหรือ? เจ้าคิดว่านางเปลี่ยนไปบ้างหรือไม่?” ถังหลี่ถามอย่างลังเล

จู่ ๆ ตงเสวี่ยก็เงยหน้ามองไปที่ถังหลี่ ทำให้ถังหลี่รู้ว่านางคิดถูกแล้ว ดูเหมือนว่าเซี่ยฟางเฟยจะไม่ได้กลับชาติมาเกิดตั้งแต่เด็ก แต่เป็นการสวมรอยเข้าไปในร่างคุณหนูเซี่ยแน่นอน

“เดิมทีคุณหนูของเจ้าไม่ได้เป็นเช่นนี้ แต่จู่ ๆ นางก็เปลี่ยนไป มีความคิดหลายอย่างที่ไม่มีใครเข้าใจ นางสามารถทำให้ผู้อื่นประหลาดใจได้ตลอด” ถังหลี่พูดขึ้นมาช้า ๆ ตงเสวี่ยพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว

“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” ตงเสวี่ยงงงวย

“คุณหนูของเจ้าเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อใด?” ถังหลี่ถามกลับ

“เมื่อสองปีที่แล้ว! หลังจากที่คุณหนูตกน้ำ นิสัยของคุณหนูก็เปลี่ยนไปทันที! เดิมทีคุณหนูอ่อนโยนและขี้อาย แต่หลังจากวันนั้นคุณหนูก็เปลี่ยนไป นางมักจะพูดในสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจ ใส่เสื้อผ้าบุรุษ พูดคุยกับเหล่าบัณฑิต และยังต่อโคลงกลอนได้ด้วย…”

การตกลงไปในน้ำคือเรื่องคลาสสิคที่นิยายทะลุมิติจะใช้สินะ แต่หากวิญญาณของผู้หญิงคนนี้มาเข้าร่างคุณหนูเซี่ย แล้วคุณหนูเซี่ยคนเดิมเล่า? ตายไปแล้วหรือถูกยึดร่าง?

ถังหลี่ครุ่นคิดอย่างรอบคอบ

“คุณหนูของเจ้าไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว” ถังหลี่กล่าว

ตงเสวี่ยได้ยินแบบนั้นก็ตกตะลึงทันที

เป็นไปได้อย่างไร?

นางคิดไม่ถึงเอาเสียเลย

“ในตอนที่คุณหนูของเจ้าตกน้ำ มีวิญญาณร้ายมาช่วงชิงวิญญาณนางไป สวมรอยเป็นคุณหนูเซี่ยแทน”

“นางไม่ใช่คุณหนูของเจ้าอีกแล้ว แต่ว่า นางคือคนที่ฆ่าคุณหนูของเจ้าต่างหาก”

หลังจากที่ถังหลี่พูดจบนางก็หันหลังเดินจากไป

ตอนนี้ถังหลี่ได้รู้ทุกอย่างที่ตัวเองอยากรู้ และพูดสิ่งที่อยากพูดไปแล้ว ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของมันจะเป็นอย่างไร นางทำได้แค่รอดูมันเท่านั้น