บทที่ 168 ฝันร้ายถึงเมืองฉินโจว

สิ่งที่อยู่ภายในกล่องใบนั้นคือหน้าไม้จริง ๆ!

แม่ทัพเฉาสร้างหน้าไม้ตามแบบแปลนที่ถังหลี่ได้มอบให้ ในกล่องใบนี้บรรจุไปด้วยคันธนู หน้าไม้ขนาดใหญ่และขนาดเล็ก มีลูกศรอยู่ทั้งหมดยี่สิบชุด คันธนูและหน้าไม้มีลูกศรคู่อยู่คันละสิบชุด

ถังหลี่หยิบหน้าไม้ขนาดเล็กขึ้นมา มันเหมาะกับมือของนางมาก ในขณะที่เว่ยฉิงมีฝ่ามือที่ใหญ่ หน้าไม้คันใหญ่นั้นจึงเหมาะกับอีกฝ่ายเช่นกัน

“แม่ทัพเฉาสร้างมันขึ้นมาให้พวกเราโดยเฉพาะหรือ?” ถังหลี่คาดเดา

“น่าจะใช่” เว่ยฉิงพยักหน้า

“แม่ทัพเฉามีใจเอื้อเฟื้อ” ถังหลี่กล่าว

อาวุธที่ราชสำนักสั่งให้ผลิตนั้นจะมีขนาดและคุณสมบัติเหมือนกันทุกประการ เว้นเสียแต่ว่าแม่ทัพเฉาได้สั่งทำมันขึ้นมาโดยเฉพาะให้ถังหลี่ หญิงสาวจึงรับรู้ถึงความตั้งใจของเขา นางถือหน้าไม้ในมืออย่างกระตือรือร้น อยากลองใช้ขึ้นมาทันที

“ฮูหยิน ข้าจะพาเจ้าไปที่หนึ่ง” เว่ยฉิงพูดขึ้น

ชายหนุ่มออกไปพร้อมกับถังหลี่ พวกเขาเดินเข้าไปในป่าขนาดเล็กซึ่งอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่ลี้

เว่ยฉิงหยิบหน้าไม้ขนาดใหญ่ขึ้นมา ก่อนจะเอาลูกศรเหนี่ยวไปที่สายเล็งกะระยะไกล

“ฮูหยิน ข้าจะลองยิงต้นไม้ต้นนั้น” เว่ยฉิงชี้ไปที่ต้นไม้ที่ห่างออกไปประมาณยี่สิบจั้ง[1]แล้วพูดขึ้น

ถังหลี่พยักหน้ารับ นางมองไปยังสามีของตนอย่างไม่วางตา ยามที่เว่ยฉิงเหนี่ยวหน้าไม้นั้นดูสง่างามมาก หน้าไม้ที่มีรูปแบบพิเศษคันนี้ ประหยัดแรงกว่าธนูทั่วไปหลายเท่า กล้ามเนื้อที่แขนของเว่ยฉิงขึ้นเป็นสัน ใบหน้าด้านข้างเห็นจมูกโด่งเป็นสัน กรอบหน้าที่คมคาย ยามเขาเม้มริมฝีปากเข้าหากันดูจริงจังและมุ่งมั่น

ชายหนุ่มปล่อยมือก่อนที่ลูกศรจะถูกยิงออกไปไกล พร้อมกับเสียงแหวกผ่านอากาศ ในชั่วพริบตาลูกศรก็พุ่งตรงไปปักต้นไม้ที่เขาเล็งไว้อย่างแม่นยำ

“เว่ยเหล่าซือ! ท่านเก่งกาจมาก!” ถังหลี่กระโดนขึ้นอย่างตื่นเต้น

“รางวัลเล่า?” เว่ยฉิงโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย

ถังหลี่เขย่งปลายเท้า กดจุมพิตเบา ๆ ที่มุมปากของอีกฝ่าย เมื่อผละออกเว่ยฉิงก็จับมือหญิงสาวพานางเข้าไปใกล้กว่าเดิมเล็กน้อย ทำให้ตอนนี้ถังหลี่ยืนอยู่ห่างจากต้นไม้ประมาณสิบจั้ง

“ฮูหยิน เจ้าลองดูสิ” เว่ยฉิงพูดพลางยื่นหน้าไม้คันเล็กให้แก่นาง

ถังหลี่กระตือรือร้นมาก นางอยากจะลองอานุภาพของหน้าไม้นี้มานานแล้ว หญิงสาวหยิบหน้าไม้ขึ้นมาแต่ไม่ได้มีความทะมัดทะแมงเท่าเว่ยฉิง ชายหนุ่มจึงสอนนางเรื่องการจับอาวุธ

“ใช่แล้ว แบบนั้น” เว่ยฉิงยืนอยู่ด้านหลังของนางโน้มตัวลง จับมือของนางประคองไว้ทั้งสองข้าง แทบจะกอดถังหลี่ไว้ในอ้อมแขน

“เล็งดูที่จุดตรงนั้น ”

“เมื่อกะระยะได้แล้ว เจ้าก็ปล่อยมือที่รั้งสายไว้”

ถังหลี่ตั้งสมาธิจดจ่อ หญิงสาวเล็งและยิงมันออกไป ลูกศรที่นางปล่อยออกไป เบี่ยงวิถีไปปักที่ต้นไม้อีกต้นหนึ่ง นี่คือผลงานของนาง ถ้าเทียบกับเว่ยฉิงแล้วยังถือว่าห่างชั้นอยู่มาก ถังหลี่ก้มหน้าลงซ่อนความอับอายไว้

“เก่งมาก” เว่ยฉิงจูบที่ผมของนางเบา ๆ ก่อนจะส่งลูกศรให้แก่ถังหลี่อีกครั้ง

“ลองอีกรอบ”

เมื่อได้รับคำชมเชยจากสามีทำให้ถังหลี่ตัดสินใจลองอีกครั้ง ในครั้งที่ห้าลูกศรพุ่งตรงออกไป ก็เข้าเป้าที่ต้นไม้ต้นนั้นเข้าพอดี

ถังหลี่รับรู้ได้ถึงชัยชนะและความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่!

ถังหลี่ดูนุ่มนวลแต่มีชีวิตชีวา ทว่าในยามที่นางจับอาวุธ ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางก็แดงระเรื่อขึ้นอย่างตื่นเต้น เว่ยฉิงที่เฝ้ามองอยู่อดไม่ได้ที่จะจุมพิตนางเบา ๆ สองครั้ง

เหตุใดภรรยาของเขาจึงน่ารักได้ถึงเพียงนี้?

ถังหลี่พยายามฝึกฝนการยิงหน้าไม้ตลอดบ่ายวันนั้น ความแม่นยำของนางก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หากท้องฟ้ายังไม่มืดนางก็คงยังไม่เต็มใจที่จะกลับบ้าน เว่ยฉิงเก็บของทุกอย่างลงในกล่องไม้ ก่อนจะแบกมันไว้บนบ่า มืออีกข้างก็เลื่อนไปกอบกุมมือภรรยาเอาไว้และเดินกลับไปพร้อมกัน

ถังหลี่ชอบของขวัญของแม่ทัพเฉามาก เมื่ออาวุธได้รับการพัฒนาแบบนี้แล้ว ในครั้งหน้าที่แม่ทัพเฉาเปิดศึกกับพวกซยงหนูอีกครั้ง โอกาสที่จะมีชัยชนะจะเพิ่มมากขึ้น ในนวนิยายต้นฉบับนั้น แม่ทัพเฉาเสียชีวิตในสนามรบตั้งแต่อายุยังน้อย หากเป็นแบบที่นางสันนิษฐานไว้ การมีอาวุธที่ทรงพลังเช่นนี้ก็อาจจะเปลี่ยนชะตากรรมของอีกฝ่ายได้ ขอเพียงแค่มีหน้าไม้ที่เหมือนกับในมือของถังหลี่เท่านั้น…

อย่างไรก็ตาม ในค่ำคืนนั้นถังหลี่ฝันถึงลางบอกเหตุ

นางฝันว่ากองทัพซยงหนูบุกมายังเมืองฉินโจว พวกทหารซยงหนูนั้นโหดร้ายป่าเถื่อนเข่นฆ่าผู้คนบริสุทธิ์ด้วยดาบในมือ เมืองฉินโจวกลายเป็นนรกบนดิน ผู้คนต่างรีบหนีตาย แต่ก็ยังมีคนต้องจบชีวิตลงเป็นจำนวนมาก เสียงร่ำไห้กรีดร้องหาผู้เป็นที่รักดังระงม ในทุ่งหญ้าล้วนมีศพ เลือดที่พื้นเจิ่งนองราวกับแม่น้ำหลาก น่ากลัวเกินว่าที่ถังหลี่จะมองได้ อยู่ ๆ ถังหลี่ก็เห็นมีดเล่มใหญ่ฟันไปที่บุรุษผู้หนึ่ง เมื่อคนผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมาจึงเห็นว่าเป็นไป๋มู่หยาง!

ถังหลี่ตื่นขึ้นมาทันที ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ตอนนี้นางกำลังหอบหายใจอย่างหนักหน่วง

เว่ยฉิงที่อยู่ข้าง ๆ นางสะดุ้งตื่นขึ้นมาเช่นกัน เมื่อหันไปเห็นภรรยาที่กำลังหวาดกลัวเขารีบคว้าตัวนางเข้ามาสวมกอด ลูบแผ่นหลังปลอบโยนนางเบา ๆ

“ฮูหยิน ไม่ต้องกลัว ฝันร้ายหรือ? ไม่ต้องกลัวนะมันไม่ใช่เรื่องจริง ใจเย็น ๆ ข้าอยู่นี่”

หญิงสาวค่อย ๆ สงบลง นางมองไปยังเว่ยฉิงก่อนจะสวมกอดอีกฝ่ายทันที ถังหลี่ฝังใบหน้าไว้กับแผ่นออกของเขา ความฝันที่นางเห็นน่ากลัวจนทำให้ถังหลี่ไม่อยากนึกถึงเป็นครั้งที่สอง แต่ความฝันแบบนี้มันมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นจริงมาก

“เว่ยฉิง ข้าฝันว่าซยงหนูยกทัพบุกเมืองฉินโจว สังหารคนที่เมืองอย่างโหดเหี้ยม…และพี่ใหญ่คือหนึ่งในนั้น” ถังหลี่พูดด้วยเสียงอู้อี้

ในฝัน ไป๋มู่หยางโดนดาบเล่มใหญ่ฟัน มันพรากชีวิตเขาไป นายท่านไป๋จะทนพิษบาดแผลจากคมดาบของพวกซยงหนูได้อย่างไร ในเมื่อพี่ชายของนางร่างกายอ่อนแอ?

ท่าทีของเว่ยฉิงเริ่มจริงจัง

ชายหนุ่มรู้ว่าภรรยาของเขาสามารถฝันบอกเหตุได้

ภรรยาของเขาเป็นจิตใจดี แต่ทว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับไป๋มู่หยาง ถังหลี่จะต้องเศร้าโศกมากอย่างแน่นอน เว่ยฉิงไม่ได้ให้ความสำคัญกับชีวิตคนอื่นมากนัก แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ทำให้ภรรยาของเขาเสียใจ เขาย่อมไม่มีวันให้เกิดขึ้น ต้องหยุดเรื่องนี้ให้ได้!

“ฮูหยิน ลุกขึ้นไปล้างหน้ากินข้าวก่อนเถิด” เว่ยฉิงพูด

ถังหลี่พยักหน้ารับทันที ท้องฟ้าด้านนอกสว่างแล้ว หญิงสาวลุกขึ้นแต่งตัวพร้อมกับเว่ยฉิง พวกเขาพากันจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะไปทานอาหารเช้าด้วยกัน

“เราแวะไปจวนตระกูลไป๋ก่อนเถิด” เว่ยฉิงพูด

หญิงสาวพยักหน้ารับ

นางต้องบอกพี่ชายของตนให้ได้ว่าหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเมืองฉินโจวในช่วงนี้ หลังมื้อเช้าพวกเขาไปยังจวนไป๋ทันที เหล่าคนรับใช้ที่รู้จักถังหลี่ ต่างกระตือรือร้นให้การต้อนรับพวกเขาเป็นอย่างดี

“คุณหนู!” ยามเฝ้าประตูร้องขึ้น

ไป๋มู่หยางประกาศว่าถังหลี่คือน้องสาวของตน ดังนั้นทุกคนในจวนไป๋ต้องเรียกขานนางว่า “คุณหนู”

“พี่ชายข้าอยู่ที่ใดหรือ?”

“นายท่านไป๋ไม่อยู่บ้านขอรับ เขาเดินทางออกไปเมื่อวานนี้ขอรับ”

หัวใจของถังหลี่กระตุก นางรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

“พี่ชายข้าไปที่ใดหรือ?”

“ข้าไม่รู้รายละเอียดหรอกขอรับ คุณหนูเข้ามาก่อนเถอะขอรับ ลุงฝูอยู่ที่จวนสามารถถามเขาได้นะขอรับ” ยามกล่าว

ถังหลี่พยักหน้าก่อนจะเดินเข้าจวนไปพร้อมกับเว่ยฉิง หญิงสาวคุ้นเคยกับจวนไป๋เป็นอย่างดี นางพาเว่ยฉิงไปนั่งที่ห้องรับรอง ทั้งสองนั่งรอสักพักไม่นานนักลุงฝูก็เดินเข้ามา

ลุงฝูค่อนข้างกระสับกระส่าย แตกต่างจากปกติอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วดังนั้นท่าทีของเขาในยามปกติจึงสงบและอารมณ์ดี แต่ว่าตั้งแต่เมื่อวานเปลือกตาข้างขวาของเขานั้นกระตุกอย่างรุนแรง ทำให้ลุงฝูไม่สบายใจเล็กน้อย ว่ากันว่าตาซ้ายคือพรจากสวรรค์ แต่ตาขวาคือภัยพิบัติ ทำให้เขารู้สึกว่ากำลังจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น

และสิ่งเดียวที่เขาปักใจคือนายน้อยของตนเอง

แต่อาจจะไม่ใช่นายน้อยเสมอไป…

ไม่ใช่ อย่าไปคิด…

ตอนนี้ลุงฝูมีท่าทีที่ย่ำแย่มาก เมื่อถังหลี่และเว่ยฉิงมาถึง ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

“ฮูหยินเว่ย”

“ลุงฝู พี่ใหญ่อยู่ไหนหรือ?” ถังหลี่ถามอย่างไม่อ้อมค้อมทันที

“นายน้อยเดินทางไปเมืองฉินโจวเมื่อวานนี้ขอรับ น่าจะถึงที่หมายสักพักแล้ว” ลุงฝูกล่าว

ไป๋มู่หยางเดินทางไปยังเมืองฉินโจวจริงๆ….

ถังหลี่ได้ยินก็รู้สึกหนักใจขึ้นมาทันที

[1] 1 จั้ง ประมาณ 3.33 เมตร