บทที่ 167 โฉมหน้าที่แท้จริง

สี่วันต่อมา การไต่สวนก็ดำเนินการต่อ

ในช่วงเวลาสี่วันที่ผ่านมาเซี่ยฟางเฟยได้ทำหลายอย่าง นางติดต่อกับสหายที่เคยรู้จักให้ฆ่าจ้าวลิ่วในคุก แต่ก็พลาดหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงพยายามที่จะติดสินบนเจ้าหน้าที่ แต่ว่าเจ้าหน้าที่ทางการคนนั้นปฏิเสธข้อเสนอ ซ้ำยังนำเรื่องนี้ไปบอกกับเจ้าเมือง

พวกเขาอธิบายว่าเพราะคดีในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับน้องสาวของพวกเขา ดังนั้นนักโทษจึงต้องได้รับการคุมตัวอย่างแน่นหนา ถังหลี่เคยทำอาหารให้พวกเขากิน แน่นอนว่ามีอะไรย่อมต้องช่วยเหลือนาง ไม่ยอมปล่อยให้มีเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมาได้เป็นอันขาด

ดังนั้นในการไต่สวนคดีที่มาถึง เจ้าหน้าที่ได้พาตัวพยานอีกสองคนมาให้การ เขากล่าวว่าเซี่ยฟางเฟยพยายามจะวางยาพิษจ้าวลิ่ว รวมถึงเมื่อตรวจสอบที่เหลาสุราก็พบว่านางและโจรผู้นี้ได้มีการติดต่อกันจริง อีกทั้งลายมือในจดหมายก็เป็นลายมือของเซี่ยฟางเฟย

ไม่เพียงแค่นั้นสุดท้ายแล้วตงเสวี่ยก็ให้การว่าคุณหนูเซี่ยและจ้าวลิ่วสมคบคิดกันจริง ๆ ส่วนนางได้รับคำสั่งให้ช่วยกระจายข่าวลือป้ายสีเว่ยฉิงอีกด้วย

ทำให้ทุกคนที่ได้ยินถึงกับตกตะลึง

ใบหน้าของเซี่ยฟางเฟยซีดเซียว นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกไร้อำนาจอย่างแท้จริง เป็นครั้งแรกที่นางอับอายเมื่อผู้คนชี้ไม้ชี้มือมาที่ตนเอง

นายท่านเซี่ยมองหลานสาวของตนอย่างไม่เชื่อสายตา วันนั้นเป็นโจรที่อยู่กับหลานสาว ส่วนเว่ยฉิงไม่ได้มีส่วนรู้เห็นด้วยทั้งนั้น แปลว่าเว่ยฉิงพูดความจริงมาตลอด นี่เขาเข้าใจชายหนุ่มผิดไปหรือ? ชายชราตกใจมากไม่เคยคิดเลยว่าหลานสาวที่กิริยาน่ารักทั้งนิสัยและจิตใจจะเป็นคนเช่นนี้!

ในที่สุดแล้วเซี่ยฟางเฟยก็ถูกตัดสินโทษโดยการโบยสี่สิบไม้และทำงานใช้แรงงานสามปี จ้าวลิ่วถูกลงโทษโบยสามสิบไม้ใช้แรงงานหนักสามปี ส่วนตงเสวี่ยถูกโบยยี่สิบไม้และโดนใช้แรงงานหนักด้วย

เหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อได้แพร่กระจายไปทั่วมณฑลเหอตงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลามไปถึงมณฑลชิงเหอ ข่าวลืออันเดิมถูกกลบไปจนหมด ทุกคนจึงได้รู้ว่าเว่ยฉิงนั้นถูกใส่ร้ายจริง ๆ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าสตรีจากตระกูลสูงศักดิ์จะทำเรื่องราวที่น่าอับอายเช่นนี้ได้!

แต่ไม่ว่าเซี่ยฟางเฟยจะเลวร้ายเพียงใด นางก็ยังเป็นหลานสาวของนายท่านเซี่ย ลูกคุณหนูที่ไม่สามารถทนความยากลำบากได้ นายท่านเซี่ยจึงขอความช่วยเหลือจากเส้นสายที่มี ส่งหลานสาวกลับไปยังซ่างจิงในชั่วข้ามคืน

ทางด้านตงเสวี่ยสถานการณ์กลับไม่ดีนัก นักโทษคนอื่นต่างมีครอบครัว เมื่อต้องโทษ พวกเขาได้รับของใช้ต่าง ๆ จากครอบครัวที่ถูกแยกจากกันอย่างไม่เต็มใจ ส่วนตงเสวี่ยไม่มีใคร ตั้งแต่คุณหนูเซี่ยช่วยนางมาในวันนั้น ครอบครัวของนางมีเพียงเซี่ยฟางเฟยเท่านั้น

ไอ้ผีร้ายในน้ำนั่นพรากชีวิตคุณหนูของนางไป เหลือแต่เพียงร่างที่สิงสู่ของวิญญาณชั่วร้ายเท่านั้น นังคนสารเลว!

คุณหนู….

คุณหนู…ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน….

ในขณะที่นางกำลังร้องไห้ จู่ ๆ ก็มีห่อสัมภาระส่งมาให้

เมื่อตงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นจึงเห็นว่าเป็นถังหลี่ นางได้แต่อ้าปากตะลึงค้างอย่างงงงัน

“ในนี้มีเสื้อคลุมหนา ๆ ไว้ใส่ยามหนาว แล้วก็มีหมั่นโถวไว้กินยามหิว”

“เหตุใดท่านถึงเอามันมาให้ข้า” ตงเสวี่ยงงงวย

ทั้ง ๆ ที่นางทำร้ายอีกฝ่ายไม่น้อย แต่ถังหลี่ก็ยังยื่นมือมาช่วยเหลือ

“เจ้าทำเพื่อปกป้องเจ้านาย หากคุณหนูของเจ้ายังอยู่ เจ้าคงไม่ต้องเป็นเช่นนี้” ถังหลี่กล่าว

แท้จริงแล้วสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือคุณหนูเซี่ยคนเดิมโดนแย่งร่างกายไป ทำให้ชื่อเสียงของนางแปดเปื้อนด้วยเรื่องที่น่ารังเกียจ… เด็กสาวคนนี้ก็เพียงแต่ปกป้องคุณหนูของนางเท่านั้น เซี่ยฟางเฟยควรปฏิบัติต่อตงเสวี่ยให้ดีกว่านี้ แต่น่าเสียดายที่สตรีเดินทางข้ามมิติคนนั้นเอาแต่มัวเมาหลงในตนเอง ทำให้ชีวิตของคุณหนูเซี่ยฟางเฟยและคนรอบตัวเปลี่ยนไป

ตงเสวี่ยทำผิดและถูกทางการลงโทษ แต่สุดท้ายโทษของนางก็ไม่ควรจะหนักหนาจนถึงตาย

“รักษาตัวให้ดี สักวันหนึ่งอาจจะได้เจอกับคุณหนูของเจ้าอีกครั้ง”

“ข้าจะได้เจอกับคุณหนูจริง ๆ หรือ?” ตงเสวี่ยรู้สึกเปี่ยมไปด้วยความหวัง

“ตราบใดที่ตัวเจ้ายังมีชีวิต ทุกอย่างย่อมเป็นไปได้เสมอ” ถังหลี่กล่าว

หลังจากที่พูดจบถังหลี่ก็เดินจากไปทันที

ตงเสวี่ยมองไปที่แผ่นหลังของนางและร้องไห้เสียงดัง และในใจของนางก็ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่า ตัวเองต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อรอให้คุณหนูกลับมาอีกครั้ง!

ถังหลี่เดินไปยืนอยู่ข้าง ๆ เว่ยฉิง ชายหนุ่มเอื้อมมือมาลูบหัวนางเบา ๆ

ภรรยาของเขานั้นเป็นคนใจคอเด็ดเดี่ยวและเฉียบขาด ทว่าบางครั้งนางก็ใจดีอ่อนโยน บางครั้งก็เฉยชา และบางครั้งก็น่ารักน่าชัง เป็นสตรีที่มีหลากหลายอารมณ์ผสมผสานอยู่ในตัวของนาง

เว่ยฉิงชอบความมีชีวิตชีวาของภรรยา

ชายหนุ่มโอบไหล่ของถังหลี่กระชับกอดนางให้แน่นขึ้น

“ฮูหยิน เรากลับบ้านกันเถิด”

“อือ กลับบ้านกัน” ถังหลี่ยิ้มเล็กน้อย

ทั้งคู่เดินทางกลับไปยังเมืองเหยาสุ่ยด้วยกัน

เรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจมานานก็ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ทำให้ทั้งคู่รู้สึกผ่อนคลายมาก เมื่อกลับถึงบ้านหนุ่มสาวรู้สึกอ่อนเพลีย พวกเขาเลยตัดสินใจที่จะพักผ่อนอยู่ที่บ้านแทน

ก่อนที่คืนนั้นเว่ยฉิงจะตักตวงความหวานจนพอใจ หลังอาหารมื้อเย็นจบลง

…..

วันต่อมาพวกเขาเดินทางไปที่เป่าชิงเก๋อด้วยกัน

เมื่อเว่ยฉิงออกมาจากจวนสกุลเซี่ยแท้จริงแล้วเขามีความคิดจะเปิดสำนักสอนศิลปะการต่อสู้ มีกิจการของตัวเองและมีเวลาให้ภรรยามากขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม การเปิดกิจการแห่งหนึ่งไม่ใช่เรื่องที่ทำได้เพียงชั่วข้ามคืน เขาต้องศึกษาตลาดและหาทำเลที่ตั้งให้ได้เสียก่อน ในขณะที่กำลังรอสถานที่เหมาะสม ชายหนุ่มก็ช่วยงานที่เป่าชิงเก๋อต่อไป

“เว่ยฉิง มีคนมาหาอยู่ด้านนอก”

เว่ยฉิงขนของเข้าไปในโกดัง เขาหันกลับมาทันทีที่ได้ยินเสียงของถังหลี่ ชายหนุ่มเดินออกไปตามที่ถังหลี่บอก เมื่อเดินผ่านหญิงสาวเขาก็เอื้อมมือมาบีบแก้มถังหลี่เบา ๆ

การกินเต้าหู้เล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นคือความสุขของเขา!

เมื่อเว่ยฉิงออกมาด้านหน้าของเป่าชิงเก๋อ เขาก็พบกับพี่น้องสกุลเหลย เหลยเป้าที่เขาเห็นมีสภาพหนวดเครารุงรังและดูทรุดโทรม เมื่อเห็นเว่ยฉิงเขาก็ไม่กล้าสบตา ทำท่าจะหลบฉากออกไป

แต่เหลยหมิงจับน้องชายไว้ได้

เหลยเป้ามองเว่ยฉิง ดวงตาของเขามีแต่ความรู้สึกผิดก่อนริมฝีปากของจะขยับเอ่ยว่า

“หัวหน้าเว่ย ข้าขอโทษนะขอรับ”

ความจริงแล้วเหลยเป้าไม่เคยเชื่อเลยว่าเซี่ยฟางเฟยจะมีนิสัยแบบนั้น จนกระทั่งวันไต่สวนคดี คนเราจะมีใบหน้าเสแสร้งมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?

เขาไม่นึกเลยว่าคุณหนูเซี่ยที่จิตใจดีจะมีด้านมืดเช่นนี้…

แต่สุดท้ายแล้วความเป็นจริงก็ถาโถมเข้ามาหาเหลยเป้าไม่หยุด แม้เหลยหมิงจะพยายามบอกเขา แต่เหลยเป้าก็ไม่เคยเชื่อพี่ชาย ชายหนุ่มเข้าใจเว่ยฉิงผิด ทำให้มิตรภาพของพวกเขาต้องขาดสะบั้น

เหลยเป้าไม่มีหน้าจะมาพบอีกฝ่าย แต่ทว่าเหลยหมิงก็ยังยืนยันที่จะพาเขามา แต่ภาพที่เห็นคือรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าดุดันของเว่ยฉิง ชายหนุ่มเอื้อมมือมาตบบ่าเขาเบา ๆ

“ไม่เป็นไร เราเป็นพี่น้องกัน”

ดวงตาของเหลยเป้าแดงก่ำ เขาพยักหน้าอย่างหนักแน่น

“อืม น้องชาย!”

“หัวหน้าเว่ย พวกข้าจะลาออกจากจวนสกุลเซี่ย” เหลยหมิงกล่าว

“แล้วพวกเจ้าจะทำอะไรต่อหรือ?” เว่ยฉิงถาม

“คงทำงานสำนักคุ้มกัน คอยคุ้มกันกองคาราวานพ่อค้า งานเก่าน่ะ” เหลยหมิงตบบ่าเหลยเป้า “พาอาเป้าออกไปท่องโลก”

เว่ยฉิงพยักหน้า

นี่เป็นเรื่องที่ดี

เว่ยฉิงเห็นแล้วว่าเหลยเป้านั้นถูกเซี่ยฟางเฟยหลอกลวงจนเสียผู้เสียคน หากอยู่ที่จวนเซี่ยต่อไปก็พาลแต่จะทำให้เหลยเป้าเป็นทุกข์มากเท่านั้น

“ไว้หลังกลับมาจากภารกิจนี้ พวกข้าจะมาดื่มสุรากับท่าน”

“ดี ขอให้พวกเจ้าเดินทางปลอดภัยนะ”

“อือ ไว้เจอกัน”

สองพี่น้องผลัดกันสวมกอดเว่ยฉิง ก่อนจะหันหลังและเดินจากไป

เว่ยฉิงมองไปที่แผ่นหลังของคนทั้งคู่ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งและหน่วงอยู่ในใจ ชายหนุ่มกำลังนึกถึงภาพความทรงจำที่เขาได้ใช้ชีวิตอยู่กับพี่ชายทั้งสอง คนที่ซื่อตรงและเข้ากันได้ดี เป็นสหายที่ดีต่อกันมาตลอดระยะเวลาหนึ่งปี ตอนนี้ต่างฝ่ายก็ต้องเดินแยกย้ายกันไป

“ใจหายหรือ?” ถังหลี่ที่ไม่รู้ว่ามายืนข้างเขาตั้งแต่เมื่อใดพูดขึ้น “ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา”

“อืม…มีพบต้องมีจาก” เว่ยฉิงกล่าว

“จากกันเพียงชั่วคราว และพานพบอีกครั้งในวันหน้า” ถังหลี่ยิ้มเล็กน้อย

ใช่…แยกจาก และ พานพบ

เมื่อได้ยินฮูหยินของตนกล่าวเช่นนี้ ความโศกเศร้าในหัวใจของชายหนุ่มก็มลายหายไป เว่ยฉิงกอดถังหลี่ไว้ ก่อนจะจุมพิตเบาๆที่ศีรษะของนาง

….

ไม่กี่วันต่อมา แม่ทัพเฉาที่ประจำการอยู่ฉินโจวได้ส่งของบางอย่างมาให้ถังหลี่ เมื่อหญิงสาวเปิดมันออก ก็ต้องรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ภายในกล่อง