ตอนที่ 212 ตระกูลหลินยากจน
ถ้าอยู่ในเมืองเหยื่อพวกนี้ขายกันอยู่ที่ยี่สิบเหวินต่อหนึ่งตัวแต่น้ำหนักของพวกมันไม่ได้มากมายนักแน่นอนว่าการซื้อตรงนี้ย่อมคุ้มค่ากว่ามากหากเทียบกัน
แม้หลินหวงต้องการซื้อมันมากเท่าไหร่แต่นางก็ยังลังเลที่จะจ่ายเงินกว่าสี่สิบเหวินออกไปครอบครัวของนางต้องส่งเสียบัณฑิตอยู่หนึ่งคนและทุกๆย่างก้าวของเขาคือค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น
ขณะที่นางกำลังลังเลอยู่แม่ม่ายเยวที่แสนดุร้ายเดินเข้ามาพร้อมตะโกนเสียงดัง“นี่!ถ้าไม่ซื้อก็ถอยออกไปซะแค่สี่สิบเหวินมันแพงนักหรือไง?อ้อหรือเจ้าจะแก้ต่างว่าที่บ้านส่งเสียบัณฑิตอยู่จึงไม่สามารถจ่ายได้เหอะในศีรษะของเจ้าน่ะมีสมองอยู่บ้างไหม!”
แม้หลินหวงจะฉลาดกว่าสตรีอื่นในหมู่บ้านอีกทั้งนางก็ยังรู้วิธีส่งลูกชายเข้าเรียนเพื่อสร้างอนาคตแต่ท้ายที่สุดนางก็เป็นเพียงสาวชนบทในหมู่บ้านเล็กๆเท่านั้นเมื่อได้ฟังประโยคดังกล่าวจึงตะคอกกลับเสียงดังด้วยความโกรธ“นังม่ายเยว!แล้วการที่บ้านของข้ามีบัณฑิตอยู่มันเป็นอย่างไร?เจ้าคิดอิจฉาใช่หรือไม่!”
“ข้าคงไม่อาจซื้อสัตว์ป่าพวกนี้ในราคาสี่สิบเหวินได้แต่หยุนเถียนเถียนในหมู่บ้านถัดไปสามารถซื้อได้!นางทำการค้ากับนายน้อยหลี่ในเมืองและยังมีการจัดจ้างงานในหมู่บ้านเพื่อสร้างรายได้ในชาวบ้านด้วยเมื่อครู่ข้าได้ยินมาว่านางเพิ่งซื้อที่ดินไปกว่าห้าสิบไร่!”
แม่ม่ายเยว่เม้มปากแน่นก่อนจะกล่าวเหยียดหยาม“นางมีความสามารถก็จริงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้างั้นหรือ?อย่าได้หลงลืมว่านางมีคู่หมั้นหมายแล้วอีกทั้งตอนนี้นางยังอาศัยอยู่ร่วมชายคากับคู่หมั้นของตน!”
แม่นางหวงจับจ้องแม่ม่ายเยว่ก่อนจะเผยใบหน้าภาคภูมิออกเกี่ยวอะไรกับข้างั้นหรือ?ก็แค่หมั้นหมายยังมิใช่ตบแต่ง!ข้าต้องการให้นางแต่งงานกับลูกชายข้าซึ่งเป็นถึงบัณฑิตอนาคตไกลแล้วพรานป่าบนภูเขาคนนั้นจะมาเทียบเทียมลูกชายข้าได้อย่างไร?”
แม่ม่ายเยว่ได้ยินอย่างนั้นจึงหัวเราะเบาๆก่อนจะกล่าวตอบ“โอ๊ยฝันเฟื่องต่อไปเถิด!ลูกชายเจ้ามีอะไรดีนักหรือ?ลำพังพวกเจ้ายังจะดูแลตัวเองไม่ได้การคิดอยากให้นางเข้ามาร่วมชีวิตไม่เท่ากับพานางลงนรกงั้นหรือ?ให้ลูกชายเจ้าพยายามเข้าเถิดหัดอยู่บ้านเสียบ้างแล้วขยันอ่านหนังสือฝันกลางวันเหล่านี้จะได้เป็นจริงเสียที!แล้วหากแม่นางผู้นั้นคิดแต่งงานกับลูกชายเจ้าจริงข้าว่านางก็คงจะไม่ได้ฉลาดอะไรนัก!”
แม่นางหวงถึงกับโกรธจัดเมื่อฟังคำนางพุ่งทะยานไปด้านหน้าหมายจะฉีกอีกฝ่ายออกเป็นชิ้น
“ลูกชายข้าเป็นบัณฑิตหากนางได้แต่งงานกับเขานางก็จะกลายเป็นภรรยาของบัณฑิต!หากสักวันเขาสามารถสอบผ่านและได้ดำรงตำแหน่งในสำนักงานปกครองนางก็จะกลายเป็นคุณหญิง!เช่นนี้จะไม่ดีกว่าการแต่งงานกับนายพรานได้อย่างไร?ข้าคิดว่าหากแม่นางหยุนผู้นั้นไม่คิดเช่นนี้นางก็คงไม่มีสมองอย่างแท้จริงแล้ว!”
แต่แม่ม่ายเยวก็ยังไม่คิดยอมแพ้นางยังโต้เถียงกลับอย่างดุเดือด“ฮ่าฮ่า!แล้วเจ้าคิดว่าพรานป่าผู้นั้นจะยินยอมให้เจ้าช่วงชิงภรรยาของเขางั้นหรือ?หากเขาบุกบ้านและสังหารพวกเจ้าทั้งหมดเล่าจะเป็นเช่นไร?”
แน่นอนว่าหลินหวงไม่กังวลเรื่องนั้นเลยนางตอบกลับอย่างเฉยชา“แล้วทำไมข้าต้องเกรงกลัว?เขาคงไม่ตายหรอกหากต้องสูญเสียเด็กสาวในอ้อมอกไปเขาก็แค่ส่งเด็กสาวนั่นมาให้ข้าแล้วข้าก็เพียงส่งเงินให้เขาซะก็จบเรื่องราว!”
“แล้วหากข้าไม่ยอมล่ะ?”
“เป็นไปไม่ได้…”ขณะตอบกลับหลินหวงก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติทำไมเสียงที่ตอบกลับจึงกลายเป็นเสียงบุรุษได้เล่า?
หลังจากหันไปมองตามต้นเสียงนางจึงพบว่านายพรานคนหนึ่งกำลังยืนจับจ้องด้วยแววตาแค้นเคืองอีกทั้งมือสองข้างยังกำไว้แน่นราวกับอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าจะพร้อมพุ่งมาหักคอนางอย่างไรอย่างนั้น
หลินหวงถึงกับตื่นตระหนกและนางก็ไม่รู้ว่าจะกล่าวคำใดออกจนกระทั่งรวบรวมสติได้จึงกล่าวคำอย่างติดขัด“เจ้า…เจ้า…เป็นใคร?ข้าพูดถึงลูกสะใภ้ของครอบครัวแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า…”
หยุนเคอก้าวขาไปด้านหน้าด้วยใบหน้าเย็นชาก่อนจะกล่าวตอบ“น่าเสียดายยิ่งนักข้าเป็นเพียงพรานป่าซึ่งด้อยค่ากว่าลูกชายของเจ้าแต่หากลูกชายเจ้าคิดจะฉกชิงคู่หมั้นของข้า…พวกเจ้าก็ต้องได้รับความยินยอมจากข้ามิใช่หรือ!”
หลินหวงกัดฟันแน่นนางพยายามปลอบใจตนเองนี่ไม่ใช่หมู่บ้านเทพธิดาไม่ต้องกลัวเขา!เขาก็แค่คนนอก!”
หลังจากคิดได้อย่างนั้นแล้วนางรวบรวมความกล้าก่อนจะกล่าวตอบ“ก็พวกเจ้ายังมิได้แต่งงานกันอีกทั้งแม่นางหยุนก็ไม่มีพ่อแม่เป็นตัวตนด้วยดังนั้นนางจึงต้องตอบตกลงเท่านั้น!แล้วหลังจากที่นางตกลงแล้วข้าก็ไม่จำเป็นต้องถามหาความยินยอมจากเจ้า!”
หยุนเคอขว้างสัตว์ป่าในมือทิ้งอย่างเดือดดาลหัวกระต่ายแตกออกก่อนสมองด้านในจะไหลย้อยออกมาเขาหยิบมันขึ้นมาก่อนจะสาดใส่ใบหน้าของหลินหวงอย่างโหดเหี้ยม
หลินหวงถึงกับกรีดร้องและถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความหวาดกลัว
“แล้วเจ้าคิดว่าคนอย่างข้าสามารถฆ่าเจ้าได้หรือไม่?”
หลินหวงพยายามอ้าปากก่อนจะเค้นเสียงออก“เจ้า…เจ้าไม่กล้า…หากเจ้าสังหารผู้ใดเจ้าก็ต้องแลกด้วยชีวิตตนเอง!”
มุมปากของหยุนเคอยกยิ้มขึ้นอย่างเย้ยหยันใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครายิ่งทำให้ดูโหดเหี้ยม
“แล้วหากข้าเพียงแค่ขึ้นไปบนภูเขาจับเสือมาสักตัวแล้วปล่อยมันเข้าบ้านเจ้าล่ะ?เช่นนี้ยังกล่าวว่าข้าเป็นผู้สังหารเจ้าได้หรือไม่?”
เสียงทุ่มต่ำของหยุนเคอทำให้หลินหวงรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกแม้แต่แม่ม่ายเยว่ก็ยังหวาดกลัวตามไปด้วยเช่นกัน
ในทุกคำพูดกรีดแทงหัวใจของหลินหวงราวกับฟ้าผ่านางคิดว่าหากยังโต้เถียงกับชายตรงหน้าต่อไปเสือร้ายคงปรากฏตัวขึ้นในบ้านของนางจริงๆแน่..
หลินหวงตื่นตระหนกจนนี่ราดกางเกงนางพยายามล้มลุกคลุกคลานเพื่อหลบหนีเข้าบ้านหลังจากปิดประตูลงนางพยายามทุบอกตนเองอย่างแผ่วเบาเพื่อปรับลมหายใจ
หยุนเคอเพียงก้มหยิบสัตว์ป่าที่เหลือบนพื้นนมาโดยไม่พูดอะไรต่อแม่ม่ายเยวที่ยืนมองอยู่อย่างนั้นถึงกับตื่นตระหนกนางหวาดกลัวจนไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกันแต่ทันใดนั้นเองเสียงทุ่มของพรานป่าก็ดังขึ้น
“เจ้าอยากได้พวกมันไหมข้ายกให้!”
แววตาของแม่ม่ายเยาถึงกับทอประกายออกนางรีบถามอย่างตื่นเต้น“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“ทั้งหมดนี้ข้าให้เจ้าแต่โปรดช่วยเหลือข้าที่ข้าอยากรู้ความน่ารังเกียจของครอบครัวนั้นแล้วข้าก็อยากให้เจ้าเผยแพร่พวกมันไปให้สุดทางยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี!”
แม่ม่ายเยว่ไม่ได้ชื่นชอบหลินหวงอยู่แล้วยิ่งตอนนี้นางได้รับผลประโยชน์แล้วยังสามารถจัดการศัตรูได้อีกด้วยไม่ต้องบอกก็คาดเดาได้ว่านางจะมีความสุขเท่าใดแต่ในความสุขเหล่านั้นกลับมีความกังวลใจซ่อนอยู่ไม่น้อย
“ข้าก็ไม่ค่อยพอใจนักที่นางเอาแต่พูดถึงลูกชายของตนทั้งวันนางพูดพร่ว่าลูกชายของตนนั้นเก่งกาจและมีความสามารถยิ่งการช่วยเหลือเจ้านั้นไม่ยากเย็นเลยแต่…แต่หากหัวหน้าหมู่บ้านทราบเรื่องนี้ข้าคงข้าเป็นเพียงหญิงม่ายสามีตายเท่านั้นข้าเกรงว่า…แล้วข้าก็ยังมีลกชาย…”
“หากหมู่บ้านนี้ขับไล่เจ้าไปเจ้าสามารถพาลูกชายไปที่หมู่บ้านของข้าได้แล้วข้าจะบอกกล่าวกับเถียนเถียนเรื่องของานให้เจ้าทำในโรงงาน
แม่ม่ายเยว่ยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น“เป็นจริงงั้นหรือ?เช่นนี้นับว่าเจ้าสัญญากับข้าหรือไม่?”
หยุนเคอพยักหน้ารับก่อนจะยัดสัตว์ป่าทั้งหมดใส่มือของแม่ม่ายเยว่
“ฝากเจ้าจัดการที่เหลือด้วยหวังว่าพรุ่งนี้ข้าจะได้ยินเรื่องฉาวโฉ่ของตระกูลหลินในหมู่บ้านของข้า!”
จากนั้นแม่ม่ายเยว่กลับบ้านไปพร้อมกับรอยยิ้มกว้างในมือมีตะกร้าที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่ามากมายเพราะสามีตายตกไปนางจึงใช้ความสามารถในการเย็บปักเพื่อเลี้ยงดูลูกชายที่บ้านของนางไม่ค่อยได้กินเนื้อสัตว์เท่าไหร่นักหากลูกชายได้เห็นตะกร้าใบนี้เขาย่อมดีใจมากเป็นแน่…