ตอนที่ 141

The simple life of the emperor

ในขณะที่เทียนหลางกำลังบรรเลงเพลงกู่เจิงอยู่นั้น เสียงของเฟิงหยวนก็ได้ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเขา

“คุณไม่สบายใจเรื่องอะไรงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางหยุดมือลงก่อนจะถามกลับ
“คุณรู้งั้นเหรอ ?”
เฟิงหยวนไม่ตอบอะไรเธอเพียงเดินมาหยุดอยู่ข้างๆกับเทียนหลางพร้อมกับนั่งลงและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลว่า
“ไม่บ่อยนักที่จะเห็นคุณเล่นดนตรี แต่มันก็เป็นสิ่งเดียวเช่นกันที่ช่วยคุณในการระบายอะไรบางอย่างออกมา”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย เฟิงหยวนจึงถามต่อว่า
“เกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนกลางวันงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางส่ายหน้าพร้อมกับเล่าเกี่ยวกับเรื่องที่เขาได้เจอมาเมื่อวันก่อนที่หอโอสถให้กับเฟิงหยวนได้ฟัง เฟิงหยวนที่ได้ฟังก็ถามกลับด้วยความสงสัย
“คุณรู้จักเธองั้นเหรอ ?”
“อาจจะ”
“อาจจะ ?”
เทียนหลางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเล่าเรื่องหนึ่งให้กับเฟิงหยวนได้ฟัง
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อในตอนที่เทียนหลางยังเยาว์วัยนักหากเทียบกับในตอนนี้ ในตอนนั้นเทียนหลางยังคงมีอายุราวร้อยยี่สิบปีเท่านั้น ระดับการบ่มเพาะก็ถือว่าไม่สูงมากนักเพียงแค่ระดับจักรพรรดิเท่านั้น
ถึงแม้จะเป็นเพียงระดับจักรพรรดิแต่สำหรับในโลกใบนั้น ตัวตนของเทียนหลางก็ถือว่าเป็นตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุดของยอดพีระมิด เพียงคำพูดไม่กี่คำของเทียนหลางก็สามารถจะสั่นคลอนโลกทั้งใบได้อย่างง่ายดาย
ในตอนนั้นเทียนหลางยังคงไม่ค้นพบวิธีในการเดินทางข้ามผ่านระหว่างดินแดนต่างๆ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตัวเขาได้อยู่ในจุดสูงสุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อเหตุผลในการที่จะแข็งแกร่งขึ้นหายไปเทียนหลางก็ได้หันกลับไปสนใจศาสตร์ที่ตัวเองไม่เคยจะให้ความสำคัญอย่างศาสตร์การแพทย์
เทียนหลางเดินทางไปรอบโลกเพื่อศึกษาศาสตร์การแพทย์แขนงต่างๆ แต่ในระหว่างที่ตัวเขานั้นกำลังเดินทางผ่านหุบเขาแห่งหนึ่งก็ได้พบกับครอบครัวหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ
เป็นครอบครัวที่ปอกรไปด้วยสมาชิกเพียงแค่สี่คนเท่านั้นซึ่งมีพ่อแม่ลูกชายและลูกสาว และดูเหมือนว่าครอบครัวนี้กำลังเจอกับปัญหาใหญ่ ซึ่งก็คือผู้เป็นพ่อนั้นเกิดป่วยเป็นโรคที่ยากจะรักษาจึงทำให้ต้องใช้ยาราคาแพงในการรักษา
ด้วยเหตุที่ครอบครัวของพวกเขานั้นค่อนข้างจะยากจนทำให้ไม่สามารถจะซื้อยาเหล่านั้นได้ และทันทีที่ครอบครัวของพวกเขารู้ว่าเทียนหลางเป็นคนที่มีความรู้เรื่องการแพทย์จึงได้อ้อนวอนขอให้เทียนหลางรักษาผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวโดยแลกกับการที่เทียนหลางจะขออะไรก็ได้หากเขารักษาสำเร็จ
แน่นอนว่าเทียนหลางรักษาผู้เป็นพ่อสำเร็จแต่เขานั้นไม่ขอรับของรางวัลใดๆโดยอ้างว่า
‘นี่เป็นเพียงโชคชะตานำพาเท่านั้น ไม่จำเป็นจะต้องรับสิ่งใดตอบแทน’
แต่ในขณะที่เทียนหลางกำลังจะจากครอบครัวนั้นไปลูกสาวของครอบครัวนั้นก็ได้วิ่งตามเทียนหลางออกมา และขอฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเรียนรู้ศาสตร์การแพทย์
เทียนหลางมองเห็นความกระตือรือร้นและพรสวรรค์ของเด็กสาว ก่อนจะลังเลเล็กน้อยและตอบตกลงโดยที่เธอนั้นมีชื่อว่าเจียงจื่อหยา
เทียนหลางนั้นได้สอนทุกอย่างเกี่ยวกับศาสตร์การแพทย์ที่เขารู้จักให้กับเธอ ด้วยพรสวรรค์ของตัวเธอทำให้เจียงจื่อหยานั้นใช้เวลาเพียงแค่สิบห้าปีเท่านั้นในการเรียนรู้ศาสตร์การแพทย์ทั้งหมดของเขา
ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินทางออกรักษาผู้คนอยู่นั้นสงครามระหว่างราชวงส์ทั้งสามก็ได้ปะทุขึ้น ผลกระทบจากสงครามนั้นยิ่งใหญ่เกินความคาดหมายไฟแห่งสงครามเดือดระอุไปทั่วดินแดนมีผู้คนมากมายล้มตาย
และในขณะที่เทียนหลางกับเจียงจื่อหยากำลังช่วยเหลือผู้คนอยู่นั้นกองทัพของราชวงศ์หนึ่งก็ได้เข้าโจมตีพวกเขาโดยที่คิดว่าพวกเขานั้นเป็นคนของราชวงศ์ฝ่ายตรงข้าม
การต่อสู้เริ่มรุนแรงขึ้นทันทีเนื่องด้วยเทียนหลางนั้นไม่อยากจะปะทะกับฝ่ายตรงข้ามมากนักจึงได้พยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมให้พวกเขาหนีไปได้ง่ายๆ
การต่อสู้เริ่มรุนแรงมากขึ้นเมื่อมีผู้บ่มเพาะระดับกษัตริย์อีกเจ็ดคนเข้าร่วม
แม้เทียนหลางจะเก่งกาจจะแค่ไหนแต่การที่จะรับมือกับผู้บ่มเพาะระดับกษัตริย์เจ็ดคนที่มาพร้อมกับสมบัติวิเศษครบมือก็ยังลำบากอยู่ดี
การต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดแตกหักในขณะที่เทียนหลางกำลังถูกทำให้เสียสมาธิอยู่นั้น ผู้บ่มเพาะระดับกษัตริย์คนหนึ่งก็ได้ใช้สมบัติวิเศษโจมตีใส่เทียนหลาง ด้วยการที่ในขณะนั้นเทียนหลางกำลังพัวกับการต่อสู้กับคนอื่นๆอยู่ทำให้เขานั้นไม่สามารถจะหลบการโจมตีนั้นได้ทัน
ในจังหวะความเป็นความตายนั้นเจียงจื่อหยาก็ได้พุ่งเข้ามาขวางการโจมตีนั้นและรับมันเอาไว้แทนจนทำให้เธอเสียชีวิตทันที เมื่อเทียนหลางได้เห็นลูกศิษย์ของตัวเองตายต่อหน้าต่อตาทำให้เขาถึงกับน็อตหลุดทันทีและไล่ฆ่าเหล่ากษัตริย์ทั้งเจ็ดคนทันที จากนั้นเทียนหลางก็พุ่งเข้าไปจัดการทหารทั้งหมดที่เหลืออย่างเลือดเย็นโดยไม่ปล่อยให้ใครรอดแม้แต่คนเดียว
หลังจากการพิธีศพเล็กๆให้กับเธอเรียบร้อยแล้วเทียนหลางก็ตัดสินใจจะทำสิ่งที่สั่นสะเทือนโลกทั้งใบ
นั่นคือการกวาดล้างราชวงศ์ทั้งสามทิ้งการต่อสู้ระหว่างเทียนหลางและราชวงศ์ทั้งดำเนินไปในระยะเวลาสั้นๆโดยจบลงด้วยการล่มสลายของทั้งสามราชวงศ์
หลังจากเหตุการณ์นั้นชื่อของเทียนหลางก็โด่งดังไปทั่วทั้งโลกแต่ตัวของเทียนหลางกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยที่ไม่มีใครสามารถหาตัวของเขาเจออีกเลย และไม่กี่ปีหลังจากนั้นเทียนหลางก็ได้พบกับวิธีก้าวข้ามไปสู่ดินแดนที่สูงกว่า
เมื่อเรื่องเล่าของเทียนหลางจบเฟิงหยวนก็ได้เอียงตัวมาซบไหล่ของเทียนหลางก่อนจะกล่าวกับเขาเบาๆว่า
“นี่คือเรื่องราวของเธองั้นเหรอ ?”
เทียนหลางพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่เฟิงหยวนจึงพูดออกมาอย่างติดตลกว่า
“คุณมีวัยเด็กที่น่าสนุกจังเลยนะ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ถ้างั้นผมจะเล่นเพลงให้คุณฟังก็แล้วกัน”
เมื่อเฟิงหยวนได้ยินแบบนั้นเธอก็หลับตาพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย