ตอนที่ 211 แม่สื่อ

สามีข้า คือพรานป่า

ตอนที่211แม่สื่อ

หลังหยุนเคอได้ยินประโยคนี้ใบหน้าของเขาพลันมืดครึ้มอย่างไม่สบอารมณ์สองคนนี้คิดว่าเขาตายไปแล้วหรือไรเหตุใดจึงกล่าวออกมาไม่เกรงใจเช่นนี้!

เวลานี้เหมือนทั้งสองจะหลงลืมหยุนเคอไปแล้วอีกทั้งก่อนหน้านี้นางยังบอกให้เขาจัดการกับแม่สื่อตรงหน้า…อีกทั้งเขายังยืนยันกับอีกฝ่ายว่าทั้งคู่หมั้นหมายแล้วแต่กลับไม่ยอมคิดเลิกรา!

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้หยุนเคออดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด

เขาตบโต๊ะเสียงดังพร้อมกล่าวคำออก” แล้วเขากับข้าต่างกันอย่างไร?!เขาเป็นถึงบัณฑิตแต่กลับไม่รู้จักมารยาทยังมียางอายอยู่บ้างหรือไม่?”

แต่แม่สื่อกลับไม่เกรงกลัวนางกลอกตาไปมาพร้อมเผยสีหน้าเหยียดหยาม” หยุนเคอข้าก็ยังไม่ได้ว่ากล่าวใดเจ้าแต่เจ้าควรจะไปส่องกระจกมองสารรูปตนเองบ้างเจ้าคู่ควรกับผู้ใดบ้างหรือ?เจ้าคิดว่าตนคู่ควรกับแม่นางหยุนหรือไรกันอย่าเห็นแก่ตัวและถ่วงความเจริญของผู้อื่นไว้เลย!” 36Q4

หยุนเวียนเถียนอยากหัวเราะเพียงใดแต่ก็ไม่อาจทำได้เพราะใบหน้าของหยุนเคอเกรี้ยวกราดยิ่งนางจึงต้องอดกลั้นอารมณ์ขันไว้ก่อน

แม่สื่อผู้นี้ช่างยอดเยี่ยมนางไม่เกรงกลัวแม้แต่หยุนเคอด้วยซ้ำ

หยุนเคอเห็นสายตาเหยียดหยามนั้นและเริ่มโกรธจัดจนแทบหายใจไม่ออกเขากำลังถูกเย้ยหยันจากแม่สื่ออย่างชัดเจนอีกทั้งคู่หมั้นของตนกลับหัวเราะอย่างชอบใจเขาควรจะรู้สึกเช่นไรกัน?

ยิ่งหยุนเคอคิดเรื่องนี้ซ้ำๆเขายิ่งโกรธจนแทบควบคุมตนเองไม่ได้แต่เขาก็ไม่อาจทำอะไรกับนางทั้งสองได้จึงเพียงลุกขึ้นและเดินเข้าห้องก่อนจะปิดประตูเสียงดัง!

แม้จะเข้ามาในห้องแล้วความคับข้องใจกลับไม่หายไปแล้วหากคู่หมั้นของเขาคิดนอกใจล่ะ?จะทำอย่างไร…

คนธรรมดาจึงเที่ยงธรรมบัณฑิตจึงฉลามแกมโกง!หลินหูเพียงต้องการครอบครองหญิงสาวผู้นี้และคิดใช้สินสอดของหมั้นของนางเพื่อไต่เต้าในการเรียนหนังสือเท่านั้น!

นางคิดจริงๆงั้นหรือว่าชาวบ้านในชนบทจะสามารถเรียนได้โดยง่าย?ชาวนาล้วนแต่ยุ่งอยู่กับการทำงานในทุ่งนาไร่สวนตลอดทั้งวันและพวกเขาจำเป็นต้องจ่ายภาษีของผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ที่เหลือก็คงพอได้กินแต่หากมีไร่นาไม่เยอะก็คงจะไม่พอกินแน่แล้วเงินที่จะส่งเสียบัณฑิตเล่าเรียนจะมาจากไหนกันเล่า?

หยุนเคอไม่รู้จะกล่าวอย่างไรเขาไม่ต้องการให้หยุนเสียนเถียนเห็นด้วยกับแม่สื่อคนนั้นตอนนี้เขายืนอยู่ในห้องแต่ใบหูยังคงเงี่ยฟังอีกฝ่ายอย่างรู้ตื่น!

” ท่านป้าท่านย่อมรู้ดีว่าสตรีที่ดีย่อมไม่แต่งงานเป็นครั้งที่สองและข้าแต่งงานแล้วย่อมไม่อาจแต่งงานกับผู้ใดได้อีกนายน้อยหลินก็เป็นงบัณฑิตเขาคงไม่คิดเอาชื่อเสียงตนเองมาเกี่ยวข้องกับเรื่องเสื่อมเสียเช่นนี้…พวกเราเป็นมนุษย์ย่อมรู้ดีว่าสิ่งใดควรไม่ควรภรรยาของนายน้อยหลินไม่ควรผ่านการแต่งงานมาก่อนอีกทั้งข้าเกรงว่ามันมิใช่เรื่องง่ายดายนักในการสอบเข้าราชสำนัก!”

แม่สื่อจับจ้องหญิงสาวตรงหน้าอย่างเข้าใจนางกำลังปฏิเสธอย่างสุภาพ…แต่แม่สื่อก็ยังไม่คิดยอมแพ้เพราะนึกถึงเงินสองตำลึงที่ได้รับมานางไม่อาจยอมแพ้ได้ในตอนนี้!

” แม่นางหยุนคิดมากเกินไปแล้วนายน้อยหลินตั้งใจให้ข้ามาบอกกล่าวกับเจ้าด้วยตนเองแน่นอนว่าเขาย่อมรับเรื่องราวทั้งหมดได้ถึงเจ้าจะเคยผ่านการแต่งงานมาก่อนแต่เขาก็ไม่คิดติดขัดสิ่งใดเพียงแค่เจ้าหย่าร้างให้เสร็จสิ้นเท่านั้นก็เพียงพอ…”

หยุนเถียนเถียนยังคงมีความอดทนแต่นางก็ลอบคิดในใจว่าอีกฝ่ายไม่มียางอายเลยหรือไร?หรือหากพูดภาษามนุษย์ไม่เข้าใจกันแน่!ไม่เข้าใจงั้นหรือว่ากำลังถูกปฏิเสธ?

อีกฝ่ายเห็นว่าใบหน้าของเถียนเถียนเริ่มไม่พอใจจึงรีบกล่าวต่ออย่างเร่งเร้า” แม่นางหยุนโปรดคิดให้ดีเถิดเขาเป็นเพียงพรานป่าที่ไม่มีสิ่งใดเลยไม่มีแม้แต่ที่ดินส่วนอีกคนเป็นถึงบัณฑิตมีที่ดินและบ้านในอนาคตยังมีโอกาสเป็นข้าราชการสิ่งใดคู่ควรแม่นางหยุนควรทราบข้าจะให้แม่นางคิดไตร่ตรองดูอีกสักหน่อยแล้วจะกลับมาเอาคำตอบในสองสามวันข้างหน้า”

กลับมาอีกครั้ง?ใบหน้าหยุนเคอพลันมืดครึ้มกว่าเกาส่วนหยุนเถียนเถียนก็ไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้าอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้

แม่สื่อกล่าวจบจึงหันหลังออกไปโดยไม่รอฟังคำปฏิเสธท้ายที่สุดแล้วคนหนึ่งเป็นเพียงพรานป่าอาศัยบนภูเขาส่วนอีกคนเป็นถึงบัณฑิตอนาคตไกล…การเลือกคู่ครองครั้งนี้มันดูไม่ยากเลยมิใช่หรือ?

แม่สื่อจากไปแล้วหยุนเสียนเถียนจับจ้องประตูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไป

หยุนเคอกำลังกระวนกระวายใจยิ่งเขากลัวว่าหยุนเถียนเถียนจะยอมตอบตกลงแต่งงานกับอีกฝ่ายในคราวนี้

ในที่สุดเขาก็ไม่อาจอดกลั้นได้อีกจึงยอมเอ่ยปากออก” เถียนเถียน…เจ้าต้องระมัดระวังให้มากแม้ข้าจะไม่รู้จักหลินหูในหมู่บ้านข้างๆแต่ข้าก็พอจะนึกภาพออกไม่มีผู้ใดที่ร่ำเรียนมากว่าสิบปีและยังต้องอาศัยอยู่ในชนบทเช่นนี้!

หยุนเสียนเถียนเงยหน้าขึ้นนางไม่เข้าใจนักว่าเหตุใดหยุนเคอจึงพูดกล่าวคำนี้ออกอย่างไรก็ตามนางรู้สึกว่าแววตาเย็นชาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นวูบไหวราวกับกังวลอะไรบางอย่าง

” ข้าเข้าใจดี!” หยุนเถียนเถียนรีบตอบก่อนที่จะถูกแผดเผาด้วยแววตาของชายร่างใหญ่ตรงหน้า

” หากเจ้าไม่เชื่องั้นข้าจะลองไปสอบถามชาวบ้านที่หมู่บ้านข้างๆนี้ดีไหม?เดี๋ยวข้าไปตั้งแต่บ่ายนี้เลย!”

หยุนเถียนเถียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหวแม้นางจะไม่เข้าใจสิ่งที่หยุนเคอกำลังจะทำแต่นางก็พยักหน้ารับและคิดเพียงว่าเขาคงห่วงใยนางในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง

หยุนเคอเดินออกไปและหยุดลงที่หน้าบ้านมือทั้งสองกำหมัดไว้แน่นเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องพบเจอความยากลำบากเช่นนี้!

แน่นอนว่าเขาหลงรักหญิงสาวคนนี้แล้วแต่กังวลว่าจะไม่อาจครอบครองนางได้เขากลัวว่าจะต้องพรากจากนางไป…แม้จะเป็นความรู้สึกที่ชัดเจนอยู่ในใจแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากบอกนางถึงความในใจสักครั้ง!

แต่…เขาคือบุรุษหากบอกกล่าวว่าจะจัดการให้แล้วก็คงมีแต่ต้องจัดการให้เสร็จสิ้นก็เพียงแค่ไปถามไถ่ให้รู้เรื่องจะหันหลังกลับตอนนี้ก็คงไม่เหมาะสมนัก

หยุนเคอกัดฟันแน่นก่อนจะยอมรับชะตากรรมเพียงแค่คิดว่าหญิงสาวผู้นั้นแต่งงานกับชายอื่นและมีความสุขร่วมกันหัวใจของเขาคล้ายกับถูกบีบรัดจนแทบจะแตกสลาย

เพื่อให้การสืบข่าวเป็นไปอย่างราบรื่นเขาขึ้นไปบนภูเขาและล่าเหยื่อบนนั้นก่อนจากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านถัดไปอย่างรวดเร็ว

เขาไม่รู้ว่าผู้ใดอยู่หมู่บ้านนั้นบ้างแม้ว่าจะเคยค้าขายมาไม่น้อยแต่เขาก็ไม่คิดสนใจประวัติของอีกฝ่าย

หลังจากได้เหยื่อมาแล้วเขาจึงเดินเข้าไปในหมู่บ้านนั้นพร้อมตะโกนเสียงดัง” ข้ามีเนื้อมาขาย!”

ในหมู่บ้านนี้มีนักล่าไม่มากนักอีกทั้งพวกเขายังอยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควรเช่นนี้การมีเนื้อสัตว์ราคาถูกมาขายถึงที่ย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ

อย่างไรก็ตามตอนนี้ชาวบ้านวุ่นวายอยู่กับการทำไร่และบางคนก็ต้องการซื้อเนื้อเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารสักหน่อยยิ่งไม่ต้องพูดถึงราคาที่ย่อมเย่ากว่าการเข้าเมืองการตัดสินใจซื้อไม่ยากเย็นนัก!

แม่ของหลินหูก็ได้ยินเสียงตะโกนนั้นเช่นกันนางชะโงกหัวออกมาจากบ้านพร้อมกับแผ่นทองแดงอีกสาม

” ท่านนายพรานเจ้าขายอะไรหรือแล้วขายอย่างไร?”

หยุนเคอกล่าวตอบอย่างเย็นชา” สี่สิบเหวินต่อหนึ่งตัว!”

หลินหวงมองสัตว์ป่าตรงหน้าอย่างพิจารณาส่วนใหญ่เป็นไก่ฟ้ากระต่ายและอื่นๆพวกมันแต่ละตัวล้วนมีน้ำหนักสามถึงสี่จิน!